ชีวิตอิสระ(4wheels)
คาราวาน โตโยตา ไฮลักซ์ ไทเกอร์ ดี-โฟร์ดี
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดกิจกรรม พิสูจน์สมรรถนะ โตโยตา ไฮลักซ์ ไทเกอร์ ดี-โฟร์ดี รูปลักษณ์ใหม่ ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมขุมพลังดีเซลคอมมอนเรลเทคโนโลยีล่าสุดของเครื่องยนต์ดีเซลยุคนี้ในรูปแบบใช้งานจริง และเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งไทย-ลาว บนเส้นทางกรุงเทพ ฯ-มุกดาหาร-สะหวันนะเขต-คอนพะเพ็ง-หลี่ผี บริเวณตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวรวมระยะทางกว่า 700 กม. ซึ่ง 4 WHEELSได้มีโอกาสร่วมเดินทางพร้อมเก็บภาพและเรื่องราวประทับใจมากมายมาเล่าสู่กันฟัง
วันแรก
มุ่งหน้าไปมุกดาหาร ประตูสู่ลาว
คณะสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ของ โตโยตา เกือบ 100 ชีวิต ออกจากกรุงเทพ ฯ โดยเครื่องบินลงที่สนามบินอุดรธานี และนั่งรถบัสต่อไปยังจังหวัดมุกดาหาร เพื่อพักผ่อนที่โรงแรมพลอยพาเลศในช่วงค่ำเรานัดรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อรับประทานอาหารพร้อมทั้งฟังบรรยายสรุปเส้นทางและข้อมูลเกี่ยวกับภูมิประเทศเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อเดินทางต่อเป็นขบวนคาราวานไปยัง สะหวันนะเขต-ปากเซ ในวันรุ่งขึ้น
วันที่สอง
ข้ามชายแดน สัมผัสแรกถิ่นเมืองลาว
เวลาประมาณ 7 โมงครึ่ง คณะคาราวาน 24 คันรวมตัวกันที่ศูนย์ โตโยตา จังหวัดมุกดาหารเพื่อทำพิธีปล่อยรถก่อนจะมุ่งหน้าสู่ท่าเรือขนานยนต์เพื่อข้ามฟากแม่น้ำโขง ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็มาถึงฝั่ง สปป. ลาวหลังจากผ่านพิธีการขั้นตอนเข้าประเทศเรียบร้อย เราเดินทางต่อระยะทาง 280 กม. สู่แขวงสะหวันนะเขตเมืองใหญ่อันดับสองของสปป. ลาว รถนำขบวนเริ่มวิ่งเลียบไปตามลำน้ำโขง เที่ยวชมเมืองคันทะบุรีเมืองหลักของแขวงสะหวันนะเขต พร้อมกับชมเมืองและอาคารที่มีสถาปัตยกรรมแบบอาณานิคม
หลังจากนั้นเดินทางไปนมัสการพระธาตุอิงฮัง ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเป็นหนึ่งในสามพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ ของพี่น้องสองฝั่งโขงไทย-ลาว (พระธาตุพนพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ และพระธาตุอิงฮัง) โดยมีประวัติที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับนั่งเอนหลังพิงต้นฮังแถบบริเวณนี้ซึ่งในพระธาตุองค์นี้ เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกระดูกสันหลังของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ภายในพระธาตุอิงฮังยังห้ามผู้หญิงเข้าไปชมด้วย
