เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
ข่าวด่วน APPLE INTELLIGENCE
มาช้า ดีกว่าไม่มา ! ล่าสุด APPLE ได้พัฒนา AI โดยเน้นที่ข้อมูลส่วนบุคคล ที่ถูกจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ของคุณ
APPLE และการก้าวสู่โลกปัญญาประดิษฐ์ในแบบฉบับของตัวเอง
แม้จะใช้เวลานาน แต่ในที่สุด APPLE ก็ได้ก้าวเข้าสู่โลกของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเช่นเคย APPLE ได้นำเสนอความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองให้กับเทคโนโลยีนี้ ไม่ใช่แค่การประกาศใช้ AI แบบทั่วไปเหมือนบริษัทอื่นๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ APPLE ได้พัฒนา “APPLE INTELLIGENCE” มุ่งเน้นไปที่ฟีเจอร์ที่เข้าใจความต้องการส่วนบุคคลของผู้ใช้ พร้อมทั้งยังเคารพในความเป็นส่วนตัวของคุณด้วย
นี่คือ นิยามของการทำงานในแบบฉบับ APPLE แม้จะพูดถึงเรื่องนวัตกรรมอยู่เสมอ แต่ APPLE ไม่ค่อยเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมดด้วยตัวเอง สิ่งที่บริษัททำได้ดี คือ การมองเห็นศักยภาพของเทคโนโลยีใหม่ๆ และนำมาพัฒนาให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดใจคนทั่วโลก
APPLE ไม่ใช่บริษัทแรกที่คิดค้นเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา หรือสมาร์ทโฟน แต่เมื่อ IPOD เปิดตัวในปี 2001 และ IPHONE ในปี 2007 ทุกคนเห็นตรงกันว่า APPLE ได้สร้างอุปกรณ์ที่มีการออกแบบที่โดดเด่น และใช้งานได้ดีกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ประสบความสำเร็จทั่วโลกเพราะผู้คนหลายล้านคนต้องการเป็นเจ้าของ และภูมิใจที่ได้ถืออุปกรณ์ที่ดู “เจ๋ง” เหล่านี้ในมือ (รวมถึงเกทเจทอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จ เช่น MACBOOK AIR, IPAD และ AIRPODS)
การเรียนรู้ของเครื่อง
จริงอยู่ที่ APPLE อาจล้าหลังกว่าเล็กน้อยในเรื่อง AI เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยมีการใช้งานแชทบอท และเครื่องมือ AI ต่างๆ กันอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ กระแสความนิยมของ AI ยังช่วยผลักดัน NVIDIA ซึ่งเป็นบริษัทหลักที่ผลิตโพรเซสเซอร์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงสำหรับระบบ AI ให้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก เคียงข้างกับ APPLE
เรื่องนี้นับว่าน่าสนใจ เพราะที่จริงแล้ว APPLE ได้เตรียมการเบื้องหลังสำหรับการเข้าสู่โลกของ AI มาเป็นเวลาหลายปีโดยไม่บอกให้ใครรู้
ย้อนกลับไปในปี 2017 APPLE ได้เปิดตัว iPhone 8 ซึ่งมาพร้อมกับโพรเซสเซอร์แบบหลายแกน (MULTI-CORE) อันทรงพลังอย่าง A11 BIONIC ซึ่งแม้การมีโพรเซสเซอร์แบบหลายแกน จะถือเป็นเรื่องปกติในอุปกรณ์พกพา และคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน แต่ A11 BIONIC เป็นโพรเซสเซอร์รุ่นแรก ที่มีฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า “NEURAL ENGINE”
NEURAL ENGINE นี้ช่วยให้ IPHONE สามารถทำงานที่ซับซ้อน เช่น การจดจำใบหน้า การจัดระเบียบรูปภาพ และวีดีโอ แน่นอนการช่วยให้ SIRI ผู้ช่วยเสียงของ APPLE เข้าใจคำสั่งที่คุณพูดได้ดีขึ้น ทุกวันนี้ IPHONES, IPADS และ MACS ทุกรุ่นมาพร้อมโพรเซสเซอร์ที่มี NEURAL ENGINE ที่ทรงพลัง อย่างไรก็ตาม โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา APPLE ไม่เคยใช้คำว่า “ปัญญาประดิษฐ์” (ARTIFICIAL INTELLIGENCE) ในการอธิบายเทคโนโลยีของตัวเอง แต่เลือกที่จะใช้คำว่า “การเรียนรู้ของเครื่อง” (MACHINE LEARNING) แทน จนกระทั่งไม่นานมานี้
เมื่อ TIM COOK ซีอีโอของ APPLE ประกาศเปิดตัว APPLE INTELLIGENCE ในงานประชุมนักพัฒนาทั่วโลกของบริษัท (WWDC) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขาได้กล่าวว่า “เราใช้ระบบการเรียนรู้ของเครื่อง (MACHINE LEARNING) ในผลิตภัณฑ์ของ APPLE มานานหลายปีแล้ว”
