ค่อยเป็นปลื้ม ชื่นอกชื่นใจขึ้นมาหน่อย เมื่อยอดการขายรถในไตรมาสสุดท้ายนี้ จนถึงเดือน 10 ยอดขายรายเดือนเพิ่มขึ้นมา 8.8 % ทำให้ยอดรวมสะสมค่อยกระเตื้องขึ้นมาหน่อย ขายกันได้ 4 แสนกว่าคัน แต่ก็ยังลดลงอยู่ 17.7 % ก็ค่อยเป็นไปตามข่าวให้สัมภาษณ์ของนักการตลาด ที่ว่ายอดขายไตรมาสสุดท้ายจะดีขึ้น
และก็เป็นไปตามคาด เมื่องานมหกรรมยานยนต์ที่ผ่านมา มีค่ายรถนำของใหม่มาสู่สายตาผู้บริโภค มากมายหลายรุ่น ก็เพราะผลพวงจากพันธมิตรหุ้นส่วนธุรกิจระหว่างประเทศ หรือ เอฟทีเอ ที่ช่วงต้นปีก็จะมีผลบังคับใช้หลายประเทศ ที่จะทำให้ปีหน้าฟ้าใหม่ จะมีรถหน้าตาแปลกๆ อยู่ในถนนเมืองไทยเยอะพอสมควร
ช่วงนี้นักข่าวก็เลยยังต้องวุ่นวายอยู่กับการทดสอบรถหลากรุ่น มีทั้งที่ประทับใจ มีทั้งที่ไม่ประทับใจใครอยากรู้ก็ต้องมานั่งคุยกันเอาเอง
ส่วนของผู้บริโภค ก็อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจ เพราะรถราคาระดับ 5 แสนกว่าบาทนี่ มีให้เลือกเยอะหาความรู้กันก่อน ว่าเป็นอย่างไร ยิ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้มีเวบไซท์หลายอย่าง ทั้งของบริษัทแม่ ที่จะบอกแต่เรื่องดีๆ เวบไซท์ที่โด่งดังในแวดวงยานยนต์ เวบไซท์ของคนอยากดังตัดหน้าไปจดโดเมนเนมเอาไว้ก่อน พอถึงเวลาบริษัทที่ขายรถจะไปจดตามชื่อรุ่นบ้าง ก็เจอผู้หวังดีจดโดเมนเนมตัดหน้าไปเสียก่อนแล้ว
ก็ฟังหูไว้หูกันก่อน ค้นคว้าข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนตัดสินใจ ควักกระเป๋าไปเป็นผู้ชำระค่างวดรายเดือนอย่างรวดเร็ว
หนนี้ไปได้ความรู้มาจากกองบังคับการตำรวจทางหลวง ถึงการขับรถโดยอาศัย การคิดแบบคาดคะเน หรือการขับรถแบบ อาจจะ
การขับแบบ "อาจจะ" คือ การคาดคะเนล่วงหน้าว่าอาจเกิดอันตรายได้ อุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนใหญ่เกิดจากการที่ผู้ขับขี่ขาดการคาดคะเนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา จึงก่อให้เกิดอุบัติเหตุมากมาย เช่น การขับรถผ่านรถเมล์ ซึ่งกำลังจอดรับผู้โดยสารอยู่ข้างหน้า ถ้าผู้ขับขี่เพียงแต่คาดคะเนว่า "อาจจะ" มีคนกำลังจะข้ามถนน โดยที่รถเมล์บังอยู่ก็ได้ อุบัติเหตุก็จะไม่เกิดขึ้น ในทางตรงกันข้าม ถ้าคิดว่า "คงจะ" ไม่มีคน หรือไม่ได้คิดอะไรเลย เกี่ยวกับรถเมล์หรือคนเดินข้ามถนน แล้วขับรถผ่านไปตามปกติ ก็อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุชนผู้ที่กำลังจะข้ามถนนได้
เรื่องแรกนี่เป็นเรื่องจริง และในทางตรงกันข้าม หากคนเดินถนนกำลังข้ามถนน และข้ามถนนตัดหน้ารถแมล์ที่กำลังจะออกตัว ก็ต้องใช้ความระมัดระวังให้มาก เพราะคนขับรถเมล์ ก็ต้องมองกระจก มองข้างด้านซ้าย มือก็พะวงอยู่กับการปิดประตู ไม่ได้ให้ความสังเกตกับด้านขวาถ้าเป็นคนเดินถนนที่กำลังจะข้ามตัดหน้ารถเมล์ ก็ต้องระวังจุดนี้ให้มาก
โดยเฉพาะคนเดินถนนที่ชอบคุยโทรศัพท์มือถือ ชอบล้วงกระเป๋าหาเศษสตางค์กระจุกกระจิกทำไปด้วยก็เดินข้ามถนนไปด้วย มันอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
เพื่อนฝูงน่ะคุยเมื่อไรก็ได้ เดินถนนก็ต้องใช้ความระมัดระวังให้มาก ดูซ้ายดูขวาให้เรียบร้อยก่อนข้ามถนน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่อื่นไกล
เรื่องที่สอง เป็นเรื่องเทคนิคในการคาดคะเนอันตราย
