ปีนี้ยอดจำหน่ายรถยนต์ถือว่าเป็นช่วงปราบเซียนจริงๆ มองไปทางไหน ก็เจอกับบรรยากาศที่เงียบเหงา ตัวเลขต่างๆ หดตัวกันถ้วนหน้า โดยตัวเลขจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รายงานยอดการผลิตต่างๆ ทั้งยอดผลิต, ยอดผลิตเพื่อส่งออก และยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ มีรายละเอียดที่น่าสนใจตามนี้
ยอดการผลิต ผ่านมา 7 เดือนแรกของปี เดือนกรกฎาคม 2567 มีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 124,829 คัน ลดลง 16.62 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดผลิตเพื่อขายในประเทศ ลดลงถึง 40.85 % ตามสภาวะการขายของตลาดรถยนต์ในประเทศที่ปรับตัวลดลงจากมาตรการความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน เนื่องจากภาวะหนี้ครัวเรือนสูง และเศรษฐกิจอ่อนแอ ส่งผลให้ยอดผลิต 7 เดือนแรก ผลิตได้ 886,069 คัน ลดลง 17.28 %
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ ยอดจำหน่ายเดือนกรกฎาคม 2567 มีจำนวน 46,394 คัน ลดลง 20.58 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพราะปัญหาความเข้มงวดของการให้สินเชื่อ โดยเฉพาะรถกระบะ ขนาด 1 ตัน และรถบรรทุก จากสภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 91.0 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของประเทศไทย และจากสภาพเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำ ในอัตรา 1.5 % ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา จากงบประมาณรายจ่ายล่าช้า ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 พบว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศมียอดขาย 354,421 คัน ลดลง 23.71 % ถ้าเราเทียบกับประเทศในแถบอาเซียนทั้งหมด เราโตน้อยมาก รั้งอันดับรองบ๊วย แต่ยังดีกว่า GDP ของประเทศเมียนมาร์ เพื่อนบ้านเราที่ติดอันดับบ๊วยสุด
สำหรับยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา เราส่งออกรถยนต์ไปจำหน่ายทั่วโลก 83,527 คัน ลดลง 22.70 % เนื่องจากปัญหาการขนส่งไปตะวันออกกลาง และยุโรป จากภาวะสงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ทำให้มียอดส่งออกรถยนต์ทั้งคันน้อยลง การส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย, ออสเตรเลีย, ตะวันออกกลาง, ยุโรป, อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ โดยมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 56,397.87 ล้านบาท ลดลง 16.56 % รวมยอดส่งออกรถยนต์ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 อยู่ที่ 602,567 คัน ลดลง 5.39 %
และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ปรับเป้าการผลิตรถปี 2567 ตั้งแต่ช่วงกลางปี จากเป้าหมายเดิม 1,900,000 คัน เป็น 1,700,000 คัน ลดลง 200,000 คัน โดยปรับเฉพาะเป้าหมายการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ลดลงจาก 750,000 คัน เป็น 550,000 คัน ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ ครึ่งปีแรกเราขายได้ 307,995 คัน ! อย่างที่บอกละครับว่า ปีนี้ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศอาจจะไม่สวยหรูมากนัก กำลังการผลิตที่หายไป 200,000 คัน นี่อาจจะหมายความว่า ในอนาคตกำลังการผลิตรถ EV จะมีสัดส่วนเข้ามาทดแทนตรงนี้เพิ่มขึ้น
ถ้าเรามองแผนการผลิตรถ EV ในประเทศไทยจากค่ายรถจีน ตามแผนงานที่เสนอไว้ จะเพิ่มยอดการผลิตรถยนต์ขึ้น 750,000 คัน/ปี หากโรงงานเปิดเต็มรูปแบบ เรามาดูกำลังการผลิตของแต่ละค่ายกันบ้าง ค่าย NETA (เนทา) 200,000 คัน, BYD (บีวายดี) 150,000 คัน, CHANGAN (ฉางอัน) 100,000-200,000 คัน, MG (เอมจี) 100,000 คัน, GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) 80,000 คัน และ GAC AION (จีเอซี ไอออน) 50,000 คัน แต่กว่าจะเดินสายการผลิตเต็มสูบตามที่คุยกันไว้ คงต้องรอความชัดเจนอีกหลายเรื่อง แต่ที่แน่ๆ ปีนี้เราอาจจะหลุดโผ TOP 10 ประเทศผู้ผลิตรถยนต์มากที่สุดในโลก
แต่ตอนนี้ เรามาโฟคัสที่ยอดขายในประเทศกันก่อนว่า จะก้าวข้าม 650,000 คันหรือไม่ ? ยังเหลืองาน MOTOR EXPO 2024 ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม อีกหนึ่งงาน มาลุ้นตัวเลขยอดขายปิดท้ายปี ไปพร้อมๆ กัน