4 WHEELS ฉบับมกราคม 2568 มีคอนเทนท์เด่นๆ และเรื่องน่ารู้มานำเสนอคุณผู้อ่านเช่นเคย ฉบับนี้เรามีคอนเทนท์ “จับตารถใหม่ปี 2568” ลองไปติดตามกันว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ จะมีรถอะไรบ้างที่รอคิวเปิดตัว แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องรถรุ่นใหม่ๆ ลองมาฟังบทวิเคราะห์ตลาดรถยนต์ในมุมมองของสถาบันการเงินกันสักหน่อย
SCB EIC ประเมินไว้ว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย ที่ซึมลึกจากปลายปี 2566 ส่งผลมาถึงปี 2567 แบบเต็มๆ ยอดจำหน่ายที่เคยตั้งเป้าไว้ว่า จะไม่น้อยกว่า 7-8 แสนคัน ช่วงต้นปี กลายเป็นไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มีการประเมินสถานการณ์สิ้นปี 2567 ตัวเลขไม่น่าจะเกิน 5.5 แสนคัน !
ส่วนปีนี้ 2568 สถาบันการเงินประเมินสถานการณ์ออกมาแล้วว่า ยังจะ “ซึม” ต่ออีก 2 ไตรมาส หรือ 6 เดือนแรกของปี แต่มีทิศทางกระเตื้องขึ้นในช่วง 2 ไตรมาสหลังของปีนี้เช่นกัน
ปัจจัยที่ส่งผลให้ตัวเลขยอดจำหน่ายชะลอตัว ยังคงเป็นปัญหาเดิมๆ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น และการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดของสถาบันการเงินต่างๆ ยังคงเป็น 2 สาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดรถยนต์ยังไม่อู้ฟู่เหมือนสมัยก่อน อัตราการฟื้นตัวยังอยู่ในระดับต่ำ และคาดว่าจะยังไม่สามารถกลับสู่ระดับ PRE-COVID ได้ภายในปี 2571
สรุป คือ ซึมลึก ซึมอยู่ และซึมต่อไป !
เรามาดูข้อมูลยอดจำหน่ายรถในประเทศ และประมาณการปี 2567-2571 กันครับ
ปี 2566 เรามียอดจำหน่ายรถยนต์รวมทั้งสิ้น 7.8 แสนคัน เทียบกับยอดปี 2567 ที่เราคาดหวังไว้ที่ตัวเลข 5.5 แสนคัน ตลาดติดลบ 29.2 % แล้วรถยนต์ประเภทไหนละ ที่ได้รับผลกระทบมากสุด ตอบเลยครับว่า รถกระบะ ในปี 2566 รถกระบะมียอดจำหน่าย 4.8 แสนคัน พอมาปี 2567 ประมาณการจะขายได้ทั้งสิ้น 3.4 แสนคัน ตลาดติดลบ 30.0 % ส่วนตลาดรถยนต์นั่ง ปี 2566 มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 2.9 แสนคัน ปี 2567 ประเมินว่าจะมีตัวเลขที่ระดับ 2.1 แสนคัน ติดลบ 28.0 %
มองภาพรวมอีกทีครับ ยอดจำหน่ายรถรวมของปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 จะติดลบ 29.2 % ตัวเลขรถกระบะ ปี 2567 เทียบกับปี 2566 ติดลบ 30.0 % และตลาดรถยนต์นั่ง ปี 2567 เทียบกับปี 2566 ติดลบ 28.0 %...สรุป คือ เราติดลบ 3 ขาในตลาดหลักๆ
คราวนี้เราลองมามองตัวเลขประมาณการของปี 2568 กันต่อครับ สถาบันการเงินประเมินสถานการณ์แนวรบที่ดุเดือดของตลาดรถยนต์ไว้ดังนี้
ภาพรวมของตลาดรวม ประมาณที่ 5.5 แสนคัน เหมือนปี 2567 แต่อาจจะมีปัจจัยบวก หรือลบนิดหน่อย ส่วนประมาณการตลาดรถกระบะ 3.3 แสนคัน จะติดลบ 1.4 % และตลาดรถยนต์นั่ง 2.1 แสนคัน อาจจะบวกขึ้นมาเล็กน้อย
ส่วนการมองไกลถึงปี 2571 ทั้งตลาดรวม, ตลาดรถกระบะ และตลาดรถยนต์นั่ง มีทิศทางในแนวบวก ทั้ง 3 ส่วนจะกระเตื้องขึ้น โดยตลาดรวมขยับขึ้นประมาณ 3.6 % ตลาดรถกระบะขยับขึ้น 3.6 % เช่นกัน และตลาดรถยนต์นั่ง ขยับขึ้น 3.7 % ดีกว่าตลาดรถกระบะ...ทั้งหมดนี้ คือ คาดการณ์สถานการณ์ตลาดรถบ้านเรา ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า มองไกลไปหน่อย แต่ก็ยังมีความหวังที่สถานการณ์ในแต่ละปี จะดูดีขึ้น และสงครามราคาจากรถจีน ไม่น่าจะยืดเยื้อจนบานปลาย
กลับมาดูรถใหม่ในบ้านเราที่รอเปิดตัวโฟคัสไปที่รถกระบะ, รถเอสยูวี และรถเอมพีวี เช่น KIA EV3 (เกีย อีวี 3), TANK 300 DIESEL (แทงค์ 300 ดีเซล), DEEPAL S05 (ดีพอล เอส 05), MG ES5 (เอมจี อีเอส 5), ZEEKR 7X (ซีเคอร์ 7 เอกซ์), SUZUKI FRONX (ซูซูกิ ฟรองซ์) และ MAZDA BT-50 PRO MINORCHANGE (มาซดา บีที-50 พโร ไมเนอร์เชนจ์) ทั้ง 7 คัน 7 ยี่ห้อนี้น่าจะช่วยกระตุ้นตลาดรถได้ไม่มากก็น้อย