จีเอม
ประกาศลั่น "ไฮโดรเจน" คือ เครื่องยนต์ยุคใหม่
ด้วยความแรงของกระแสอนุรักษ์ธรรมชาติ และพลังงานของโลก ทำให้ผู้บริหารของค่ายยักษ์ใหญ่ในแดนคาวบอย อย่าง จีเอม (GM) ตัดสินใจยกเลิกการผลิตเครื่องยนต์สันดาปภายใน 10 ปีข้างหน้านี้
จากตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ได้ข้อสรุปสำหรับรถในอนาคตว่า มีเพียงหนทางเดียว คือฟิวเอล เซลล์ (FUEL CELL) เท่านั้น ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งเป็นตัวเลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และเครื่องยนต์ไฮบริด (HYBRID)ซึ่งเครื่องยนต์พันธุ์ผสมแบบไฮบริด แม้จะมีไอเสียที่สะอาดกว่าก็ตาม แต่เครื่องยนต์ดีเซล-ไฟฟ้าก็ยังใช้เชื้อเพลิงจากซากสัตว์ ซึ่งใกล้จะหมดจากโลกในเร็ววันนี้ ดังนั้นจึงไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดของ จีเอม
ทาง จีเอม จึงเลือกพัฒนารถพลังไฮโดรเจน และรถพลังงานไฟฟ้าควบคู่กันไป และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายในปี 2010 จากนั้นจะเปิดตัวรถเอสยูวี รุ่น อีควินอกซ์ (EQUINOX) เป็นการทดลองตลาด 100 คันทั่วโลก
ส่วนรถแนวคิดรุ่น โวลท์ (VOLT) จะสามารถผลิตขายได้ภายในปี 2010 เช่นกัน หลังการทำสัญญาพัฒนาแบทเตอรี ลิเธียม ไอออน ชนิดสมรรถนะสูงสำหรับสภาพการใช้งานจริง และมีพิสัยเดินทางที่ยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่าแบทเตอรีชนิดนี้ จะพร้อมใช้งานในรถยนต์ทั่วไปภายในระยะเวลา 3 ปีนี้
ขณะนี้ทาง จีเอม ใช้ระบบอีเลคทรอนิคเข้ามาทดแทนระบบกลไกในหลายๆ ส่วน ดังที่เราเห็นในระบบ BY-WIRE BRAKING และในพวงมาลัย ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดน้ำหนักของรถแล้ว ยังเป็นการลดการใช้น้ำมันลง ทั้งยังใช้งบประมาณต่ำ และมีการติดตั้งได้ง่ายกว่า
แนวคิดนี้ได้ใช้ในรถแนวคิด ออโทโนมี (AUTONOMY) และไฮไวร์ (HYWIRE) มาแล้ว ซึ่งจัดว่าเป็นระบบพวงมาลัยที่มีการตอบสนองการควบคุมที่ง่าย และรวดเร็ว มีผลให้รถมีการควบคุมที่ดีขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ ทาง จีเอม ยังผลิตรถยนต์เครื่องสันดาปภายในต่อไป จนกว่าจะมีความพร้อมสำหรับเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ทดแทนได้จริงๆ
แลนด์ โรเวอร์
4 เดือนแรก ยอดพุ่ง !
หลังการสรุปยอดขาย 4 เดือนแรกของปี 2007 ทั้ง แลนด์ โรเวอร์ และแจกวาร์ ทำให้ต้องหันมาปรับกลยุทธ์กันใหม่ โดยเฉพาะค่าย แจกวาร์ ทำยอดจำหน่ายรถตกจาก 28,000 คัน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเหลือเพียง 20,000 คัน
ในขณะที่ แลนด์ โรเวอร์ มีตัวเลขพุ่งสูงขึ้นถึง 12,000 คัน จากยอดขาย 66,000 คัน เป็นเกือบ 78,000 คันในปีนี้ และคาดว่าจะสามารถทะลุยอด 250,000 คันเมื่อสิ้นสุดปี 2007
เมื่อแยกเป็นรุ่นๆ จะพบว่า แลนด์ โรเวอร์ 4 ใน 5 รุ่น สามารถทำยอดขายเหนือกว่ายอดขายของปีที่แล้ว คือ ดีเฟนเดอร์, ฟรีแลนเดอร์ 2, เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ท และเรนจ์ โรเวอร์ มีเพียงรถรุ่น ดิสคัฟเวอรี 3 เท่านั้น ที่ทำยอดตกจาก 18,700 คัน เหลือเพียง 15,000 คัน
ข่าวจากวงในของ แลนด์ โรเวอร์ แจ้งว่ารูปทรงของ ดิสคัฟเวอรี 3 ค่อนข้างก้าวร้าวเกินไป ทำให้กลุ่มผู้ใช้รถที่เป็นผู้หญิงหันไปหารุ่นอื่นแทน นับว่าเป็นสัญญาณบอกเหตุที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ขณะนี้ทาง แลนด์ โรเวอร์ ได้หันไปให้ความสนใจกับรถขนาดเล็ก และราคาที่ต่ำกว่า ฟรีแลนเดอร์ โดยเฉพาะ นิสสัน กัชไก ที่กำลังมาแรงในประเทศอังกฤษ และกำลังผลักดันให้ แลนด์ โรเวอร์ สร้างรถรุ่นใหม่เพื่อเป็นคู่แข่งโดยเฉพาะ