อย่างไรก็ตาม เขายังยอมรับด้วยว่าความก้าวหน้าล่าสุดในด้าน “ปัญญาประดิษฐ์แบบสร้างสรรค์” (GENERATIVE INTELLIGENCE) และ “โมเดลภาษาขนาดใหญ่” (LARGE LANGUAGE MODELS) ได้เปิดโอกาสให้ APPLE สามารถเพิ่มฟีเจอร์ AI ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นในผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้
นอกจากนั้น APPLE จะนำซอฟท์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ CHAT GPT ซึ่งพัฒนาโดย OPEN AI และเป็นผู้นำในตลาด AI ในปัจจุบันมาใช้งาน และแทนที่จะให้ผู้ใช้ติดตั้งแอพพลิเคชัน CHAT GPT แบบที่ผ่านมา TIM COOK ระบุว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกผนวกเข้ากับระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ APPLE โดยตรง
การผนวกรวม CHAT GPT จะเริ่มต้นหลังอัพเดทระบบปฏิบัติการใหม่ ได้แก่ IOS 18, IPAD OS 18 และ MAC OS SEQUOIA ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบ และมีกำหนดปล่อยอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดเวอร์ชันทดสอบ (BETA) ได้ฟรี แต่ควรระวังว่าเวอร์ชัน BETA อาจมีปัญหาเรื่องความเสถียร และข้อบกพร่อง (BUGS) ดังนั้นจึงไม่ควรติดตั้งในอุปกรณ์ที่มีข้อมูล หรือไฟล์สำคัญที่คุณต้องใช้ทำงาน
“APPLE INTELLIGENCE ไม่ใช่แค่ CHAT GPT ที่มีโลโกของ APPLE ติดอยู่”
อัจฉริยภาพที่เข้าใจคุณ
สิ่งสำคัญที่ควรทราบ คือ APPLE กำลังใช้แนวทางสองด้าน (TWO-PRONGED APPROACH) ในการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในผลิตภัณฑ์ของตน โดยในเรื่องนี้ ELON MUSK ซีอีโอของบริษัท SAM ALTMAN ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ OPEN AI ได้แสดงท่าทีข่มขู่ ว่าจะห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ APPLE ในทุกบริษัทของเขา หาก APPLE นำ CHAT GPT มาใช้งาน เนื่องจากเขาไม่เชื่อว่า OPEN AI จะสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัว และข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ได้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า MUSK อาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับการประกาศของ APPLE เพราะ APPLE INTELLIGENCE ไม่ใช่แค่การนำ CHAT GPT มาติดโลโก APPLE เท่านั้น แต่เป็นการผนวกเทคโนโลยีเข้ากับระบบในแบบที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ และมาตรฐานของ APPLE เองต่างหาก
คำว่า “APPLE INTELLIGENCE” หมายถึง ชุดฟีเจอร์ AI หลักที่ APPLE พัฒนาขึ้นเอง ฟีเจอร์เหล่านี้ถูกรวมไว้ในระบบปฏิบัติการรุ่นถัดไปสำหรับ IPHONE, IPAD และคอมพิวเตอร์ MAC โดยไม่ต้องพึ่งพา CHAT GPT เลย
APPLE ให้เหตุผลว่าเครื่องมือ AI อย่าง CHAT GPT หรือ GOOGLE GEMINI สามารถเรียนรู้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับโลกจากข้อมูลที่หาได้ทั่วไปบนอินเทอร์เนท (แม้ว่าข้อมูลจำนวนมากจะมีลิขสิทธิ์ก็ตาม) อย่างไรก็ตาม CRAIG FEDERIGHI รองประธานของ APPLE กล่าวว่า “เครื่องมือเหล่านี้แทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับคุณ และความต้องการของคุณ”
ดังนั้น APPLE INTELLIGENCE จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ APPLE ส่วนตัวของคุณ “เพื่อมอบอัจฉริยภาพที่เข้าใจตัวคุณ” และฟีเจอร์ใน APPLE INTELLIGENCE เหล่านี้ จะสามารถทำงานได้หลากหลายโดยไม่ต้องพึ่งพา ChatGPT
นอกจากนี้ ยังมีชุดเครื่องมือ “WRITING TOOLS” ที่สามารถใช้ในการแก้ไข เขียนใหม่ หรือทำการตรวจสอบข้อความที่คุณเขียน ไม่ว่าจะเป็นอีเมล จดหมาย รายงาน หรือเอกสารอื่นๆ นอกจากนี้ APPLE ยังชื่นชอบการออกแบบที่ดูดี จึงมีเครื่องมือกราฟิคใหม่ๆ มาให้มากมาย รวมถึงความสามารถในการสร้างอีโมจิแบบกำหนดเอง ซึ่ง APPLE เรียกว่า “GENMOJIS” หรือ “GENERATED EMOJIS”
