พิเศษ
BARCELONA-DAKAR 2005
ผมได้รับเชิญจาก บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ให้บินลัดฟ้า ไปชมการแข่งขันรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ หฤโหด และหินสุดๆ รายการหนึ่ง ถูก
ถูกต้องแล้วครับ ผมหมายถึงรายการ "BARCELONA-DAKAR 2005" ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 27 ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
รายการนี้ เป็นหนึ่งในสองของรายการแข่งรถที่ผมอยากไปทำข่าวมากที่สุด ทุกครั้งที่เห็นภาพการแข่งขันที่หฤโหดในทะเลทราย เห็นภาพนักแข่งที่มุ่งมั่นกับภารกิจของตนเองในการขับเคี่ยวกับสิ่งต่างๆ ทั้งสภาพเส้นทางที่โหดแบบไม่ต้องพูดถึง อากาศที่ร้อนอบอ้าวในเวลากลางวัน แต่พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ความหนาวเย็นยะเยือกก็คืบคลานมาครอบคลุมทั่วบริเวณ ภาพของทีมงานเซอร์วิศ ที่กอบกู้สภาพรถแข่งแต่ละคันให้กลับมาพร้อมสำหรับบุกตะลุยเข้าไปในทะเลทราย มันเป็นภาพที่จำติดตา ชวนให้เข้าไปใกล้ๆ และครั้งนี้มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศของจริง เลยนำความประทับใจมาเล่าสู่กันฟัง
โพรแกรมแรก
บินลัดฟ้า 3 เด้ง ! เกือบ 20 ชม.
เราออกเดินทางในวันที่ 29 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 942 จากท่าอากาศยานกรุงเทพ ฯ บินสู่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ใช้เวลาประมาณ 12 ชม. จากนั้นรอเครื่องแวะรับ/ส่งผู้โดยสาร และเปลี่ยนกัปตัน พร้อมลูกเรือ เสร็จสรรพเรียบร้อยเราเดินทางต่อจากกรุงโรม สู่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ใช้เวลาเดินทาง อีก 2 ชม. และไปรอเปลี่ยนเครื่องบิน โดยสายการบิน IBERIA จากกรุงมาดริด สู่เมืองบาร์เซโลนา ใช้เวลาในการบินอีกเกือบ 1 ชม. นี่ยังไม่รวมเวลาในการนั่งๆ เดินๆ รอขึ้น/ลงเครื่อง อีกหลายชั่วโมง ทำให้ผมนึกอิจฉาเพื่อนๆ ที่ออฟฟิศ ขึ้นมาตะหงิด ป่านนี้พวกคงเตรียมตัวพักผ่อนในช่วงเทศกาลปีใหม่กันแล้ว
บาร์เซโลนา
เมืองแห่งช่างเหล็ก
หลังจากที่ทนทรหดบินลัดฟ้าเกือบ 20 ชม. เรามายืนยิ้มหวานกันทั้งคณะที่เมืองบาร์เซโลนา ในเวลาท้องถิ่นประมาณ 14.00 น. พร้อมกับสัมผัสลมหนาวที่มาปะทะร่างกาย ในอุณหภูมิประมาณ 3-4 องศา จนทำให้พวกเราต้องรีบคว้าอุปกรณ์กันหนาว เช่น เสื้อแจคเกท หมวก ผ้าพันคอ ถุงมือบางคนก็คว้าเสื้อโอเวอร์โคท มาสวมทับ
งานนี้กะเหรี่ยงไทย เท่เต็มสูตร !
