"COVER & TRIBUTE ศิลปะแขนงที่ 8 บนโลกอินเตอร์เนท"
ผ่านปี คศ. 2000 มา 10 ปีเต็ม แวดวงดนตรียังดูเหมือนจะยิ่งร้องรำลำบากขึ้นทุกวัน ไหนจะเนื่องจากการแปรสภาพของฟอร์แมทดนตรี จากเทปกลายเป็นแผ่นดิสค์ จากแผ่นซีดีกลายเป็นไฟล์เพลงที่จับต้องอะไรไม่ได้เลย ได้แค่ "ฟัง" อย่างเดียวก็ถมเถแล้ว โดยเฉพาะกับคนที่ไม่นิยม "ซื้อ"
รวมไปถึงการเข้าถึงเทคโนโลยีการสร้างสรรค์เสียงเพลงที่ง่าย ใช้แค่คอมพิวเตอร์ 1 เครื่องเท่านั้นที่สำคัญคือ การเผยแพร่ผลงานซึ่งมีต้นทุนต่ำ จนทำให้มีนักดนตรีเกิดขึ้นใหม่มากมาย บางรายดังในชั่วข้ามคืน และหลายรายก็ใช้เวลาไม่นานไปกว่านั้นเท่าไรนัก
ถามว่าดีต่อคนฟังหรือเปล่า ? บอกตามตรงว่าของแบบนี้ย่อมต้องดูยาวๆ
ต้นปีที่แล้วเรานำเสนอเรื่องของคอนเสิร์ทมากมายที่จะเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย เพื่อเป็นการต่อลมหายใจของคนดนตรี...โปรดอย่ามองศิลปินแค่ฉากหน้า แต่ขอจงเพ่งพินิจถึงหลายสิบร้อยชีวิต ที่เกาะติดอยู่กับความบันเทิงแขนงนี้ ตั้งแต่คนขับรถยันเด็กยกของ (ไม่เว้นแม้แต่ตัวผู้เขียนเอง) ล้วนเป็นกลไกเล็กๆกว่างานใหญ่ๆ จะเกิดขึ้นได้
ดูให้ยาวๆ เพราะเราได้ฟังฟรี ฟังมากขึ้นก็จริง แต่ความรื่นรมย์มีสิ่งไหนที่ขาดหายไปหรือไม่ ได้โปรดพิจารณา... หลายคนบอกแบบไม่ต้องคิดนานเลยว่า แน่นอน มันคือการจับต้องได้ ได้หยิบ ได้เปลี่ยนแผ่น ได้เห็นในรายละเอียดอื่นๆ ตั้งแต่ปกหน้ายันเนื้อใน เครดิท คำขอบคุณ เนื้อเพลง และภาพศิลปิน เหล่านี้หายไป เป็นแค่ไอคอนหน้าตาจืดเจื่อน นอกจากชื่อไฟล์ที่ไม่ค่อยละเอียด และบ่อยครั้งที่พิมพ์ผิดพิมพ์มั่วอย่าว่าแต่คุณภาพของเสียงเลย
ประเด็นก็คือ หากมองให้ดี จะเห็นว่าศิลปินรุ่นใหม่และเก่าในวิถีนี้ ต่างมีทางออกมากมาย ในเมื่อผู้เสพย้ายชีวิตตนเองไปอยู่ในโลกไซเบอร์มากขึ้น ศิลปินก็ย้ายข้อมูลต่างๆ ไปไว้ในนั้นด้วยเช่นกัน แค่เวบไซท์ของศิลปินระดับที่โนเนมที่สุด ยังมีรายละเอียดมากมาย ทั้งเรื่อง ทั้งรูป ทุกอย่างบ่งบอกไว้ชัดเจน เคยมีผลงานมาประมาณไหนบ้าง ชื่ออัลบัมเก่า อัพเดทสิ่งที่ทำอยู่ รายนามสถานที่ขึ้นแสดง ไม่พลาดแม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างโลโก และการขายเสื้อวง
ปัญหาเดียวก็คือว่า มีแฟนพันธุ์นั้นอยู่ประมาณกี่คน ที่ฟังเพลงจากไฟล์แล้วอยากคลิคตามไปดูหน้าตาให้ถึงที่สุด เรื่องนี้ศิลปินหลายวงเขาไม่คิดมากเลย แค่ผลงานได้พ้นจากอ้อมกอดของตนเองไปสู่หูผู้ฟังแค่บางคราเมื่อเหนื่อยล้าได้เดินออกจากอ้อมอกค่ายใหญ่บ้าง ต่อให้มีคนฟังคนเดียว เขาก็ (คงจะ)แคร์ ศิลปินหลายรายทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม จึงถึงขนาดทำทีวีกันเองเสียเลย
ฉะนั้นในเวบชื่อดังเรื่องการ "ดูนั่นดูนี่" อย่าง Youtube.com ไม่น้อยกว่า 30 % (ตัวเลขโดยประมาณ)จึงสอดแทรกไปด้วย "ศิลปะแขนงที่ 8" ที่แนบมาพร้อมกับความเป็นศิลปินดนตรี มากกว่าบันทึกการแสดงสด และมิวสิควีดีโอเพียงอย่างเดียว
