เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมิถุนายน 2025/2024
ตลาดโดยรวม +5.1 %
รถยนต์นั่ง + 9.4 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +11.6 %
กระบะ 1 ตัน -8.2 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +28.6 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-มิถุนายน 2025/2024
ตลาดโดยรวม -1.3 %
รถยนต์นั่ง -1.5 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +7.4 %
กระบะ 1 ตัน -12.7 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +39.9 %
ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ตลาดรถยนต์ไทยยังคงมีตัวเลขยอดขายที่น่าจับตามอง เพราะเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวเล็กๆ รถในบางกลุ่ม เช่น รถไฟฟ้า (BEV) เป็นเซกเมนท์ที่ผลักดันตลาด อย่างไรก็ตาม ยอดขายรวมของตลาดรถยนต์ช่วงนี้ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่า โครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ มีการเติบโตน้อย รวมถึงปัญหาภาคการเงินยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ
ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผู้ใช้รถยนต์ในบ้านเราเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัวเรื่องทัศนคติ จากรถเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบเดิมไปสู่รถไฟฟ้า (BEV) ก่อให้เกิดความขัดแย้งในมุมมอง และความเชื่อมั่น ซึ่งผู้บริโภคบางกลุ่มที่ยังคงลังเลไม่กล้าตัดสินใจเปลี่ยนแปลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับระยะทางการใช้งานของรถไฟฟ้า ความทนทานของแบทเตอรี และมูลค่าการขายต่อ รวมถึงการบริการหลังการขาย แต่ปัญหานี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับค่ายรถจีนในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดรถไฟฟ้า ด้วยนโยบายสนับสนุนทางการเงิน และภาษีที่เอื้ออำนวย จากเขตการค้าเสรีในอาเซียน ที่ช่วยให้รถไฟฟ้าจีนมีต้นทุนต่ำจนสามารถขยายตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มองหานวัตกรรม และเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญ
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในครึ่งปีหลังของปี 2568 เราคงได้เห็นความพยายามตีตลาดรถกระบะของค่ายรถจีนมากขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จในการผลักดันรถไฟฟ้า เนื่องจากตลาดรถกระบะในบ้านเราเป็นตลาดใหญ่ที่สุด และค่ายรถจีนหันมาสนใจในตลาดกลุ่มนี้ เพราะเป็นรถที่คนไทยนิยมใช้ในภาคธุรกิจ รวมถึงใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยค่ายรถจีนพยายามเปลี่ยนแปลงแนวคิดจากรถกระบะเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นรถกระบะพลังงานไฟฟ้า หรือไฮบริด พร้อมระบบอัจฉริยะ ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่สร้างความแตกต่าง
ทั้งนี้ หลังจากค่ายรถจีนเริ่มทะลักเข้าสู่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีการเปลี่ยนกลยุทธ์การทำตลาดจากเน้นการสร้างยอดขาย เพื่อเพิ่มประชากรบนท้องถนน ไปสู่การสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของบแรนด์ การสื่อสารอย่างมืออาชีพ ผ่านกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะสร้างความประทับใจ และสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และเริ่มให้ความสนใจการสื่อสารของบแรนด์ผ่านกลยุทธ์สปอร์ท มาร์เกทิง การใช้พรีเซนเตอร์ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างประสบการณ์กับบแรนด์ เช่น การสนับสนุนกิจกรรมกีฬา, กิจกรรมออฟโรด เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเชิงลึก โดยแนวทางการสร้างภาพลักษณ์ใหม่แบบนี้ฝั่งค่ายรถญี่ปุ่นเน้นมาตลอด 50 ปี
ตลาดรถยนต์ไทยครึ่งปีหลัง 2568 ยังคงเป็นภาพสะท้อนของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรม และพฤติกรรมผู้บริโภค เรายังมีความหวังของการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะมาพร้อมกับความท้าทายในแง่ของกลยุทธ์การตลาด การสร้างภาพลักษณ์ และการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการในยุคดิจิทอล
ความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ใครเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้เร็ว และลึกซึ้งกว่า ก็จะเป็นผู้ถูกเลือกให้อยู่รอด