สำหรับกราฟิคที่ซับซ้อนมากขึ้น มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า “IMAGE PLAYGROUND” และแน่นอนว่าไม่พลาดฟีเจอร์การแก้ไขภาพ เช่น ความสามารถในการลบคน หรือวัตถุออกจากพื้นหลังของภาพ
APPLE INTELLIGENCE ยังอัพเกรด SIRI ให้สามารถเข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเคย APPLE ชี้ให้เห็นว่าฟีเจอร์ทั้งหมดเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่ “อัจฉริยภาพส่วนบุคคล” เนื่องจาก APPLE INTELLIGENCE มีความสามารถในการดูข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บอยู่ในอุปกรณ์ และแอพพลิเคชัน ของคุณ สามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการเข้าใจความต้องการส่วนตัวของคุณ
คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ PROOFREAD เพื่อช่วยจัดระเบียบการเขียน และปรับปรุงข้อความของคุณ
เครื่องมือเขียนหนังสือ
อุปกรณ์การเขียนใน APPLE INTELLIGENCE ถูกสร้างมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการหลักของ IOS, IPAD OS, และ MAC OS ดังนั้นจึงสามารถใช้ได้ในแอพพลิเคชันต่างๆ ของ APPLE เอง เช่น MAIL และ NOTES อย่างไรก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้ยังสามารถใช้งานได้ในแอพพลิเคชันของนักพัฒนาภายนอก เช่น WORDPRESS หรือ MICROSOFT WORD โดยเมื่อคุณกำลังเขียนข้อความ คุณสามารถเลือกข้อความนั้นแล้วคลิคที่ไอคอน APPLE INTELLIGENCE ที่ปรากฏอยู่ข้างข้อความเพื่อเปิดใช้งานเครื่องมือเขียนได้ทันที โดยจะมีเครื่องมือการแก้ไขหลักสองตัว ได้แก่ PROOFREAD (ตรวจสอบคำผิด) และ REWRITE (เขียนใหม่)
คุณสามารถใช้ PROOFREAD เพื่อช่วยปรับแต่งการเขียนของคุณ โดยมันจะให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงไวยากรณ์ หรือสไตล์ของข้อความ โดยคุณจะยอมรับ หรือปฏิเสธข้อเสนอแนะเหล่านี้ก็ได้ หากคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม ตัวเลือก REWRITE จะทำการเขียนข้อความใหม่ให้คุณทั้งหมด
ทั้ง PROOFREAD และ REWRITE ยังมีตัวเลือกเพิ่มเติม เช่น การเลือกสไตล์ “FRIENDLY” สำหรับอีเมลสั้นๆ หรือ “PROFESSIONAL” สำหรับรายงานธุรกิจ หรือจดหมาย มีตัวเลือก “CONCISE” ที่สามารถสรุปเอกสารที่ยาวออกมาได้อย่างรวดเร็ว แถมยังมีความสามารถในการสร้างรายการจุดสำคัญ หรือคุณสมบัติในรูปแบบ BULLET-POINT อีกด้วย
เครื่องมือการเขียนเหล่านี้สามารถใช้ได้ในแอพพลิเคชันส่วนใหญ่แต่ APPLE INTELLIGENCE ยังมีฟีเจอร์ SMART REPLY ที่เฉพาะเจาะจงกับพโรแกรม APPLE MAIL ด้วย ฟีเจอร์นี้สามารถเข้าใจบริบทของอีเมลที่คุณได้รับ เช่น คำเชิญไปทานข้าวกลางวัน และจะถามคำถาม เช่น “คุณจะไปไหม” หรือ “คู่ของคุณจะไปด้วยหรือเปล่า” จากนั้นแอพพลิเคชัน MAIL จะสร้าง SMART REPLY ให้คุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบได้อีกครั้งก่อนที่จะกดปุ่มส่งข้อความ
APPLE INTELLIGENCE จะจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนของคุณ และคุณสามารถอ่านได้โดยไม่ต้องปลดลอค IPHONE ของคุณ
IMAGE PLAYGROUND
เป็นที่รู้กันดีว่าปัญญาประดิษฐ์สามารถสร้างภาพได้ รวมถึงวีดีโอ “DEEPFAKE” ที่ดูน่าเชื่อถือสูง โดยอิงจากภาพอื่นๆ ที่สามารถหาได้จากอินเทอร์เนท อย่างไรก็ตาม APPLE INTELLIGENCE เลือกที่จะใช้วิธีที่เป็นส่วนตัวมากกว่า โดยมุ่งเน้นที่ภาพถ่าย และภาพอื่นๆ ที่คุณเก็บไว้ในอุปกรณ์ APPLE ของคุณ
แอพพลิเคชัน MESSAGES สามารถสร้าง “GENMOJIS” ที่เป็นอีโมจิแบบกำหนดเองตามคำบรรยายที่คุณให้ เช่น หากคุณต้องการส่งข้อความที่บอกว่า “คุณ คือ ฮีโร่ !” คุณอาจจะพิมพ์คำบรรยายว่า “ภาพของ PETE กำลังบินในอากาศเหมือนซูเพอร์ฮีโร” จากนั้น APPLE INTELLIGENCE จะค้นหาภาพในคลังภาพของคุณเพื่อดูว่ามีภาพของ PETE หรือไม่ และสร้าง GENMOJI ด้วยภาพการ์ตูนของ PETE ที่กำลังบินพร้อมกับเสื้อคลุมซูเพอร์ฮีโร