ในส่วนของ แจกวาร์ ที่ผลิตขึ้นจากโรงงาน FORD'S PREMIER AUTOMOTIVE GROUP มีเพียงรุ่นเดียว คือ เอกซ์เค คูเป (XK COUPE) และรุ่นเปิดประทุน (CABRIO) ที่ทำยอดขายดีกว่าปีที่แล้ว ส่วนรถรุ่น เอส-ไทพ์ กำลังจะถูกแทนที่โดยรถรุ่น เอกซ์เอฟ (XF) ในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ทำยอดขายตกลงถึง 5,600 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
กำลังการผลิตของ เอกซ์ -ไทพ์ (X-TYPE) ลดลงจาก 12,200 คัน เหลือเพียง 7,000 คัน นั่นเป็นสัญญาณว่าคงจะต้องเก็บเข้ากล่องหลังการเปิดตัวรุ่นใหม่อย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังมีข่าวร้ายของรุ่น เอกซ์เจ (XJ) ก่อนการปรับหน้าตาที่ทำยอดขายตกลงจาก 4,600 คัน เหลือเพียง 2,800 คันในปีนี้
แลนด์ โรเวอร์
ทุ่มงบไม่อั้น พัฒนาเครื่องยนต์ใหม่
แลนด์ โรเวอร์ จะมีการสร้างรถต้นแบบขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์พันธุ์ผสมภายใน 7 เดือนข้างหน้านี้ จากการคาดการณ์ล่วงหน้า คงไม่เป็นเครื่องยนต์พันธุ์ผสมดีเซลอย่างแน่นอน เนื่องจากความสิ้นเปลืองในงบประมาณการพัฒนา
ทางบริษัท ฯ ได้เปิดเผยแนวคิดเทคโนโลยีพันธุ์ผสม ด้วยรถแนวคิด แลนด์_อี (LAND_E) ในงานมหกรรมยานยนต์เจนีวา ในปี 2006 ซึ่งในปีนี้จะมีการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าที่เห็น โดยจะประกอบอยู่ในชุดเพลาท้ายพร้อมชุดระบบถ่ายทอดกำลัง
ทาง แลนด์ โรเวอร์ กำลังพัฒนาระบบเครื่องยนต์ใหม่ที่จะใช้กับรถทุกรุ่นของบริษัท ฯ ให้ได้
เกีย
เผยโฉมรถใหม่ 3 รุ่น 3 แบบ
เกีย ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีใต้ เผยโฉมรถใหม่ล่าสุด 3 รุ่น เป็นครั้งแรกในโลก ด้วยรถรุ่น เอกซ์_ซี'ด กาบริโอ (EX_CEE'D CABRIO) รถสปอร์ทต้นแบบเปิดประทุนคันใหม่ล่าสุด รุ่น ซี'ด สปอร์ท แวกอน (CEE'D SPORT WAGON) และรุ่น รีโอ ไฮบริด (RIO HYBRID) ที่ออกแบบสไตล์ยุโรปเป็นครั้งแรก ในงานมหกรรมยานยนต์เจนีวา ครั้งที่ 77 ประเทศสวิทเซอร์แลนด์
เกีย เอกซ์_ซี'ด กาบริโอ เป็นรถสปอร์ทต้นแบบเปิดประทุน ได้รับการออกแบบภายใต้การควบคุมของเพเทร์ ชเรเยร์ (PETER SCHREYER) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ เกีย โดยสร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานเดียวกันกับรุ่น ซี'ด สปอร์ท รถแฮทช์แบคแบบ 3 ประตู ที่มีความยาวฐานล้อเท่ากับ 2,650 มม. แต่รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการออกแบบใหม่ เสริมด้วยหลังคาอ่อนเปิดประทุน ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า และเพิ่มความสปอร์ท ด้วยกระทะล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว สีสันตัวรถเป็นสีขาว และหลังคาผ้าใยสังเคราะห์สีน้ำตาล
ส่วน เกีย ซี'ด สปอร์ท แวกอน ได้วางรูปแบบสร้างขึ้นบนฐานล้อที่มีความยาวเป็นพิเศษ ส่งผลให้พื้นที่ภายในห้องโดยสาร และห้องบรรจุสัมภาระด้านท้ายมีขนาดกว้างขวางขึ้น เช่นเดียวกับประตูด้านท้ายที่ออกแบบให้กว้างขวาง สะดวกสบายต่อการขนย้ายสัมภาระต่างๆ โดยบริเวณพื้นที่ด้านท้าย สามารถบรรจุสัมภาระได้มาก และเอื้อประโยชน์ต่อการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์