ยกตัวอย่างไล่ไปตั้งแต่ศิลปินกลุ่มฮิพฮอพหมายเลข 1 ของไทย "ก้านคอคลับ" นี่ก็มีเวบไซท์รายการทีวีของตนเอง ใช้ชื่อง่ายๆ ตั้งแต่พ้นจากค่ายอากู๋ว่า gancore.tv มิพักต้องไปพูดถึงศิลปินสากลโลก ที่อิงแอบเข้ากับ YOUTUBE แบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น คือ จัดตั้งแชนแนลเผยเเพร่ผลงานของตน ให้มันถูกต้องด้วยการร่วมมือกันเสียเลย (ใครที่เคยดูหนังฟรีๆ ในเวบนี้ก็พลอยโดนหางเลข ห้ามฉายไปด้วย)
ประเด็นต่อมาก็คือว่า คนเก่งอีกหลายคนบนโลกที่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางการนี้ ไม่มีคนทำเวบไซท์ให้แถมยังไม่อิงนังขังขอบกับอินเตอร์เนทด้วย ก็ปรากฏว่าความง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส ตั้งมือถือ เรคอร์ดโชว์ฝีมือ และกดปุ่มส่ง เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้พวกเขาเหล่านั้น โชว์ฝีมือให้ทั้งโลกเห็นอัจฉริยภาพได้ภายในไม่กี่วินาที
ZEE AVI คือ ตัวอย่างที่ดีของคนเก่งมุมโลก สาวมาเลเซียวัย 20 ปีต้นๆ คนนี้ เพียงเพราะเธออยากร้องเพลงปลอบเพื่อนในวันคริสต์มาสเดียวดาย ไม่นานเพลงของเธอที่โพสต์ลง YOUTUBE ก็ถูกคลิค ดูกว่าแสนๆ ครั้ง ดังไปถึงหู JACK JOHNSON เจ้าของค่าย BRUSHFIRE และเจ้าของเพลงแนวโต้ลมห่มแดดริมทะเล (หลายคนคงคุ้นหูกันดีกับเพลง BETTER TOGETHER หรือ SITTING, WAITING, WISHING)
หลายคลิพใน YOUTUBE รวมไปถึงที่คัฟเวอร์และทรีบิวท์ จึงแจ้งเกิดดาราดวงใหม่มากมาย ตัวเล็กตัวน้อยที่มีฝีไม้ลายมือ กระทั่งตัวเล็กกะเปี๊ยกที่ชื่อ SUNGHA JUNG (เกิดที่เกาหลีใต้ ปี 1996 เริ่มปรากฏตัวเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้) ซึ่งชอบบันทึกภาพยามตนเองซ้อมกีตาร์ วันหนึ่งเขาก็ได้เป็นดาราใหญ่แห่งโลกอินเตอร์เนท รวมยอดคลิคทุกคลิพของเขามากกว่าร้อยล้านครั้ง ! โดยเฉพาะในเวบ YOUTUBE มีคนติดตามดูฝีมือการเล่นกีตาร์ รวมไปถึงพัฒนาการด้านร่างกายทรงผมเสื้อผ้า ไม่แตกต่างจากนักร้องที่เห็นบนเวทีหรือโทรทัศน์ ความสนุกอยู่ที่มีหลายคนไอเดียบรรเจิดสร้างสรรรค์งานใหม่ แตกยอดจากผลงานที่ตนชื่นชอบ เพลง BAD ROMANCE (COVER BY KHIM+SOR) จึงกลายเป็นเวอร์ชันที่หนุ่มสาวชาวไทย เอามาเล่นใหม่โดยใช้ขิมและซอ สีตีสลับอย่างน่าสนุก ที่สำคัญดูเหมือนจะเป็นการออนไลน์แจมกันเสียด้วย เพราะต่างคนต่างเสียบหูฟังนั่งกันอยู่คนละที่ แต่เขาก็เอามาตัดต่อรวมกันให้เราได้อัศจรรย์ใจ
ปี 2011 นี้กระแสเสียงเพลงจึงนอกจากจะถูกบีบอัดอยู่ในบรรดาโน่นนี่ ให้คนเสพกันทุกซอกทุกมุมเมืองแล้ว ต่อไปใครๆ ก็คงต้องหันมามองความบันเทิงอีกรูปแบบที่สืบเนื่องต่อจาก ศิลปะอันดับที่ 7 (ภาพยนตร์) เป็นอันดับที่ 8 ซึ่งเป็นการผสมผสานเสียงเพลงให้ลงรอยกับศิลปะแขนงอื่นๆ
ถึงใครจะว่าโลกนี้มันช่างหมุนเร็ว อย่างไรก็ตามแต่ เชื่อเถอะว่า เดี๋ยวความบันเทิงในรูปแบบนี้มันก็จะ เดินทางมาถึงโสตประสาทของเราในวันใดวันหนึ่งแน่นอน
"5.2 หนังภาคต่อแห่งปี 2011"
ทำไมต้อง 5 ไม่เป็น 6 WHY NOT SEVEN ?...อย่าได้ให้มาเป็นภาระยุ่งยากเยิ่นเย้อ แต่ขอจงโปรดติดตามว่าปีมะโรงนี้ เราจะมีหนังอะไรดีๆ ดูกันบ้าง เริ่มตั้งแต่หนังภาคต่อชื่อดังเรื่อง...
