สัมภาษณ์พิเศษ
พลกฤษณ์ ลีนุตพงษ์
หลังจากที่ ยนตรกิจ กรุพ ปรับโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในส่วนของการทำธุรกิจนำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์ เปอโฌต์ ได้ตกมาอยู่ภายใต้การบริหารงานของ พลกฤษณ์ ลีนุตพงษ์ หนึ่งในคณะกรรมการบริหารของ ยนตรกิจ กรุพ ที่มุ่งมั่นกับการทำตลาดรถยนต์จากฝรั่งเศสนี้ อย่างจริงจัง
4 WHEELS สัมภาษณ์ พลกฤษณ์ ลีนุตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์ คาร์ส จำกัดและบริษัท ยนตรกิจ ออโตโมบิลส์ จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์ เปอโฌต์ ถึงแผนงานและทิศทางในการดำเนินธุรกิจ
4 WHEELS : เพราะเหตุใดจึงเลือก เปอโฌต์ ?
พลกฤษณ์ : ผมทำงานกับ เปอโฌต์ มากว่า 30 ปี และคิดว่ามีความเข้าใจในตัวสินค้า และลูกค้าเป็นอย่างดี จึงตัดสินใจเลือกทำการตลาดของ เปอโฌต์ และคิดว่าจะสามารถสร้าง เปอโฌต์ ให้เป็นที่รู้จัก และเป็นที่ยอมรับพร้อมกับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
4 WHEELS : โครงสร้างการบริหารงานของ เปอโฌต์ เป็นอย่างไร ?
พลกฤษณ์ : ผู้ก่อตั้ง ยนตรกิจ กรุพ คือ อรรณพร และ อรรถพงษ์ ลีนุตพงษ์ ซึ่งเป็นคุณลุง และคุณพ่อของผม แต่หลังจากที่คุณลุงเสียชีวิตลงแล้ว ทางผู้บริหารซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 2 ก็ได้เข้ามาดูแลกิจการของบริษัทในเครือทั้งหมด โดยมีการแต่งตั้งบอร์ดที่เป็นคณะกรรมการบริหารของกรุพทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย สรวิศร์ พงษ์เทพ วิฑิต และตัวผม ทำหน้าที่บริหารกิจการ
แต่เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว หลังจากคุณลุงเสียชีวิต เจ้าของบแรนด์รถยนต์ต่างๆ ที่อยู่ในเครือ ยนตรกิจ ต้องการให้แยกการบริหารงานแต่ละบแรนด์ให้ชัดเจน ไม่ใช่ทำพร้อมๆ กัน 7-8 ยี่ห้อ ดังนั้นเราจึงมาดูกันว่าบแรนด์ไหนขาดทุน และบแรนด์ไหนกำไร และได้ประชุมกันแล้ว ว่าต้องแบ่งการบริหารงานของรถยนต์แต่ละบแรนด์ออกจากกัน เพื่อให้มีการดูแลได้โดยตรง
โดยทาง สรวิศร์ ได้ไปทำตลาดรถยนต์ เอาดี เกีย เซอัต สโกดา และยังมีรถยนต์บแรนด์ใหม่ๆ เข้ามาในตลาด เช่น นาซา และ สไปเคอร์ เป็นต้น ส่วน พงษ์เทพ ก็ไปทำงานด้านรีสอร์ทในจังหวัดตรังซึ่งไม่เกี่ยวกับรถยนต์เลย ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนงานโครงการทั้งหมด สำหรับ วิฑิต ก็ดูแลโฟล์คสวาเกน ส่วนผมก็เข้ามาทำตลาด เปอโฌต์ อย่างเต็มตัวเพียงยี่ห้อเดียว