คนเราถ้าปิดตาอยู่ก็จะขับรถไม่ได้ หรือถึงแม้ลืมตา แต่จิตใจไม่อยู่กับตัว หรือมองไปยังสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับรถเลย ก็ไม่ถือว่าเป็นการขับรถอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะการหันมองหญิงสาวที่อยู่ข้างทาง หรือสาวนุ่งสั้นที่กำลังจะข้ามถนน ฝ่ายชายน่ะ รู้อยู่ว่าเป็นของชอบกันทุกคนอยู่แล้วแต่การรับรู้สภาพต่างๆ ที่อยู่ข้างหน้าอย่างถูกต้อง ในระหว่างการขับขี่ จะต้องระมัดระวังข้างหน้า/หลัง ซ้าย/ขวา อยู่ตลอดเวลา และจำเป็นจะต้องรับรู้ให้ถูกต้อง และรวดเร็วเกี่ยวกับสภาพของถนนว่ามีคนหรือรถอยู่หรือไม่ มีการเคลื่อนไหวอย่างไร
ถัดไปก็ต้องเป็นเรื่องของการสังเกตให้ดีว่ามีหรือไม่
การขับขี่ให้ปลอดภัยนั้น จะต้องแน่ใจว่าที่ตรงนั้นไม่มีคน หรือรถวิ่งออกมา ปากซอยที่กำลังจะวิ่งผ่านน่ะ มีอะไรเคลื่อนไหวอยู่หรือเปล่า เพราะถ้าทราบแน่ชัดว่า ไม่มีคน หรือรถอยู่ที่นั่นแล้ว จึงสามารถบอกได้ว่าจะมีอันตรายหรือไม่ แม้ว่าในกรณีที่มองไม่เห็น เพราะหลบมุมสายตาอยู่ แต่ถ้าใช้ความสังเกต บางสิ่งบางอย่างก็ช่วยลดอุบัติเหตุได้
ยิ่งสมัยนี้ รถซาเล้งขายกาแฟ เก็บของเก่า รถเข็นขายหมูปิ้ง มาร่วมใช้ท้องถนนกันนัวเนียไปหมดยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นอีก
อีกเรื่องหนึ่งสำหรับวันนี้ การคาดคะเนการเคลื่อนไหวของรถคันอื่น และผู้ใช้ถนน
การเห็นเพียงว่ามีรถคันอื่น หรือคนอยู่ในบริเวณนั้นยังไม่เป็นการเพียงพอ ผู้ขับรถจำเป็นจะต้องคาดคะเนได้อย่างถูกต้องว่า คนหรือรถนั้นจะเคลื่อนไหวไปอย่างไร ตัวอย่าง เช่น กรณีที่เป็นคนเดินถนน ควรสังเกตจากการเคลื่อนไหวของเขาจากสายตา และมุมที่ยืน เขากำลังจะทำอะไร เขาทราบหรือไม่ว่า มีรถกำลังมา เป็นต้น จึงจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง และคาดคะเนให้ถูกต้อง
ในกรณีที่ไม่สามารถคาดคะเนการเคลื่อนไหวของสิ่งที่อยู่ข้างหน้าได้ จะต้องลดความเร็วลงแม้คนหรือรถจะอยู่ในสภาพไม่ได้ระมัดระวังเลยก็ตาม ผู้ขับขี่จำเป็นต้องคิดมาตรการเพื่อความปลอดภัยมาแก้ไขสถานการณ์ล่วงหน้า
ที่หยิบยกเอามาฝากหนนี้ ก็เพราะดูแล้วว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้รถใช้ถนนกันทุกเมื่อ เพราะเดี๋ยวเดือนหน้าก็จะมีรถป้ายแดงเพิ่มขึ้นมาในการจราจรบ้านเราอีกเยอะ
แต่ที่อยากฝากไว้มากที่สุด เห็นจะเป็นบรรดาพวกที่ขับรถป้ายแดง แล้วเอาสติคเกอร์มาติดว่า มือใหม่ หัดขับ
ถ้ายังขับรถไม่แข็ง ไม่คล่อง ก็อย่ามาใช้วิธีหัดบนท้องถนนจริงๆ เลย เพราะมันอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ไปหัดขับให้คล่อง ก่อนจะมาออกถนนใหญ่จะดีกว่า อย่ามาเป็นพวก ขยะ กีดขวางการจราจรอยู่บนท้องถนนเลย คนที่เขาขับรถเป็นน่ะ มันรำคาญ พวกที่ขับรถเอื่อยๆ เหมือนกินลมชมวิว ไม่รู้ร้อนรู้หนาว สภาพการจราจรเป็นอย่างไร ไม่สนใจ ก็อาจถูกเจริญพรไปถึงญาติโยมที่อยู่ทางบ้าน ให้สะดุ้งสะเทือนโดยไม่รู้ตัว
พวกผมน่ะ กรวดน้ำทำบุญไปให้เสมอๆ แหละครับ
พอรถขายดีเข้า ก็เลยไม่ค่อยอยากเกะกะระรานชาวบ้านเท่าไร เพราะเห็นใจนักการตลาดเหมือนกัน ว่าต้องคิดมุกกันจนจะหมดกึ๋นแล้ว เก็บเรื่องสนุกเอาไว้รอบหน้าดีกว่า
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา chusak@autoinfo.co.th
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2553