ตัวรถมีความยาวเพิ่มขึ้นเป็น 235 มม. ออกแบบให้พื้นที่ด้านท้ายล้อหลังเพิ่มขึ้น และเพิ่มความสูงตัวรถขึ้นอีก 10 มม. โดยมีเนื้อที่บรรจุสัมภาระด้านท้ายรวมเท่ากับ 534 ลิตร เพื่อรองรับการบรรทุกได้ถึงกระจกด้านท้ายรถ พื้นที่การบรรทุกเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 200 ลิตร โดดเด่นกว่ารถในระดับเดียวกัน ทั้งในส่วนของอุปกรณ์มาตรฐานและความปลอดภัย ทั้ง ACTIVE SAFETY และ PASSIVE SAFETY โดยมีให้เลือก 3 รุ่น คือ แอลเอกซ์, อีเอกซ์ และทีเอกซ์ ส่วนเครื่องยนต์พัฒนาใหม่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ ยูโร 4 เครื่องยนต์มีให้เลือก 5 ขนาด ให้แรงม้าสูงสุดระหว่าง 90-143 แรงม้า ระบบถ่ายทอดกำลังมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ
และเกีย รีโอ ไฮบริด เป็นโครงการพัฒนารถพลังงานไฮบริดของเกาหลี ถือว่าเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในทวีปยุโรป โดย เกีย ร่วมกับ ฮันเด ให้การสนับสนุนกระทรวงพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของเกาหลี ด้วยการผลิตรถไฮบริด จำนวน 3,390 คันใน 2 ปีข้างหน้า
เกีย รีโอ ไฮบริด ได้รับการออกแบบโดยฝ่ายวิจัยและพัฒนา เครื่องยนต์เบนซินพัฒนาขึ้นใหม่ ความจุ
1.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 9.6 กก.-ม. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบถ่ายทอดกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ CVT
มอเตอร์ไฟฟ้าออกแบบติดตั้งระหว่างฟลายวีลและห้องเกียร์ เพื่อช่วยเครื่องยนต์เบนซินในการสตาร์ทการเพิ่มอัตราเร่งและการขับขี่บนทางลาดชัน นอกจากนี้ มอเตอร์ไฟฟ้ายังช่วยเรื่องความสม่ำเสมอระหว่างการขับเคลื่อน และการหยุดทำงาน เพื่อช่วยลดความเร็วลง ขณะเดียวกันก็จะช่วยชาร์จพลังงานเข้าเก็บในแบทเตอรี อีกด้วย
รีโอ ไฮบริด เป็นรถรุ่นแรกของ เกีย ที่วางระบบถ่ายทอดกำลังอัตโนมัติแบบ CVT ซึ่งได้รับการออกแบบพิเศษ ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ทั้งการหยุดและสตาร์ท โดยจะปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องทั้งการถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ ได้อาศัยเทคโนโลยีสำหรับการลดน้ำมันตัวรถ ด้วยการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่ผลิตจากวัสดุน้ำหนักพิเศษ ทำให้ รีโอ ไฮบริด ลดน้ำหนักลงได้ถึง 220 กก. สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 12.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 180 กม./ชม. โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 5.29 ลิตร/100 กม. ปล่อยมลภาวะทางอากาศต่ำกว่า 37 % และประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่า 44 %
เชลล์
สนับสนุน เอาดี คว้าแชมพ์ เลอ มองส์
เชลล์ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ เป็นผู้สนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล เกรดพรีเมียม ให้กับทีมแข่ง เอาดีสปอร์ท ซึ่งใช้รถ เอาดี อาร์ 10 ทีดีไอ เครื่องยนต์ดีเซล สามารถคว้าชัยชนะจากการแข่งขันรถยนต์รายการ เลอ มองส์ 2007 เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ประเทศฝรั่งเศส
ภายหลังที่ได้สร้างประวัติศาสตร์โลก ด้วยการเป็นรถแข่งเครื่องยนต์ดีเซลรายแรก ที่สามารถเอาชนะรถแข่งเครื่องยนต์เบนซิน ได้อย่างขาดลอยถึง 2 ปีซ้อนในสนามเดียวกัน
การแข่งขัน เลอ มองส์ เป็นการแข่งรถที่ถือว่าทรหดสุดๆ เพราะแต่ละทีมต้องทำการแข่งขันตลอด 24 ชม. โดยไม่มีการหยุดพัก เพื่อที่จะทำเวลาให้ดีที่สุด รวมทั้งระยะทางที่มากที่สุดด้วย
ABOUT THE AUTHOR
ม
มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2545