APPLE เรียกความสามารถนี้ว่า “IMAGE PLAYGROUND” และฟีเจอร์นี้ยังรวมอยู่ในแอพพลิเคชันอื่นๆ ของ APPLE เช่น KEYNOTE พโรแกรมการนำเสนอ และ PAGES พโรแกรมการพิมพ์เอกสาร นอกจากนี้ ยังมีแอพพลิเคชัน IMAGE PLAYGROUND ที่สามารถใช้งานได้โดยตรง ซึ่งช่วยให้คุณทดลองกับภาพ และสไตล์ต่างๆ APPLE ยังให้ API (อินเตอร์เฟศการเขียนพโรแกรมแอพพลิเคชัน) แก่นักพัฒนาภายนอกเพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ IMAGE PLAYGROUND ในแอพพลิเคชันของตนเองได้ด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีการนำไปใช้งานในแอพพลิเคชันโซเชียลต่างๆ เช่น INSTAGRAM TIKTOK และแอพพลิเคชันอื่นๆ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เมื่อคุณใช้งาน IMAGE PLAYGROUND ระบบจะแสดงหมวดหมู่ที่ทำหน้าที่คล้ายเทมพเลท เช่น ปาร์ตี และชายหาด โดยคุณสามารถให้คำบรรยายเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น งานวันเกิดของ PETE บนชายหาด คำสั่งนี้ จะทำให้ IMAGE PLAYGROUND ค้นหารูปของ PETE ในคลังรูปภาพของคุณ เพื่อนำมาเพิ่มกราฟิคเกี่ยวกับชายหาด และอาจรวมถึงภาพเค้กวันเกิดด้วย
แอพพลิเคชัน IMAGE PLAYGROUND จะแสดงตัวอย่างภาพหลายๆ แบบให้คุณสามารถเลื่อนดู และตัดสินใจเลือกภาพที่คุณชอบที่สุด พร้อมทั้งเลือกสไตล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพสเกทช์แบบวาดมือ ภาพประกอบแบบเรียบหรู หรือภาพแบบ GIF ที่มีการเคลื่อนไหว
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของ IMAGE PLAYGROUND ที่เรียกว่า IMAGE WAND ซึ่งถูกรวมอยู่ในแอพพลิเคชัน NOTES บนอุปกรณ์ APPLE ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยนภาพสเกทช์หยาบๆ ให้กลายเป็นงานศิลปะที่ดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้นได้ เพียงใช้ IMAGE WAND วาดวงกลมรอบภาพสเกทช์ในแอพพลิเคชัน NOTES จากนั้น APPLE INTELLIGENCE จะวิเคราะห์ภาพ และข้อความที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจบริบทของโนทนั้น และสร้างภาพประกอบที่เหมาะสมให้คุณโดยอัตโนมัติ
แน่นอนว่าแอพพลิเคชัน PHOTOS ก็ได้รับการอัพเดท AI ด้วยเช่นกัน โดยมีเครื่องมือใหม่อย่าง CLEANUP TOOL ที่สามารถลบคน หรือวัตถุออกจากพื้นหลังของภาพถ่ายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือ SEARCH ที่พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้คุณค้นหาภาพถ่ายด้วยคำสั่งแบบภาษาพูดธรรมชาติ เช่น “ค้นหารูปของ PETE ขี่ม้า” หรือแม้กระทั่งค้นหาในไฟล์วีดีโอเพื่อหาช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจง เช่น “ตอนที่ PETE ตกจากม้า”
อย่างไรก็ตาม APPLE INTELLIGENCE เลือกที่จะหลีกเลี่ยงการสร้างวีดีโอใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นความตั้งใจเพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นขัดแย้งเกี่ยวกับวีดีโอ “DEEPFAKE” และเนื้อหาลามกอนาจาร
แอพพลิเคชัน MESSAGES สามารถสร้าง “GENMOJIS” ซึ่งเป็นอีโมจิที่ปรับแต่งได้ตามคำบรรยายที่เราใส่ลงไป
ซูเพอร์ SIRI
นอกเหนือจากฟีเจอร์ที่ช่วยจัดการข้อความ และกราฟิคแล้ว APPLE ยังระบุว่า หนึ่งในความสามารถสำคัญที่สุดของ APPLE INTELLIGENCE คือ การดึงข้อมูลส่วนตัวจากแอพพลิเคชันต่างๆ บนอุปกรณ์ของคุณ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนที่สุดเมื่อใช้กับผู้ช่วยเสียงของ APPLE อย่าง SIRI ที่เคยถูกวิจารณ์อย่างมาก
