เขาว่า : หมดมาตรการ EV 3.0 ราคารถไฟฟ้าจะขึ้น...จริงไหม ?
จริง ! : เพราะภาษีนำเข้า และภาษีสรรพสามิต กลับสู่สภาวะปกติ
มาตรการ EV 3.0 เป็นนโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2566 จุดประสงค์เพื่อดึงดูดการลงทุนผลิตในประเทศ ผ่านการชดเชยนำเข้าแบบ 1:1 (ผลิต 1 คัน ชดเชยนำเข้าได้ 1 คัน) พร้อมสิทธิประโยชน์ เช่น เงินอุดหนุนสูงสุด 150,000 บาท/คัน ลดภาษีนำเข้าเหลือ 0 % และลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 2 % (จากปกติ 8 %) สำหรับรถ EV ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีแบทเตอรีขนาด 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป โดยมีผลบังคับถึงสิ้นปี 2568
หลังสิ้นสุดมาตรการ ราคารถ EV ในไทย จะเพิ่มขึ้นโดยรวม เนื่องจากค่ายผู้ผลิตรถ จะสูญเสียสิทธิประโยชน์ด้านภาษี และเงินอุดหนุน ส่งผลให้ต้นทุนนำเข้า และขายปลีกสูงขึ้น โดยเฉพาะรถที่ผลิต หรือประกอบในไทย ภายใต้โครงการนี้
อย่างไรก็ตาม การขึ้นราคาอาจไม่รุนแรงทันที เนื่องจากตลาด EV ในไทยกำลังแข่งขันดุเดือด ค่ายรถหลายรายกำลังเคลียร์สตอคก่อนสิ้นปี ด้วยพโรโมชันลดราคา เพื่อรักษายอดขาย และดึงลูกค้าจากรถเครื่องยนต์สันดาป นอกจากนี้ มาตรการ EV 3.5 (ที่ปรับปรุงจาก EV 3.0 เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2567) อาจต่อยอดบางส่วนไปจนถึงปี 2569 แต่เงินอุดหนุนจะลดลงเหลือสูงสุด 100,000 บาท/คัน ทำให้ราคายังสูงกว่าระยะ EV 3.0
ปัจจัยที่ทำให้ราคาเพิ่มขึ้น คือ 1. ภาษีนำเข้า และภาษีสรรพสามิตกลับสู่ปกติ ในปี 2569 ภาษีนำเข้าจะกลับไป 40-80 % (ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์เทียบเท่า) และภาษีสรรพสามิต 8 % ส่งผลให้ต้นทุนรถนำเข้า หรือประกอบในไทยเพิ่ม 10-20 % หรือมากกว่า 2. สูญเสียเงินอุดหนุน เพราะค่ายรถจะไม่ได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐ ส่งผลให้ราคาขายปลีกปรับขึ้นเพื่อชดเชย โดยเฉพาะรถราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ที่เคยได้ส่วนลด
บทความแนะนำ

