ปีนี้ตลาดรถยนต์บ้านเราเปิดตัวไม่สวยเลย ยอดขายรวมในไตรมาสแรกอยู่ที่ 163,756 คัน ลดลง 24.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566
เรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์กันว่า สาเหตุหลักเนื่องมาจาก เศรษฐกิจไทยชะลอตัว เงินเฟ้อสูงขึ้น กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ทำให้ต้องรัดเข็มขัดระมัดระวังการใช้จ่าย เลือกซื้อเฉพาะสินค้าจำเป็น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่รถยนต์
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังออกมาตรการควบคุมสินเชื่อ เพื่อลดความเสี่ยงในระบบการเงิน ส่งผลให้ผู้ขอสินเชื่อรถยนต์ได้รับอนุมัติยากขึ้น ถ้าอยากซื้อก็ต้องเพิ่มเงินดาวน์ หรือหาเงินกู้จากแหล่งอื่น หลายรายเลยชะลอการซื้อ หันไปใช้ขนส่งสาธารณะ หรือบริการเรียกรถผ่านแอพพลิเคชัน ซึ่งเดี๋ยวนี้ค่อนข้างสะดวก จนเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งหมดนั้นเป็นการวิเคราะห์ของบรรดากูรู ซึ่งผมไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เพียงแต่อยากพูดถึงอีกหนึ่งสาเหตุเล็กๆ ที่ผมเห็นว่ามีส่วนทำให้รถขายไม่ออก
นั่นคือ อิทธิพลของข่าวลือ !
สังเกตไหมครับว่า นับแต่รถไฟฟ้ามาแจ้งเกิดในบ้านเรา ตลาดรถก็เต็มไปด้วยข่าวลือทั้งดี และร้าย ไม่เว้นแต่ละวัน
เอาละ ข่าวลือด้านดีอาจถือเป็นการสร้างสีสันให้ตลาด เช่น ข่าวว่าเดี๋ยวจะมีการลดราคา เดี๋ยวจะมีการจัดแคมเปญ หรืออีกไม่นานจะมีการเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ บแรนด์ใหม่
ที่แย่จริงๆ คือ ข่าวลือด้านร้าย อย่างล่าสุดลือกันสนั่นว่า บแรนด์ดังรถสันดาปรายหนึ่งกำลังจะเลิกกิจการ เพราะสู้กระแสรถไฟฟ้าไม่ไหว และไม่ใช่แค่บแรนด์ที่เป็นข่าวเท่านั้น ยังมีอีกหลายบแรนด์เตรียมถอนตัวตามไป ด้วยเหตุผลเดียวกัน
สุดท้าย ไม่มากก็น้อย ข่าวลือทั้งดี และร้ายก็มีส่วนทำให้ผู้บริโภคลังเล และชะลอการซื้อรถออกไป
ดังนั้น หวังว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น (เพราะเงินแจกดิจิทอล ?!) และธนาคารเริ่มผ่อนคลายสินเชื่อ ข่าวลือ (โดยเฉพาะเรื่องร้ายๆ) ในโซเชียลมีเดียจะหมดไปด้วย ตลาดจะได้กลับมาซื้อง่ายขายคล่องเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญกว่า คือ หวังว่าพอถึงเวลานั้น ข่าวลืออัปมงคลทั้งหลายจะไม่กลายเป็นจริง !
บทความแนะนำ