ประมาณ 15 ปีที่แล้ว SIRI เคยเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยด้านการจดจำเสียง แต่ช่วงเวลานั้นไม่ได้ยาวนานนัก SIRI ถูกแซงหน้าโดยคู่แข่งอย่าง ALEXA ของ AMAZON และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา SIRI ตามหลังคู่แข่งจนดูเหมือนว่า APPLE จะละทิ้งการพัฒนาไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม APPLE ระบุว่าการเปิดตัว APPLE INTELLIGENCE เป็นการเริ่มต้น “ยุคใหม่ของ SIRI” คุณสามารถใช้คำสั่งเสียงได้หลากหลายมากขึ้น และ SIRI สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จัดเก็บในแอพพลิเคชันทั้งหมดของคุณ เพื่อเข้าใจบริบทของคำขอ หรือคำสั่งได้ดีขึ้น เช่น หากคุณกำลังจะไปพบใครสักคนเพื่อทานมื้อกลางวัน คุณสามารถถาม SIRI ได้ว่า “มื้อกลางวันกับ AMY กี่โมง” SIRI จะค้นหาอีเมลจาก AMY เพื่อบอกเวลานัดหมาย และสถานที่ให้คุณ หากคุณถามว่า “จะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะถึงที่นั่น” SIRI จะเปิดเส้นทางในแอพพลิเคชัน MAPS และตรวจสอบสภาพการจราจรให้คุณล่วงหน้าเพื่อคาดการณ์เวลาที่ต้องใช้ในการเดินทาง
สิ่งสำคัญที่สุด คือ ตอนนี้ SIRI สามารถเข้าใจบริบทได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณถามว่า “จะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะถึงที่นั่น ?” SIRI จะเข้าใจทันทีว่า “ที่นั่น” หมายถึงร้านอาหารที่คุณนัดพบกับ AMY สำหรับมื้อกลางวัน
เมื่อพิจารณาจากในปัจจุบัน ขนาดงานง่ายๆ อย่างการเปิดไฟในห้องนอน ยังเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับ SIRI การปรับปรุงใหม่นี้นับเป็นก้าวที่น่ายินดี แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่า SIRI จะทำงานร่วมกับอุปกรณ์ APPLE อื่นๆ เช่นลำโพง HOMEPOD ได้อย่างไร เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ไม่มีการเข้าถึง APPLE INTELLIGENCE
องค์ความรู้ระดับโลก
ฟีเจอร์ของ APPLE INTELLIGENCE ที่ได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ มุ่งเน้นไปที่การใช้ “ความฉลาดส่วนบุคคล” โดยดึงข้อมูลที่คุณมีอยู่แล้วในอุปกรณ์และแอพพลิเคชันต่างๆ เช่น รูปภาพ อีเมล และเอกสาร โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี CHAT GPT ของ OPEN AI
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์เหล่านี้ก็มีข้อจำกัด เช่น เครื่องมือ WRITING TOOLS ของ APPLE INTELLIGENCE จะเน้นแค่การแก้ไข ตรวจสอบ หรือเขียนใหม่ แต่ยังไม่สามารถแต่งนวนิยาย หรือบทภาพยนตร์ให้คุณ หรือใช้ GARAGE BAND สร้างเพลงฮิท “ในสไตล์ของ BILLIE EILISH” ได้ งานประเภทนี้ต้องอาศัย “องค์ความรู้ระดับโลก” ซึ่งย่อมมีมากเกินกว่าข้อมูลส่วนตัวที่จัดเก็บอยู่ในอุปกรณ์ของคุณ กรณีนี้ APPLE ยอมรับว่า AI อย่าง CHAT GPT นั้นมีความสามารถในการรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลจากอินเทอร์เน็ต และใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการสร้างข้อความ กราฟิค ดนตรี และวีดีโอใหม่ (แม้ว่าผู้สร้างสรรค์ผลงาน เช่น นักเขียน และนักดนตรี ที่งานของพวกเขาถูกนำไปใช้ อาจไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้)
ดังนั้น APPLE จึงได้ร่วมมือกับ OPEN AI เพื่อนำเทคโนโลยี CHAT GPT มาผนวกเข้ากับ APPLE INTELLIGENCE เพื่อเสริมองค์ความรู้ หากคุณเลือกข้อความที่เขียนไว้ในเอกสาร WRITING TOOLS ใน APPLE INTELLIGENCE จะช่วยปรับปรุง หรือเขียนข้อความนั้นใหม่ได้ แต่หากคุณกำลังจ้องหน้าเอกสารเปล่า WRITING TOOLS จะมีคำสั่งเพิ่มเติมที่เรียกว่า “COMPOSE” และเมื่อคุณเลือกคำสั่งนี้ ระบบจะแจ้งเตือนว่าคุณกำลังจะใช้ “COMPOSE WITH CHAT GPT” เพื่อให้คุณทราบว่าขณะนี้คุณกำลังใช้ CHAT GPT ไม่ใช่แค่ APPLE INTELLIGENCE ที่มีอยู่ในตัวเครื่อง
เมื่อใช้คำสั่ง “COMPOSE” คุณจะต้องระบุรายละเอียด เช่น “เขียนบทภาพยนตร์เกี่ยวกับกอทซิลลาปะทะ HOWARD THE DUCK จาก MARVEL” จากนั้น CHAT GPT จะค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เนทเกี่ยวกับตัวละครทั้งสองเพื่อนำมาสร้างบทภาพยนตร์ (และอย่าคิดว่ากอทซิลลาจะชนะเสมอไป เพราะ HOWARD เชี่ยวชาญวิชา QUACK-FU!)