เมื่อชมความงามของพระธาตุกันอย่างเต็มอิ่มแล้ว ได้เดินทางต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 13มุ่งหน้าไปยังเมืองปากเซ เพื่อแวะชม "ภูเพียงโบโลเวนส์" เป็นเขตอุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศเป็นพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจประเภท กาแฟ ชา พริกไทย ถั่วลิสง แต่คณะของเราได้แวะชมไร่กาแฟของชนเผ่าลาวเทิงที่ฝรั่งเศสได้ถ่ายทอดวิชาการปลูกกาแฟ และถือเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญอย่างหนึ่งของ สปป. ลาวและแวะชมความงามของ"น้ำตกตาดฟาน" ก่อนที่จะเดินทางกลับสู่ที่พัก ณ โรงแรมจำปาสัก พาเลศ ที่เป็นวังเดิมของ เจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาสัก และร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ พร้อมรับประทานอาหารค่ำ ชมการแสดงฟ้อนรำพื้นเมืองก่อนแยกย้ายพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้เดินทางต่อวันรุ่งขึ้น
วันที่สาม
ชมน้ำตกใหญ่ที่สุดในเอเชีย
คาราวานต้องออกเดินทางตั้งแต่ 8 นาฬิกาตรงเนื่องจากตามกำหนดการแล้ววันนี้ต้องเดินทางไปชมภูมิประเทศที่สวยงามของ สปป. ลาว อย่างทั่วถึงอีกหลายจุด เริ่มต้นจากชมความยิ่งใหญ่ของแม่น้ำโขงที่มีความยาวถึง 4,909 กม. ไหลผ่าน 6 ประเทศ จีน พม่า สปป. ลาว ไทย กัมพูชาและไปออกทะเลที่เวียดนามตอนใต้ และชมสัญลักษณ์ของลาวใต้ สู่บ้านเพียงดี เพื่อนั่งเรือเข้าสู่บริเวณ "มหานทีสี่พันดอน" หรือเขตแขวงสีทันดรในการปกครองของสยาม ลัดเลาะเกาะแก่งไปยังดอนคอน ดอนเดด และเดินเท้าต่ออีกประมาณ 2 กม.เพื่อไปชมความงามของน้ำตกหลี่ผี ที่ไหลผ่านเกาะแก่งจำนวนมาก จากนั้นก็นั่งเรือกลับมาที่ฝั่ง และนั่งรถต่อไปอีก 2-3 กม.สู่จุดสิ้นสุดของแม่น้ำโขง เพื่อชมน้ำตกคอนพะเพ็งน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในเอเชียอาคเนย์จนนักท่องเที่ยวขนานนามว่า "ไนแองการา" แห่งเอเชีย
ออกเดินทางจาก น้ำตกคอนพะเพ็ง ไปสู่ชายแดนใต้สุดของ สปป. ลาว เข้าสู่บ้านเวินคามหมู่บ้านท่าด่านชายแดน สปป. ลาว-กัมพูชาและชุมชนค้าขายส่งปลาน้ำจืดที่จับจากแม่น้ำโขงด้านใต้สี่พันดอน ซึ่งเป็นมหานครแห่งปลาน้ำจืด นั่งเรือไปยังเวินปลากว้าง โดยแวะปักหลักในบริเวณฝั่งที่เป็นพื้นที่ของประเทศกัมพูชาเพื่อชมปลาข่า หรือโลมาน้ำจืดนั่งรอไม่นานฝูงปลาข่าแหวกว่ายกระโดดขึ้นเหนือน้ำให้คณะเราได้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม จนหลายคนต้องหยิบกล้องถ่ายรูปมาเก็บภาพประทับใจเอาไว้ ซึ่งภาพเหล่านี้คงไม่สามารถพบเห็นได้บ่อยนักขากลับล่องเรือตามร่องน้ำที่เป็นกำปั่นฝรั่งเศส ซึ่งเดินทางมาจากทะเลจีนใต้พร้อมแวะชมท่าเทียบกำปั่นขนาดใหญ่ที่บ้านหางคอน ดอนคอน จนถึงเวลาเดินทางกลับสู่ฝั่ง และเดินทางกลับสู่เมืองปากเซโดยใช้เส้นทางเดิม
วันสุดท้าย
