การที่ค่ายรถยักษ์ใหญ่ โตโยตา ฮอนดา เจอแจคพอทชนิดที่ไม่ใช่รางวัล แต่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เมื่อรถที่ขายไปมีปัญหา บกพร่องจนเป็นอันตรายแก่ผู้ใช้ ในที่สุดนิ่งเฉยเก็บอาการเพื่อรักษาชื่อเสียงอยู่ไม่ได้ จำใจเรียกรถกลับมาแก้ไขเป็นล้านๆ คัน ค่ายรถฝรั่งที่กำลังเข้าตาจนจากพิษเศรษฐกิจ เหมือนสามล้อถูกหวย เมื่อลูกค้าเกิดความไม่สบายใจที่จะซื้อรถญี่ปุ่นมาใช้ หันไปอุดหนุนรถฝรั่งมากขึ้น
สำหรับพี่ไทยคงไม่อินังขังขอบสักเท่าไหร่ เราเป็นพวกที่ภาษาอีสานเรียกว่า โสตาย หรือ เสี่ยงตาย รถอะไรก็ซื้อมาใช้ทั้งนั้น มีปัญหายังไงก็ก้มหน้าก้มตาแก้ไขเองไปตามเรื่อง ร้องเรียนทางการ หรือ สคบ. มักจะ ได้ร้อง แต่ไม่ค่อย ได้เรื่อง
โวยไปที่บริษัท มันก็พากันหน้ามึน เอารถไปแห่ประจานทั่วบ้านทั่วเมืองก็ไม่สน ยังขายรถได้ตรึมทั้งนั้น พ่อค้ารถในเมืองไทย ถือว่าโชคดีที่สุดในโลก ลูกค้าคนไทยทำอะไรไม่ค่อยได้ จะเรียกรถที่มีปัญหากลับไปซ่อมหรือไม่ซ่อม สบายอยู่แล้ว สำหรับประเทศไทย ผู้ซื้อคือเหยื่อ ไม่ใช่ ผู้ซื้อคือพระเจ้า ดังเช่นประเทศอื่นๆ ใครจะเป็นจะตาย ทางการไม่มีเวลามาสนใจ นี่คือเรื่องจริงที่ชวนให้หาวเรอ
คดีที่นำมาโชว์งวดนี้ เป็นเรื่องของบริษัทใหญ่ ซื้อรถป้ายแดงจากห้างหุ้นส่วน นำไปให้ลูกค้าเช่าซื้อ ได้รถราคาเกือบสองล้านส่งมอบให้ลูกค้า แต่นานวันเข้า ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนให้เขา โอนทะเบียนก็ไม่โอน กลายเป็นรถเถื่อน อะไรประมาณนั้น จึงเกิดการฟ้องร้อง มาดูซิว่า เป็นมรรคเป็นผลแค่ไหน ดูไว้แล้วจะเสียวปนสยอง
บริษัทหวานกรอบ มีลูกค้าอยากผ่อนรถ จึงไปซื้อรถอเนกประสงค์ตามสั่งป้ายแดงจ้า ราคา 1,800,000 บาท จ่ายเงินไปสดๆ จาก "หจก. ลื่นไหล ซึ่งมี นายไหล่ลื่น เป็นผู้จัดการ ฟังชื่อมันยังไงชอบกล ให้ลูกค้าขาประจำคือ นายเท้เท่ เช่าซื้อ เพื่อกินดอกเบี้ยอย่างหวานกรอบตามชื่อบริษัท
นายเท้เท่ ใช้รถ และคิดว่าเท่เรื่อยมา แต่นานวันเข้าทำท่าจะเท่ไม่ออก เพราะรถไม่ยักมีป้ายทะเบียน ไม่มีป้ายวงกลม ขี่ไปไหนกลัวตำรวจซิว ทวง บริษัทหวานกรอบ หลายหน ยังไม่ได้เรื่อง ในที่สุดงดส่งงวด เบ็ดเสร็จเกือบ 3 แสนบาท บริษัทหวานกรอบ จึงหันไปทวงถาม หจก. ลื่นไหล กับ นายไหลลื่น ให้จัดการ แต่ไม่เป็นผล
บริษัทหวานกรอบ ชักไม่หวาน และไม่มีทางเลือก ต้องยื่นฟ้อง หจก. ลื่นไหล และ นายไหลลื่น บังคับให้จดทะเบียนใส่ชื่อ บริษัทหวานกรอบ เป็นเจ้าของรถ ให้ นายเท้เท่ เป็นผู้ครอบครองในฐานะคนเช่าซื้อ ส่งมอบสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ พร้อมป้ายทะเบียน ป้ายวงกลมเสียภาษี ไม่ทำตามนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ให้จ่ายค่าเสียหายจากการที่ นายเท้เท่ ไม่จ่ายค่างวด 281,776 บาท ค่าเสียหายอีกเดือนละ 35,222 บาท นับถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจะจัดการเรื่องทะเบียนรถเรียบร้อยจำเลยสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง บริษัทหวานกรอบ เริ่มรู้จักรสขม กัดฟันยื่นอุทธรณ์ เพื่อแก้เกม คราวนี้ค่อยยังชั่ว
