เจ้าของเครื่องหมายการค้า “ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว” ใช้เดือนที่ 6 ของปีมังกรไฟ เป็นฤกษ์งามยามดีในการเปิดตัวรถ BMW X3 (บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3) รุ่นใหม่ (รุ่นที่4) แต่ต้องรอจนถึงไตรมาสสุดท้ายของปีจึงจะเริ่มการจำหน่าย แทนที่รถรุ่นเดิมซึ่งเป็นรถขายดีที่สุดของค่ายนี้ (ปี 2023 ขายในตลาดทั่วโลกมากกว่า 350,000 คัน)
เป็น COMPACT LUXURY CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดเล็กกะทัดรัด ซึ่งมีตัวถัง ยาว 4.755 ม. กว้าง 1.920 ม. และสูง 1.660 ม. คือ ยาวขึ้น 3.4 ซม. กว้างขึ้น 2.9 ซม. แต่เตี้ยลง 2.5 ซม. เมื่อเทียบกับตัวถังของรถรุ่นเดิม ค่ายใบพัดอธิบายว่าการลดระดับความสูงของหลังคา ช่วยเพิ่มลักษณะสปอร์ทของตัวถัง ส่วนสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศซึ่งบ่งบอกความลื่นลม มีค่าต่ำสุด 0.27 คือ ดีกว่ารถรุ่นก่อนซึ่งมีค่าต่ำสุด 0.29 เป็นตัวถังที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด รูปทรงองค์เอว และหน้าตาดูดีกว่ารถรุ่นก่อน ที่โดดเด่นสะดุดตามาก คือ แผงกระจังหน้า ซึ่งมีทั้งซี่โลหะตั้งตรงในแนวดิ่ง และซี่โลหะที่วางในแนวเอียงทะแยงมุม
มีทั้งรถติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน รถติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล และรถติดตั้งระบบ PLUG-IN HYBRID (พลัก-อิน ไฮบริด) หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี สถานที่ผลิตก็เช่นเดียวกับรถรุ่นก่อน คือ จะกระทำทั้งที่เมือง SPARTANBURG (สปาทันเบิร์ก) ในรัฐ SOUTH CAROLINA (เซาธ์แคโรไลนา) ของสหรัฐอเมริกา และที่เมือง ROSSLYN (โรสสลิน) ของแอฟริกาใต้ การจำหน่ายในตลาดหลัก คือ สหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป จะเริ่มต้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 นี้ ส่วนตลาดอื่นๆ ต้องรอเดือนมกราคม 2025
ในระยะแรกจะมีรถให้เลือก 4 โมเดล คือ BMW X3 30E XDRIVE (PLUG-IN HYBRID 220 กิโลวัตต์/299 แรงม้า) BMW X3 20 XDRIVE (เทอร์โบเบนซิน 4 สูบเรียง 1,998 ซีซี 140 กิโลวัตต์/190 แรงม้า พร้อมระบบ MILD HYBRID 48 โวลท์ 13 กิโลวัตต์/18 แรงม้า) BMW X3 M50 XDRIVE (เทอร์โบเบนซิน 6 สูบเรียง 2,998 ซีซี 280 กิโลวัตต์/381 แรงม้า พร้อมระบบ MILD HYBRID 48 โวลท์ 13 กิโลวัตต์/18 แรงม้า) และ BMW X3 20D XDRIVE (เทอร์โบดีเซลฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,995 ซีซี 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า พร้อมระบบ MILD HYBRID 48 โวลท์ 8 กิโลวัตต์/11 แรงม้า) ทุกโมเดลเป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ที่ส่งกำลังเครื่องยนต์สู่ล้อผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ STEPTRONIC