ทดลองสมรรถนะ บนเส้นทางวิบาก
หลังจากตื่นแต่เช้าชมพระอาทิตย์ขึ้นและทัศนียภาพที่สวยงามของลาวใต้บนดาดฟ้าของโรงแรมจำปาสัก พาเลศ คาราวานเริ่มออกเดินทางอีกครั้งแวะตลาดเช้าดาวเรือง ตลาดใหญ่ที่สุดของเมืองปากเซและลาวภาคใต้ สะพานมิตรภาพลาว ญี่ปุ่น สะพานข้ามเซโน สร้างครั้งสมัยฝรั่งเศสปกครองเดินทางย้อนกลับถนนหมายเลข 13 ลงสู่เขตเมืองประทุมพอน ข้ามแม่น้ำโขงที่บ้านท่าม่วง สู่บ้านพะจีน ด้วยเรือแพขนานยนต์ ชมเมืองจำปาสักอดีตเมืองหลักของ อาณาจักรล้านช้าง
ชมและนมัสการวัดภู สถาปัตยกรรมฮินดูที่ตีความเชื่อผสานภูมิทัศน์สู่ความเชื่อทางศาสนาและเป็นแหล่งมรดกโลกล่าสุดของ สปป. ลาว หลังจากนั้นเดินทางกลับตามเส้นทางลูกรังเลียบฝั่งแม่น้ำโขงจากเมืองจำปาสักสู่เมืองโพนทอง ตามถนนลูกรังระยะทางประมาณ 40 กม.ช่วงนี้ขบวนต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทางมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเนื่องจากฝุ่นที่เกิดขึ้นจากรถคันหน้าทำให้ทัศนวิสัยลดลงไปเยอะ เมื่อบวกกับถนนลูกรังที่ลื่นมากกว่าถนนปกติอยู่แล้ว ถ้าคันหน้าเบรคกะทันหันอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นทั้งเรื่องความเร็วและระยะห่างระหว่างรถแต่ละคันต้องทิ้งระยะปลอดภัยมากเป็นพิเศษ ผลปรากฏว่ารถ โตโยตา ไฮลักซ์ ไทเกอร์ ดี-โฟร์ดี สอบผ่านโดยสามารถผ่านเส้นทางวิบากที่มีทั้งถนนลูกรังแห้งและหลุมโคลนลึกได้ฉลุยทุกคันแม้จะเป็นรุ่นขับเคลื่อนสองล้อก็ตาม
ต่อด้วยถนนราดยางหมายเลข 16 มุ่งหน้าสู่ช่องเม็ก ระยะทางประมาณ 20 กม.ซึ่งช่วงนี้ผู้ขับในรถแต่ละคันต้องใช้ความเร็วกันอย่างเต็มที่ เพื่อรีบไปให้ถึงชายแดนก่อนเวลาที่ด่านจะปิดเราต้องเสียเวลากับช่วงผ่านแดนนานพอสมควร เมื่อผ่านขั้นตอนการข้ามแดนทั้งสองประเทศเราก็มีโอกาสได้เลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีฝั่งชายแดนด่านวังเต่า สปป. ลาว ก่อนขับรถกลับจังหวัดอุบลราชธานี
ตามกำหนดการแล้วคณะเราต้องแวะรับประทานอาหารกันที่ร้านอินโดจีนซึ่งเป็นร้านอาหารเวียดนามที่ขึ้นชื่อในจังหวัดอุบลราชธานีแต่เนื่องจากเราเสียเวลากับการเดินทางมากกว่าที่วางแผนเอาไว้ จึงต้องเปลี่ยนแผนใส่กล่องขึ้นมาทานบนรถแทน เพื่อมาขึ้นเครื่องบินให้ทันเวลา ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
อย่างไรก็ตามเราไปถึงสนามบินทันเวลา 19.40 น.พร้อมเก็บความประทับใจในการเดินทางพิชิตเส้นทางลาวใต้กับ โตโยตา ไฮลักซ์ ไทเกอร์ ดี-โฟร์ดี ตลอดทั้ง 4 วัน 3 คืนไปอีกนาน
เรื่องโดย : สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์
ภาพโดย : สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์/บริษัทผู้ผลิต
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56239