คุณยังสามารถใช้ CHAT GPT เพื่อสร้างภาพประกอบสำหรับบทภาพยนตร์ได้อีกด้วย เนื่องจากคุณอาจไม่มีภาพถ่ายของ HOWARD หรือกอทซิลลาใน IPHONE ที่ APPLE INTELLIGENCE สามารถนำมาประมวลผลได้
SIRI ก็สามารถใช้งาน CHAT GPT ได้เช่นกัน หากคุณถามคำถามที่ SIRI ไม่สามารถตอบได้โดยอาศัยข้อมูลส่วนตัวที่เก็บไว้ในแอพพลิเคชัน เช่น “ใครจะชนะการเลือกตั้งปี 2024 ?” SIRI จะถามว่าคุณต้องการใช้ CHAT GPT เพื่อค้นหาคำตอบหรือไม่ คุณยังมีตัวเลือกที่จะปฏิเสธ หากไม่ต้องการใช้งาน CHAT GPT
สรุปได้ง่ายๆ ว่า APPLE INTELLIGENCE เป็นเทคโนโลยีที่เน้น “ความฉลาดส่วนบุคคล” โดยใช้ข้อมูลที่คุณมีอยู่ในอุปกรณ์ APPLE หากคุณต้องการฟีเจอร์ที่ก้าวไปไกลกว่านั้น เช่น การใช้ “ความรู้ระดับโลก” เพื่อสร้างเนื้อหาใหม่ APPLE INTELLIGENCE จะเตือนคุณก่อนที่จะส่งคำขอไปยัง CHAT GPT
ยังมีรายละเอียดอีกหลายส่วนเกี่ยวกับ APPLE INTELLIGENCE ที่ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการพัฒนา และระบบปฏิบัติการใหม่ที่รองรับเทคโนโลยีนี้ เช่น IOS 18, IPAD OS 18 และ MAC OS SEQUOIA จะเปิดตัวในปลายปีนี้ APPLE ยังระบุด้วยว่ามีแผนจะเสนอเทคโนโลยี AI อื่นๆ เพื่อเป็นทางเลือกนอกเหนือจาก CHAT GPT ในอนาคต (เช่นเดียวกับที่ SAFARI เสนอเครื่องมือค้นหาอย่าง DUCKDUCKGO เป็นทางเลือกแทน GOOGLE)
แม้ว่า APPLE จะเข้าสู่โลกของ AI ค่อนข้างช้า แต่ก็ดูเหมือนว่าจะทำการบ้านมาดี โดยออกแบบ APPLE INTELLIGENCE เพื่อมอบประสบการณ์ AI ที่เข้าใจความต้องการส่วนตัวของผู้ใช้ โดยยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวได้ในระดับสูง
โทรศัพท์ AI
APPLE INTELLIGENCE จะพร้อมใช้งานบน MAC และ IPAD แต่คุณสมบัติ “ความฉลาดส่วนบุคคล” (PERSONAL INTELLIGENCE) น่าจะมีประโยชน์มากที่สุดบน IPHONE เนื่องจากเรามักเก็บข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานจำนวนมากไว้ในสมาร์ทโฟนนั่นเอง
คุณจะสังเกตเห็นความแตกต่างบน IPHONE ได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้ IPHONE 15 PRO หรือ IPHONE 15 PRO MAX ซึ่งเป็นรุ่นเดียวที่รองรับ APPLE INTELLIGENCE ในขณะนี้ เมื่อดูที่ LOCK SCREEN คุณจะพบว่า APPLE INTELLIGENCE สามารถจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือน (NOTIFICATIONS) โดยแสดงข้อความที่สำคัญที่สุดไว้ด้านบน พร้อมสรุปข้อความสั้นๆ เพื่อให้คุณสามารถอ่านได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องปลดลอคโทรศัพท์
แถมยังมีโหมด FOCUS ใหม่ ที่เรียกว่า REDUCE INTERRUPTIONS ซึ่งจะแสดงเฉพาะการแจ้งเตือนที่เร่งด่วน หรือต้องจัดการทันที เช่น เวลาเริ่มประชุม แอพพลิเคชัน MAIL ก็ทำงานในลักษณะเดียวกัน โดยสามารถจัดลำดับความสำคัญของอีเมลที่ต้องการความสนใจทันที และแสดงสรุปเนื้อหาอีเมลแต่ละฉบับเพื่อช่วยให้คุณตามงานได้ง่ายขึ้น
ฟีเจอร์ SMART REPLY จะช่วยเร่งกระบวนการตอบอีเมลขณะเดินทาง โดยแนะนำให้คุณกรอกข้อมูลที่จำเป็น จากนั้นระบบจะพิมพ์คำตอบให้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ความสามารถในการสร้าง GENMOJI สำหรับข้อความโต้ตอบแบบทันที (INSTANT MESSAGES) ก็น่าจะได้รับความนิยมอย่างมาก ขณะที่ IMAGE PLAYGROUND ช่วยให้คุณสร้างภาพที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยสามารถใช้ใบหน้าของบุคคลในคลังรูปภาพของคุณ เพื่อสร้างข้อความที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นได้
SIRI เองก็ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งในด้านความสามารถ และรูปลักษณ์ ด้วยดีไซจ์นใหม่ที่มีลักษณะเป็นแสงเรืองรองล้อมรอบขอบจอ ประหนึ่งกำลังควบคุม IPHONE อยู่ ส่วนในด้านการทำงาน SIRI สามารถเข้าใจคำสั่งเสียงที่ซับซ้อนได้มากขึ้น เช่น “เปิดแอพพลิเคชันรูปภาพ (PHOTOS) แล้วเลือกภาพของ PETE ที่ถ่ายเมื่อวานนี้ และส่งอีเมลให้ MARY” การทำงานร่วมกันระหว่างหลายแอพพลิเคชันแบบนี้ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของผู้ช่วยเสียงนี้
