ผู้ใช้รถไฟฟ้าหลายท่านมีความกังวลเวลาชาร์จไฟ “ขณะฝนตก” ว่าไฟฟ้าจะมีโอกาสรั่วได้หรือไม่ ? น้ำจะกระเด็นเข้าช่องชาร์จไฟได้หรือเปล่า และมีวิธีไหนบ้าง หากต้องชาร์จไฟขณะฝนตก DIY…คุณทำเองได้ ฉบับนี้ มีคำตอบ
เรื่องการชาร์จไฟขณะฝนตก ถือเป็นเรื่องแรกๆ ที่นักออกแบบระบบชาร์จรถไฟฟ้า จะต้องนำมาพิจารณากันอยู่แล้ว ปกติแล้วแท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ AC (กระแสสลับ) และ DC (กระแสตรง) ซึ่งแต่ละแบบได้รับการออกแบบมาอย่างดีตามมาตรฐาน โดยมีระบบป้องกัน หรือที่ครอบ ที่ช่วยให้สามารถระบายน้ำได้ดีขณะฝนตก รวมถึงมีการติดตั้งระบบตัดไฟรั่ว และลงสายดิน หากเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
ส่วนในตัวรถยนต์ไฟฟ้าเอง ก็มีระบบป้องกันไฟรั่วต่างๆ เป็นอย่างดีเช่นกัน ถึงแม้จะโดนฝนก็สามารถใช้งานได้ปกติ เพราะระบบไฟฟ้าได้รับการปกป้องจากฉนวนไฟฟ้า และยังมีซีลกันน้ำ ที่ช่วยป้องกันน้ำเข้าไปยังขั้วชาร์จไฟฟ้า หากเกิดไฟรั่ว ระบบเซนเซอร์จะตัดกำลังไฟฟ้าทันที จึงทำให้เราสามารถชาร์จไฟในขณะที่ฝนตกได้
ขณะฝนตก เราสามารถชาร์จไฟรถได้ แต่มีข้อระวังนิดหน่อยว่า หากฝนตกหนักขณะที่เรากำลังจะชาร์จ ควรกางร่มขณะเสียบชาร์จไฟทุกครั้ง หรือควรรอให้ฝนเบาลงเสียก่อน เพื่อป้องกันละอองน้ำกระเด็นเข้าปลั๊กหัวชาร์จ หรือช่องชาร์จที่ตัวรถ และควรเช็ดบริเวณจุดชาร์จไฟของรถให้แห้งทุกครั้ง ก่อนปิดฝา
1. สายชาร์จไฟ
2. คาร์ดสั่งชาร์จ
3. ร่ม
4. ผ้าสะอาด
1. กางร่ม ก่อนเปิดฝาช่องชาร์จไฟทุกครั้ง ขณะฝนตก
2. นำผ้าแห้งเช็ดหัวจ่าย WALL CHARGER และเต้ารับที่รถให้สะอาด
3. เสียบสายชาร์จ TYPE 2 หัวเล็ก เข้า WALL CHARGER ให้แน่น
4. นำสายชาร์จข้างที่เหลือ TYPE 2 หัวใหญ่ เสียบเข้ากับตัวรถ
5. รถบางคัน อาจต้องลอครถให้เรียบร้อย ก่อนชาร์จไฟ
6. นำคาร์ดไปแตะบริเวณ WALL CHARGER เพื่อทำการสั่งชาร์จไฟ
7. ดูสถานะการชาร์จที่หน้าจอ ถ้าหน้าจอขึ้นกำลังชาร์จถือว่าทำถูก
8. เมื่อไฟเต็มให้ปลดลอครถ ใช้คาร์ดสั่งปิด และเช็ดช่องชาร์จให้แห้ง ก่อนถอดสายออก
บทความแนะนำ