ศาลอุทธรณ์ พิจารณาแล้วพิพากษาแก้ให้ หจก. ลื่นไหล และ นายไหลลื่น ร่วมกันแจ้งการจำหน่ายรถต่อทางราชการ ใส่ชื่อ บริษัทหวานกรอบ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ใส่ชื่อ นายเท้เท่ เป็นผู้ครอบครองโดยสัญญาเช่าซื้อ และส่งมอบสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ พร้อมป้ายทะเบียน (โลหะ) ป้ายวงกลมเสียภาษี เอกสารที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งใช้ค่าเสียหายเดือนละ 8,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2539 จนถึงวันที่ดำเนินการจดทะเบียนเสร็จ นอกเหนือจากนั้นให้เป็นไปตามคำตัดสินของศาลชั้นต้น
บริษัทหวานกรอบ ยังไม่พอใจ เพราะศาลอุทธรณ์ไม่ตัดสินให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย จึงขัดข้องพอสมควรในการบังคับให้จำเลยที่หน้าด้านหน้ามึน ให้ไปโอนทะเบียน บริษัทหวานกรอบ จึงยื่นฎีกาเรียกร้องเอาเต็มตามที่ฟ้อง
ศาลฎีกาพิจารณาคดีนี้อย่างใจเย็น แล้วชี้ขาดออกมาอย่างสบายๆ ดังนี้
ได้ความจากคำให้การของ หจก. ลื่นไหล และ นายไหลลื่น ว่ายังไม่ได้รับเอกสารทางทะเบียนจากผู้จำหน่ายรถคันนั้น จนกระทั่งโดนฟ้องคดีนี้ก็ยังไม่ได้รับ แสดงว่าจำเลยปฏิเสธโดยชัดแจ้งว่า ไม่มีเอกสารทางทะเบียนอยู่ในครอบครอง จึงทำตามสัญญาโอนให้ บริษัทหวานกรอบ ไม่ได้
เมื่อ บริษัทหวานกรอบ ไม่นำสืบให้ศาลเห็นว่า เอกสารสำคัญประจำรถพิพาทที่ใช้ประกอบการแจ้งจำหน่าย ต่อกรมการขนส่งทางบก อยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสอง และไม่ปรากฏว่ามีคู่ฉบับที่กรมการขนส่งทางบก การที่จะนำคำพิพากษาของศาลแต่เพียงอย่างเดียว ไปบังคับแทนการแสดงเจตนาของจำเลย เพื่อแจ้งจำหน่ายรถ โดยไม่มีเอกสารสำคัญประกอบเรื่องราว เท่ากับบังคับบุคคลภายนอกคือ กรมการขนส่ง ซึ่งไม่ใช่คู่ความในคดี เป็นการต้องห้ามตามวิ. แพ่ง มาตรา 145 ทำไม่ได้หรอก
อีกอย่าง บริษัทหวานกรอบ ยังมีอำนาจบังคับคดี เพื่อให้จำเลยทำตามคำตัดสินเท่าที่สภาพแห่งหนี้เปิดช่อง ไม่ตันเสียทีเดียว ศาลอุทธรณ์ตัดสินถูกต้องแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน
คดีนี้น่าสนใจเป็นอุทาหรณ์ในการเช่าซื้อหรือซื้อรถมาให้ลูกค้าผ่อนส่ง ซื้อส่งเดชไม่ดูตาม้าตาเรือ หน้าเหลืองเอาง่ายๆ เพราะได้มาแต่รถ ไม่มีเอกสารสำคัญประจำรถที่จะให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินการทางทะเบียนโอนให้แก่ผู้ซื้อ
รถคัน 10 บาท 20 บาท แบบรถเด็กเล่นก็แล้วไป รถราคาล้านสองล้านอย่างในคดีนี้ คนซื้อ คนเช่าซื้อ ม้ามแตกสิพี่
พอฟ้องร้องก็ชนะคดีแบบครึ่งๆ กลางๆ ต้องยุ่งยากในการบังคับคดีพอสมควร ไม่เหมือนคดีที่ใช้คำพิพากษาของศาลมาจัดการแทนจำเลย ซึ่งทำได้เบ็ดเสร็จ ไม่ต้องง้อจำเลย
งานนี้ บริษัทหวานกรอบ ต้องฟัดกับจำเลยอีกหลายยก ต้องขอออกคำบังคับให้จำเลยดำเนินการจดทะเบียนโอน ถ้าเบี้ยวหรือเพิกเฉยก็ต้องเรียกตัวไปศาลเพื่อคาดคั้น คั้นแล้วยังเบี้ยวก็ขอให้ศาลขัง เหงื่อตกก็แล้วกัน และไม่รู้ว่าจะจบหรือเปล่า
เห็นคดีนี้แล้วน่ากลัวไหมล่ะ ในวงการซื้อขายรถ เชื่อใจหรือมักง่ายไม่ได้หรอก ชักเอาง่ายๆ ก็แล้วกัน
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2543
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา/บริษัทผู้ผลิต formula@autoinfo.co.th
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2553