ในอนาคต APPLE ยังมีแผนจะเพิ่มความสามารถให้แอพพลิเคชันต่างๆ อีก เช่น แอพพลิเคชัน NOTES จะสามารถบันทึก และถอดเสียง (TRANSCRIBE AUDIO) ได้ รวมถึงการนำฟีเจอร์นี้มาใช้กับแอพพลิเคชันโทรศัพท์ด้วย อย่างไรก็ตาม APPLE ยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว โดยเน้นย้ำว่าผู้เข้าร่วมการโทรทุกคนจะได้รับแจ้งเมื่อมีการใช้ฟีเจอร์ถอดเสียงนี้
คุณสมบัติเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า APPLE INTELLIGENCE ได้รับการออกแบบมาเพื่อผสานการทำงานเข้ากับอุปกรณ์ในระบบของคุณได้อย่างลึกซึ้ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานประจำวัน และยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างเต็มที่
PRIVATE AI
ข้อร้องเรียนหลักของ ELON MUSK เกี่ยวกับความร่วมมือของ APPLE กับ OPEN AI และการนำ CHAT GPT มาใช้ก็คือ OPEN AI ไม่สามารถเชื่อถือได้ในการจัดการข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลส่วนตัวที่เราจัดเก็บอยู่ในสมาร์ทโฟน แทบเลท และคอมพิวเตอร์ของเรา อย่างไรก็ตาม APPLE ยืนยันว่าได้ดำเนินการขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้ APPLE INTELLIGENCE “ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณในทุกขั้นตอน” และว่า “คุณไม่จำเป็นต้องเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดของชีวิตคุณ”
ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว คุณสมบัติส่วนใหญ่ใน APPLE INTELLIGENCE ถูกติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์ APPLE ของคุณ และไม่จำเป็นต้องพึ่งพา CHAT GPT นอกจากนี้ APPLE ยังกล่าวว่า คำขอ และคำสั่งส่วนใหญ่ของคุณจะใช้ “ON-DEVICE PROCESSING” ซึ่งหมายความว่าข้อมูลของคุณจะได้รับการประมวลผลโดย NEURAL ENGINE ในโปรเซสเซอร์หลักของอุปกรณ์ของคุณ และข้อมูลส่วนตัวจะถูกเก็บไว้โดยปลอดภัยบนอุปกรณ์ของคุณเมื่อเป็นไปได้ ข้อมูลของคุณจะไม่ได้ถูกอัพโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์บนอินเทอร์เนท และไม่ถูกแชร์กับบริษัทอื่นๆ ซึ่งเป็นแกนหลักของข้อร้องเรียนของ MUSK
แต่บางครั้งคุณอาจจำเป็นต้องทำงานที่ซับซ้อนเกินไป ซึ่งต้องการกำลังการประมวลผลที่มากขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ APPLE ได้พัฒนาระบบที่เรียกว่า “PRIVATE CLOUD COMPUTE” ซึ่งใช้เซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ที่ออกแบบ และสร้างโดย APPLE หาก APPLE INTELLIGENCE บนอุปกรณ์ส่วนบุคคลของคุณไม่สามารถจัดการคำขอที่เฉพาะเจาะจงได้ ระบบสามารถส่งข้อมูลที่จำเป็นไปยังเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ของ APPLE ได้ APPLE ยืนยันว่า ข้อมูลที่คุณอัพโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะถูกเก็บเป็นความลับ ไม่เปิดเผยให้ APPLE ทราบ และไม่ถูกจัดเก็บถาวรหลังจากคำขอของคุณได้รับการประมวลผลแล้ว APPLE ยังกล่าวว่า เซิร์ฟเวอร์ของตนสามารถตรวจสอบได้โดยผู้เชี่ยวชาญอิสระเพื่อให้แน่ใจว่า APPLE ไม่ได้โกหกเรา
APPLE กล่าวว่า การดำเนินการนี้ “กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับความเป็นส่วนตัวใน AI” และมอบ “ปัญญาที่คุณสามารถไว้วางใจได้” แต่ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว บางฟีเจอร์เฉพาะ เช่น ฟีเจอร์ “COMPOSE” ภายใน APPLE’S WRITING TOOLS จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจาก OPEN AI และ CHAT GPT เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คุณจะได้รับการขอให้เลือกว่าต้องการใช้ CHAT GPT หรือไม่ เพื่อให้คุณสามารถปฏิเสธได้หากคุณไม่ไว้วางใจ
APPLE ยังกล่าวว่า ที่อยู่ IP ของคุณ ซึ่งเป็นที่อยู่อินเทอร์เนทที่ระบุสถานที่ของคุณ จะถูก “บัง” ดังนั้น OPEN AI จึงไม่สามารถบอกได้ว่าคุณคือใคร ซึ่งจะเป็นจริงหากคุณใช้บริการ CHAT GPT ฟรี ที่ติดตั้งมาในอุปกรณ์ของ APPLE แต่หากคุณมีการสมัครสมาชิก CHAT GPT ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม คุณจะต้องยอมรับเงื่อนไข และข้อกำหนดของ OPEN AI เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว และการใช้ข้อมูลของคุณ