4 WHEELS : ทำไมจึงเปลี่ยนชื่อบริษัท ?
พลกฤษณ์ : เดิม ยนตรกิจ กรุพ ทำตลาดรถยนต์หลายยี่ห้อ และเมื่อต้องการจะจัดให้เข้ารูปเข้ารอยโดยที่เราทำ เปอโฌต์ เพียงยี่ห้อเดียว จึงได้มีการจัดตั้งบริษัทขึ้นเพื่อให้ชัดเจน ในเรื่องการบริหารงานโดยบริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์ คาร์ส จำกัด ดูแลเรื่องการนำเข้ารถยนต์ ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับบริษัทแม่ เปอโฌต์ ฝรั่งเศส และยังมีบริษัท ยนตรกิจ ออโตโมบิลส์ จำกัด ที่ดูแลด้านการจัดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศ ซึ่งแยกออกจากกันชัดเจน
ส่วนของผู้ถือหุ้นทั้ง 2 บริษัทนั้น ผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีพี่น้องในเครือ ยนตรกิจ เข้ามาถือหุ้นบ้างซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการจัดสรร สำหรับตัวผมจะดูแลด้านการตลาดและจัดจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก ส่วนบริษัทนำเข้าจะมี รอนนี เมอคาโด เป็น จีเอม
สำหรับ พสุพงษ์ ลีนุตพงษ์ น้องชายผมนั้น จะดูแล บลู บอกซ์ (BLUE BOX) เอกซ์คลูซีฟโชว์รูมของเปอโฌต์ บนถนนรามอินทรา ซึ่งเป็นดีเลอร์ เปอโฌต์ เต็มตัว ซึ่งที่นี่ พสุพงษ์ ลงทุนเองทั้งหมด
4 WHEELS : คุณเตรียมแผนงานและการตลาดของ เปอโฌต์ ไว้อย่างไรบ้าง ?
พลกฤษณ์ : ผมเพิ่งเริ่มต้นเข้าดูแล เปอโฌต์ เมื่อต้นปีนี้เอง ซึ่งเมื่อปีที่แล้วนั้น ยอดขาย เปอโฌต์ ไม่สูงนัก ทำได้ไม่ถึง 100 คัน และเมื่อผมเข้ามาดูแลเองแล้ว ก็ไม่อยากจะให้เป็นแบบนี้ จึงวางแผนให้ เปอโฌต์ ในอนาคตมียอดขายไม่ต่ำกว่าปีละ 300 คัน โดยจะมีสินค้าใหม่ที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทเข้ามาทำตลาด และยังมีรถราคา 3 ล้าน หรือ 4 ล้านบาท ทำตลาดต่อไปด้วย และนอกจากนั้นยังมีรถรุ่นใหม่ที่เป็นแฟชันเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25 เราได้นำรถที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท จากมาเลเซีย มาเปิดตลาดและได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี หลายรุ่น เช่น เปอโฌต์ 308 เซเซ/เปอโฌต์ 407/เปอโฌต์ 206 เซเซ 5 ประตู เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร และยังมีรุ่น สไปเดอร์ 207 ซึ่งเป็นเรซิงคาร์ ที่ได้รับการพัฒนามาจากคอนเซพท์คาร์ 3 ล้อ 20 คัพ โดยส่วนประกอบต่างๆ ของรถได้มาจากการนำเอาจุดเด่นของรถยนต์ เปอโฌต์ รุ่นต่างๆ มารวมกัน ได้แก่ จุดยึดปีกนกทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งพัฒนามาจาก รุ่น 407 เบรคจาน และ เบรค คาลิเพอร์ จากรุ่น 407 หม้อน้ำ และ อินเตอร์คูเลอร์ จากรุ่น 207 ชุดพวงมาลัย จากรุ่น 206 และ เฟืองพวงมาลัย จากรุ่น 407 มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร THP 16 วาล์ว รหัส EP6DTSเป็นเครื่องรุ่นเดียวกับ เปอโฌต์ 207 อาร์เซ
สำหรับยอดขายของ เปอโฌต์ ในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 150 คัน เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากยอดจำหน่ายมาจากรถยนต์ เปอโฌต์ รุ่น 207 เซเซ ได้รับความนิยมมากที่สุด และกลุ่มลูกค้าระดับบนยังมีกำลังซื้อที่ดีอยู่ นอกจากนี้ยังได้ปรับศูนย์จำหน่ายรถยนต์ เปอโฌต์ ที่สาขารามอินทรา และสุขาภิบาล 3 ให้มีแนวคิด บลู บอกซ์ ที่ปรับระบบการบริหารงานใหม่ให้ทันสมัย และพัฒนาบริการหลังการขายให้ดีขึ้น รวมทั้งเตรียมเปิดศูนย์จำหน่ายรถยนต์ เปอโฌต์ ในจังหวัดลำปาง และเชียงใหม่ เพื่อขยายตลาดในต่างจังหวัด
ทั้งนี้บริษัท ฯ ได้วางแผนในระยะ 3 ปีข้างหน้า ว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่าปีละ 500 คัน โดยจะเริ่มขยับจากปีนี้ที่จะขยายตัวขึ้นถึง 100 % ด้วยยอดขายไม่ต่ำกว่า 200 คัน และในปี 2552 น่าจะทำได้ถึง 300 คันจนกระทั่งปี 2553 ที่จะบรรลุเป้ายอดขาย 500 คัน ตามที่บริษัท ฯ ได้วางไว้ในเบื้องต้น