หลังจากเชคอินเข้าที่พัก เพื่อเก็บของ และล้างหน้าล้างตาแล้ว คุณเต๋อ ไกด์หนุ่มร่างเล็กก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง โดยพาเราไปเที่ยวชมเมือง สัมผัสแรกจากไฮเวย์ สู่ตัวเมือง เราได้พบกับนานาศิลปกรรมที่สวยงาม ลวดลายของเหล็กดัดตามอาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมที่ดูโดดเด่น ทำให้ผมรู้สึกนึกถึงอดีตที่ยิ่งใหญ่ของชาวสเปน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเดินทางที่แสวงหาสิ่งใหม่ๆ บาร์เซโลนา เป็นเมืองท่าที่ติดทะเล อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ มีชัยภูมิที่สวยงาม ผังเมืองที่ยอดเยี่ยม รถราที่วิ่งในเมืองนี้ ดูพลุกพล่าน แต่ไม่ถึงกับติดขัดเหมือนกรุงเทพ ฯ หรือเมืองใหญ่ทั่วโลก ถนนหนทางที่นี่ไม่กว้างใหญ่ บ้างก็เป็นทางเชื่อมที่ดูเล็ก มีรถจอดเรียงรายสองข้างทาง แต่คนขับรถที่นี่ถ้อยทีถ้อยอาศัย ขับรถเป็นระเบียบ ไม่นิยมแซงแบบไร้เหตุผลเหมือนบ้านเรา วินัยการจราจรถือเป็นเรื่องสำคัญสุดๆ
รถทัวร์คันใหญ่ ลัดเลาะจากไฮเวย์ สู่ถนนในเมือง เผลอแป๊ปเดียวมาสู่ย่านโกธิค ที่มีตึกรามบ้านเรือนที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13-15 อาคารที่สวยที่สุดของย่านโกธิค คือ วิหารอโครโพลิส บ้านเมืองที่นี่ดูสวยงาม จนใครหลายคนในคณะติดใจ รวมถึงตัวผมด้วย
เราใช้เวลาเดินชมวิถีชีวิตของชาวบาร์เซโลนา จนพลบค่ำ จากนั้นก็ไปทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารอาหารจีน ที่นี่ทานข้าวมื้อค่ำค่อนข้างดึก ร้านอาหารส่วนใหญ่จะเปิดบริการ ประมาณ 20.00 น. เป็นต้นไป และปิดในเวลาเที่ยงคืน ส่วนสถานบันเทิงจะปิดช่วงใกล้รุ่ง คนที่นี่ใช้ชีวิตแบบสมบุกสมบันดีแท้ และคุณเชื่อไหมครับว่า เขายังมีประเพณีนอนหลับหลังอาหารกลางวัน และมักปิดร้านค้าในช่วงบ่ายสามโมง เพื่อพักผ่อน ถ้าเป็นวันอาทิตย์ ร้านค้ามักจะปิด และไม่สนใจเทศกาลปีใหม่ !
วันรุ่งขึ้น
เตรียมลุ้นโพรลอก
เช้าวันนี้ เป็นวันที่สามของการเดินทาง หลังจากที่พักผ่อน หลับบ้าง ไม่หลับบ้าง เนื่องจากต้องปรับตัว ปรับเวลา ให้เข้ากับเวลาท้องถิ่น ที่ช้ากว่าบ้านเราประมาณ 6 ชม. บางคนก็อาศัยนอนบนรถบางคนก็ต้องข่มตาให้หลับบนห้อง โพรแกรมหลักๆ ช่วงเช้าเราทัศนาจรในเมือง เพื่อรอเวลาบ่าย ต้องเข้าชมการโพรลอก เพื่อจัดอันดับสตาร์ทของรถแข่งในวันจริง
เช้านี้เราไปชมวัดเซกราดา แฟมิเลีย หรือวัดไถ่บาปแห่งตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ที่สร้างขึ้นในปี 1882 ในรูปแบบของสถาปัตยกรรมนีโอโกธิค คุณลองนึกถึงสิ่งก่อสร้างที่มียอดโดมแหลม นั่นละครับศิลปะแบบโกธิค
วัดนี้มีฟรานเซส บิลาร์ (FRANCESC DEL VILLAR) เป็นผู้ควบคุมงาน แต่สร้างไม่เสร็จ ก็เสียชีวิตก่อน ต่อมาในปี 1891 อันโตนี เกาดี (ANTONI GAUDI) มารับงานต่อ เกาดี เป็นศิลปินที่ขึ้นชื่อของสเปน โดยเฉพาะในเมืองบาร์เซโลนา จะมีงานศิลป์ของเขาโดดเด่นหลายแห่ง และแต่ละแห่งจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน
ที่วัดแห่งนี้ เกาดี ได้สร้างห้องใต้ดินจนเสร็จ และออกแบบชิ้นงานใหญ่ มีความสูงกว่า 150 ม. มหาวิหารแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาคริสต์ มีประตูใหญ่สามด้านแสดงประสูติกาลพระคริสต์ด้านตะวันออก ส่วนฝั่งตะวันตกแสดงการถูกตรึงกางเขน และการสิ้นพระชนม์ประตูทางใต้มีขนาดใหญ่ที่สุด แสดงพระบารมีของพระองค์ ยอดทั้งสี่แต่ละด้าน หมายถึงสาวกทั้ง 12 คน หอคอยที่ยื่นเหนือมุขขึ้นมา หมายถึง พระแม่มารี ปัจจุบันแม้จะสร้างไม่เสร็จ เนื่องจาก เกาดี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่ก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
ช่วงบ่ายเรามีโอกาสได้เข้าชมการแข่งขันโพรลอก เพื่อจัดอันดับ โดยแต่ละรุ่นจะคัดผู้ที่ทำเวลาดีที่สุดเป็นหัวแถวในการเริ่มต้นแข่งขัน ครั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ฯ ส่งรถแข่งเข้าร่วม 1 คัน เป็นรถ มิตซูบิชิ เรซิง ทรัค เอโวลูชัน โฉมใหม่ ต้นแบบหนึ่งเดียวในโลก ที่ซุ่มพัฒนา และออกแบบโดยศูนย์อาร์แอนด์ดี ในเยอรมนี รถคันนี้ติดเบอร์แข่งหมายเลข 347 ขับโดย พรสวรรค์ ศิริวัฒนกุล และพรเทพ สุขะหุต ทำเวลาวิ่งช่วงโพรลอก 05.34 นาที และสตาร์ท ในลำดับที่ 48 บรรยากาศในวันโพรลอกนั้น เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่แห่มาชมการแข่งขัน...นี่แค่การจัดอันดับสตาร์ทเท่านั้น นักแข่งแต่ละคนต่างขับเคี่ยวแบบไม่ยอมกัน มีหลุด มีพัง มีติดเนินทราย เป็นเรื่องปกติ
วันที่สี่
เกาะติดการแข่งขัน
วันนี้เราใช้เวลาเกือบทั้งวัน อยู่ที่จุดสตาร์ท เพื่อรอถ่ายภาพรถแข่ง มิตซูบิชิ สตราดา พร้อมนักแข่งไทยบรรยากาศเช้านี้ดูคึกคักชุลมุนด้วยฝูงคน นักข่าว และแขกวีไอพี ที่มาร่วมงานมากมาย โฆษกสนามประกาศรายชื่อแต่ละคนตามอันดับโพรลอก เสียงกึกก้องของเครื่องยนต์ เสียงเชียร์จากแฟนๆ ผู้คลั่งไคล้มอเตอร์สปอร์ท ตะโกนเรียกชื่อนักขับในดวงใจแข่งกันดังสนั่นหวั่นไหว ธงของแต่ละชาติพลิ้วไหวสะบัดบนโพเดียม รวมถึงธงชาติไทย ที่ครั้งนี้มีโอกาสขึ้นไปประกาศศักดาอย่างเต็มภาคภูมิ ทีมงาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ฯ ขึ้นไปส่งแรงเชียร์ถึงบนเวที
การแข่งขันครั้งนี้ มีรถแข่ง 483 คัน แยกเป็นรถจักรยานยนต์ 248 คัน รถยนต์ 165 คัน และรถบรรทุก 70 คัน มีนักแข่งจากทั่วโลกเข้าร่วมพิสูจน์ความแกร่งทั้งคนและรถ บนเส้นทางที่หินสุดๆ ด้วยระยะทาง 8,953 กม. เริ่มจากจุดสตาร์ท ที่จตุรัส เปาโล เซนต์ จอร์ดี (PALAU SANT JORDI) เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ผ่านโมรอคโค, มอริตาเนีย, มาลี และสิ้นสุดการแข่งขันที่กรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล
ตลอดระยะเวลา 16 วันของการแข่งขัน 2 วันในประเทศสเปน จะเป็นวันโพรลอกและวันแรกจากบาร์เซโลนา-กรานาดา เส้นทางง่ายๆ ประมาณ 919 กม. ช่วงนี้นักแข่งยังไม่เร่งรีบที่จะขับเคี่ยวกันนัก แต่พอข้ามเข้าสู่ประเทศโมรอคโค การแข่งขันเริ่มจริงจังขึ้น ส่วนที่เหลือของการแข่งขันนั้น ติดตามในคอลัมน์ "เจาะสนามแข่ง" พลิกไปอ่านหน้า 166-171 เรามีรายละเอียดที่น่าสนใจรออยู่ !