APPLE ไม่เคยใช้คำว่า “ปัญญาประดิษฐ์” (ARTIFICIAL INTELLIGENCE) ในการอธิบายเทคโนโลยีของตัวเอง แต่เลือกที่จะใช้คำว่า “การเรียนรู้ของเครื่อง” (MACHINE LEARNING) แทน
สุดยอด เทคโนโลยี AI
1. LOGITECH MX KEYS S 94.99 ปอนด์, logitech.com
แม้คีย์บอร์ด MX จะไม่สามารถเขียนนวนิยายให้คุณได้ แต่ฟีเจอร์ AI ในแอพพลิเคชันของคีย์บอร์ดนี้สามารถช่วยเร่งกระบวนการแก้ไขข้อความได้จริงๆ คุณสามารถบอกแอพพลิเคชันให้ “เขียนใหม่” หรือ “สรุป” ข้อความที่คุณได้เขียนไว้ในหน้าเอกสารได้ คุณยังสามารถระบุความยาว, สไตล์ และโทนเสียงของเอกสาร จากนั้นบันทึกเป็น “สูตร” สำหรับการแก้ไขเอกสารในอนาคต
2. BEATS STUDIO PRO 349 ปอนด์, beatsbydre.com
APPLE มักจะพูดถึง “การเรียนรู้ของเครื่อง” มากกว่าที่จะพูดถึง “ปัญญาประดิษฐ์” และ BEATS ซึ่ง APPLE ถือครองอยู่ ก็ใช้การเรียนรู้ของเครื่อง เพื่อพัฒนาคุณภาพการโทรด้วยเสียง ในหูฟัง STUDIO PRO โดย STUDIO PRO สามารถเรียนรู้ที่จะรู้จำเสียงของคุณ และสามารถลดเสียงรบกวนจากพื้นหลังรอบตัวเพื่อให้เสียงของคุณชัดเจนขึ้นได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง หรือมีลมพัด
3. TIMEKETTLE X1 เริ่มต้นที่ 554.11 ปอนด์, timekettle.co
คุณสามารถใช้ X1 ตัวเดียว เป็นอุปกรณ์แปลภาษาแบบพกพาสำหรับงานง่ายๆ เช่น การถามทาง หรือสั่งอาหารในร้านอาหาร อย่างไรก็ตาม X1 ยังมาพร้อมกับหูฟังสองข้าง ที่ช่วยให้สามารถแปลบทสนทนาสองทางระหว่างคนสองคนแบบเรียลไทม์ได้ และหากคุณซื้อ X1 สองตัวขึ้นไป มันยังสามารถรองรับการประชุม และการสัมมนาที่มีผู้เข้าร่วมสูงสุด 20 คน และสามารถพูดได้ถึง 5 ภาษา
4. ASUS PROART P16 2,600 ปอนด์, asus.com
ในปัจจุบันมีผู้ผลิตคอมพิวเตอร์หลายรายที่ผลิต “COPILOT+ PCs” ซึ่งใช้เครื่องมือ AI COPILOT ของไมโครซอฟท์ แต่ซีรีส์ PROART จาก ASUS มาพร้อมกับฟีเจอร์ AI เพิ่มเติมที่ออกแบบมาสำหรับนักสร้างสรรค์โดยเฉพาะ แอพพลิเคชัน MUSE TREE ช่วยให้ผู้ใช้สร้างภาพ และแปลงสเกทช์ที่วาดด้วยมือเป็นงานศิลปะที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังมีแอพพลิเคชันที่ช่วยหาวัตถุดิบที่เหมาะสมสำหรับโปรเจกท์ถัดไป
5. EZVIZ RS20 PRO 800 ปอนด์, ezviz.com
EZVIZ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของกล้องรักษาความปลอดภัย และได้รวมเอากล้องที่มีคุณสมบัติ AI เข้าไปในหุ่นยนต์ดูดฝุ่น RS20 PRO ใหม่ กล้องสามารถจดจำวัตถุต่างๆ เช่น สัตว์เลี้ยง ที่อาจขวางทางขณะทำความสะอาด และจะปรับเส้นทางการทำความสะอาดโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังมีโหมดมองกลางคืนที่ช่วยลาดตระเวนบ้านรอบๆ ของคุณในเวลากลางคืนเพื่อตรวจตราความปลอดภัยได้อีกด้วย
6. AMAZON ECHO SHOW 10 260 ปอนด์, amazon.com
ผู้ช่วยเสียง ALEXA ของ AMAZON ซึ่งเป็นที่นิยมในลำโพง ECHO และอุปกรณ์สมาร์ทอื่นๆ กำลังจะมีการอัพเดท AI รุ่นใหม่ที่มีชื่อรหัสว่า “METIS” ซึ่งจะใช้เทคนิค “RETRIEVAL-AUGMENTED GENERATION” เพื่อปรับปรุงคุณภาพผลลัพธ์ แต่จะอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วย
7. SAMSUNG GALAXY S24 ULTRA เริ่มต้นที่ 1,249 ปอนด์, samsung.com
GOOGLE และ SAMSUNG กำลังแข่งขันกันเพื่อให้ได้สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดที่ใช้ AI GALAXY S24 ULTRA มีการใช้ AI จาก GOOGLE เช่น “CIRCLE TO SEARCH” และยังมาพร้อมฟีเจอร์แก้ไขภาพที่ทรงพลัง รวมถึงฟีเจอร์ “LIVE TRANSLATE” ที่สามารถแปลการสนทนาของคุณเป็นภาษาอื่นๆ และแปลคำตอบจากลำโพงอีกตัวได้
8. MSI MEG 321URX QD-OLED 1,699 เหรียญสหรัฐฯ, msi.com
หน้าจอเกมใหม่ที่เปิดตัวโดย MSI ในงาน COMPUTEX ดูเหมือนจะเป็นจอเกมทั่วไปที่มีขนาด 31.5 นิ้ว ใช้จอ OLED แบบ QUANTUM-DOT ความละเอียด 4K และรีเฟรชเรท 240Hz แต่ยังมีฟีเจอร์ AI ชื่อ SKYSIGHT ที่สามารถหาตำแหน่งของศัตรูในเกม และเน้นจุดที่มีศัตรูให้เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการเล่นเกม