4 WHEELS : บริษัทแม่ให้การสนับสนุนอย่างไรบ้าง ?
พลกฤษณ์ : หลังจากที่ออกมาทำ เปอโฌต์ ด้วยตัวเอง มีการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งโชว์รูมและสำนักงานใหญ่ บนถนนสุขาภิบาล 3 นั้น เราลงทุนไปแล้ว 700 ล้านบาท เป็นศูนย์เซอร์วิศใหญ่ที่สุดและยังเป็นศูนย์ซ่อมเกียร์บลอคของภูมิภาคด้วย และในปี 2552 ยังมีแผนงานที่จะลงทุนทำโชว์รูมพร้อมสำนักงานใหญ่แห่งใหม่บนถนนทองหล่อ คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 500 ล้านบาท และยังมีโครงการที่จะประกอบรถยนต์ในประเทศ (เอสเคดี) โครงการนี้ใช้เงินอีกไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท รวมแล้วเป็นเงินกว่า 1,000 ล้านบาท จึงทำให้บริษัทแม่เห็นในความตั้งใจจริงของเรา และให้การสนับสนุนอย่างจริงจังโดยส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วย ในเรื่องการออกแบบ วางระบบต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความช่วยเหลือในด้านซอฟท์แวร์ ขณะที่การลงทุน และในเรื่องฮาร์ดแวร์ต่างๆ เราลงทุนเองทั้งหมด
ส่วนความช่วยเหลือในด้านต้นทุนราคาสั่งซื้อรถจากบริษัทแม่นั้น เรามีการเจรจากันเป็นแพคเกจซึ่งขณะนี้ทาง เปอโฌต์ มีสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียทำให้การเจรจาระหว่างกันเป็นไปได้ง่ายขึ้น
4 WHEELS : ทำไม เปอโฌต์ ฝรั่งเศส จึงไปตั้งสำนักงานภูมิภาคในมาเลเซีย ?
พลกฤษณ์ : ตลาดรถเก๋งในมาเลเซียใหญ่กว่าเมืองไทย ขณะที่ประเทศไทยจะเป็นพิคอัพมากกว่า ดังนั้นทาง เปอโฌต์ จึงได้เลือกมาเลเซียเป็นที่ตั้ง แต่จากการที่เราลงทุนจริงจังในช่วงนี้ ทางบริษัทแม่ได้ให้ความสำคัญ และได้ให้การช่วยเหลืออย่างจริงจังมากขึ้น
4 WHEELS : รถที่จะผลิตในประเทศ คือ รุ่นใด ?
พลกฤษณ์ : รถที่จะผลิตในประเทศ คือ รุ่น เอกซ์เปอร์ท เป็นรถตู้ 11 ที่นั่ง เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาค ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ปัจจุบัน เปอโฌต์มีโรงงานผลิตรถยนต์อยู่ในอาเซียน 3 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และกำลังก่อสร้างใน เวียดนาม ซึ่งเมื่อเราเริ่มมีการผลิตในประเทศไทย ก็จะสามารถแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ระหว่างกันได้ โดยบริษัท ฯ เตรียมนำเข้ารถเก๋งเล็กจากมาเลเซีย และเตรียมที่จะส่งออกรถตู้ เอกซ์เปอร์ท ไปจำหน่ายเช่นกัน ซึ่งจำนวนการผลิตในเบื้องต้น คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 100 คัน แบ่งเป็นขายในประเทศ 50 % และส่งออกอีก 50 %
ABOUT THE AUTHOR
ถ
ถาวร พรมพิทักษ์/นุสรา เงินเจริญ
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2552
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(4wheels)