เราเดินทางออกจากบาร์เซโลนา บินสู่มาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน ในค่ำวันนั้น ภายในใจนั้นร่วมส่งแรงเชียร์ และแอบหวังลึกๆ ว่า ปีนี้ทีม มิตซูบิชิ ไทยแลนด์ น่าจะประสบความสำเร็จในอันดับที่ดีกว่าปีก่อน พร้อมกับอมยิ้มอย่างมีความสุข
หลังจากกลับมาถึงประเทศไทยเพียง 2 วัน เราก็ทราบข่าวว่า "พี่เอก" พรสวรรค์ ศิริวัฒนกุลจำเป็นต้องออกจากการแข่งขัน เนื่องจากเกิดอาการบาดเจ็บที่บริเวณหลัง และกลับมาพักรักษาตัวที่ จ. ลำปาง บ้านเกิดเรียบร้อยแล้ว เป็นอันว่า ความหวังที่เราแอบตั้งไว้ต้องเก็บเข้าลิ้นชัก และนี่เป็นปีแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ท่าทีของ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ยังยืนยันที่จะส่งรถเข้าแข่งขันในรายการนี้ต่อไป
ถึงอย่างไรก็ตาม ทีม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยังคงเดินหน้าเก็บเกี่ยวชัยชนะในรายการนี้อย่างต่อเนื่องแล้วแบบนี้ จะไม่ให้เรียกว่า "โคตรแชมพ์" ได้อย่างไร ?
ขอขอบคุณ
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่อำนวยความสะดวก และเอื้อเฟื้อทุกสิ่งทุกอย่างตลอดการเดินทางสู่แดนกระทิงดุ 7 วัน
[table]
ข้อมูลจำเพาะ มิตซูบิชิ เรซิง ทรัค เอโวลูชัน
มิติ และน้ำหนัก,
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) ,4354/2000/1848
ความยาวฐานล้อ (มม.) ,2780
ความกว้างฐานล้อ (หน้า/หลัง) (มม.) ,1686/1724
ความสูงท้องรถ (มม.) ,-
น้ำหนักรถ (กก.) ,-
ขนาดยางรถยนต์ ,(บีเอฟ กูดริช จี 1)
เครื่องยนต์ ,รหัส 4M41 (3.2 DI-D)
ชนิด ,ดีเซล เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC
,ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ความจุลูกสูบ (ซีซี) ,3200
กำลังสูงสุด (พีเอส/รตน.) ,170-200/-
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) ,-/-
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) ,-
ระบบถ่ายทอดกำลัง,
เกียร์อัตโนมัติ (จังหวะ) ,เดินหน้า 5 ควบคุมด้วยอีเลคทรอนิคส์
ระบบขับเคลื่อน,
ชนิด ,พาร์ทไทม์ 4x4
ระบบรองรับ,
หน้า ,ปีกนก 2 ชั้น คอยล์โอเวอร์ชอคอับ 2 จุด
หลัง ,มัลทิลิงค์ คอยล์โอเวอร์ชอคอับ 2 จุด
ระบบห้ามล้อ,
หน้า/หลัง ,จาน พร้อมช่องระบายความร้อน
[/table]
ABOUT THE AUTHOR
ลิขิต น้าประเสริฐ
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)