เยอรมนี-กลางเดือนมิถุนายนที่เพิ่งผ่านพ้นไป ค่าย “สี่ห่วง” เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ประสงค์เป็นเจ้าของรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กระดับ “พรีเมียม” โดยการเปิดตัวรถ AUDI Q3 SUV (เอาดี คิว 3 เอสยูวี) รุ่นใหม่ ซึ่งในเยอรมนีเริ่มรับการสั่งจองแล้ว แต่ต้องรอจนถึงเดือนตุลาคม 2025 จึงจะเริ่มการส่งมอบรถ
นับเป็นรถรุ่นที่ 3 ถัดจากรถ 2 รุ่นแรกซึ่งเริ่มการผลิตเมื่อปี 2011 และ 2018 ตามลำดับ เป็นรถที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งในส่วนของตัวถังภายนอก ซึ่งมีหลายจุดที่ออกแบบสไตล์เดียวกันกับรถเก๋งตรวจการณ์ AUDI A6 AVANT (เอาดี เอ 6 อาวันท์) และในส่วนของตัวถังภายใน ซึ่งมีจุดเปลี่ยนสำคัญ คือ นวัตกรรมใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า STEERING WHEEL CONTROL UNIT เป็นอุปกรณ์ที่รวบรวมหลายสิ่งหลายอย่าง ตั้งแต่การเลือกโหมดการขับ การทำงานของระบบไฟแสงสว่าง ไปจนถึงการทำงานของที่ปัดน้ำฝน ไว้ในจุดเดียว คือ ที่พวงมาลัย
เป็น SUBCOMPACT LUXURY CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด ในตัวถังยาว 4.531 ม. กว้าง 1.859 ม. และสูง 1.601 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 2.681 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.30 มีทั้งรถขับล้อหน้า รถขับทุกล้อ และมีระบบขับให้เลือกใช้ถึง 4 แบบ คือ (1) ขับด้วยเครื่องยนต์เบนซิน (2) ขับด้วยเครื่องยนต์เบนซินพร้อมระบบ MILD HYBRID หรือไฮบริดแบบอ่อน (3) ขับด้วยเครื่องยนต์ดีเซล และ (4) ขับด้วยระบบ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ทุกระบบส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า หรือทั้งคู่หน้า และคู่หลัง แล้วแต่กรณี ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ S TRONIC
โมเดลพื้นฐานซึ่งเป็นรถเบนซินพร้อมระบบ MILD HYBRID คือ AUDI Q3 SUV TFSI 110 KW ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,498 ซีซี 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 9.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 209 กม./ชม.
รถเบนซิน คือ AUDI Q3 SUV TFSI 195 KW ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 195 กิโลวัตต์/265 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 5.7 วินาที และทำความเร็วสูง 240 กม./ชม.
รถดีเซล คือ AUDI Q3 SUV TDI 110 KW ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,968 ซีซี 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 9.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 208 กม./ชม.
รถ PLUG-IN HYBRID คือ AUDI Q3 SUV E-HYBRID 200 KW ใช้เครื่องยนต์เบนซินทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า และแบทเตอรีขนาดความจุรวม 25.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง/ความจุใช้งาน 19.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้กำลังรวมสูงสุด 200 กิโลวัตต์/272 แรงม้า สามารถวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 119 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP
เป็นรถที่จะมีการผลิตทั้งในเยอรมนี และฮังการี ราคาค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ของเมืองเบียร์ เริ่มต้นที่ 44,600 ยูโร หรือประมาณ 1.65 ล้านบาทไทย