PIRATES OF CARIBBEAN
คงไม่จบง่ายๆ แล้ว เพราะยิ่งทียิ่งลึกลับสับสน (นิดๆ) ไปเรื่อยๆ สำหรับหนังภาคต่อของวอลท์ดิสนีย์ก็ถือว่าเป็นหนังดีที่อยู่ในมาตรฐานจากโรงงานเทพนิยายแห่งนี้ หนำซ้ำนักแสดงก็ยังคงใช้ชุดเดิมจอห์นนี เดพพ์, เจฟฟรี รัช ใครบางคนเลยเผลอปากค่อนขอดไปว่า ตั้งแต่ภาคที่แล้วยังไม่ได้ดูเลยใครจะว่าอย่างไรก็ตาม แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นภาคต่อที่ไม่ควรพลาดของปีที่จะถึงนี้ เรายืนยันว่าคุณจะต้องหยิบขึ้นมาชมกันทั้งบ้านแน่นอน
THE HANGOVER PART II
ขอบคุณพระเจ้า ! ที่ส่งมอบหนังภาคต่อเรื่องนี้คั่นหนังฟอร์มใหญ่ทุกๆ เรื่อง ใครจะเชื่อว่าหนังตลกมีพลอทจะกลายเป็นหนังภาคต่อ ที่ลงทุนถ่ายทำตั้งแต่ภาคแรกยังไม่ลงโรง มั่นใจอะไรกันนักหนา ?อาจเป็นคำถามที่ดี...แต่หากลองได้ดูสักครั้งสิ แล้วจะรู้เลยว่าหนังเรื่องนี้ มันมีดีมีฮาน้ำตาร่วง เรื่องของคนเมาไม่เข้าใจคนเมา แต่ดูๆ ไปแล้วก็กลับเห็นใจ หมั่นไส้ และทุเรศทุรังในความเมาของตัวละคร แต่ละตัว ภาคใหม่เขาว่าถ่ายทำในไทยเกือบค่อนเรื่อง แถมยังได้ เมล กิบสัน มาเล่นด้วยอีกนะ
KUNG FU PANDA 2 และ CARS 2
บอกตามตรงว่าตัดใจทิ้งการ์ตูน 2 เรื่องนี้ไม่ลงซักเรื่อง KUNG FU PANDA ก็บอกโลกบอกเด็กว่า เฮ้ย !ไม่เห็นต้องเป็นอย่างใครก็มีความสุขประสบความสำเร็จได้ ส่วนเรื่อง CARS ก็แอบสอนให้คนดูรู้จักชีวิตช้าๆ รู้จักการมอง "ระหว่างทาง" ให้มากกว่า "จุดหมาย" แต่เรื่องแรกและเรื่องหลังก็ผลักดันให้เด็กกล้าคิด กล้าฝัน สอดแทรกไปกับความขลาดกลัวในความคาดหวัง แน่นอนว่างานนี้เป็นช้างชนช้างดรีมเวิร์คส่ง KUNG FU PANDA ส่วนวอลท์ดิสนีย์ส่ง CARS ปีนี้ไม่มีแอนิเมชันเรื่องใดจะมาหยุด 2เรื่องนี้ได้ ถ้าไม่เชื่อก็คอยดู
BATMAN 3 (THE DARK KNIGHT)
เดี๋ยวข่าวลือนั่นข่าวลือนี่ก็โผล่มาไม่สร่างหูว่า คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับมือดี เด่นดัง จะไม่มานั่งสั่ง
การใน BATMAN ภาค 3 แล้ว แต่ด้วยแรงของเงินจากภาค 2 ก็ย่อมทำให้วอร์เนอร์ บราเธอร์แบ่งรับแบ่งสู้ (นายใหญ่ประกาศก้อง หาผู้กำกับคนใหม่มาให้ไว และให้ไปตามคนเก่ามาให้ได้โดยด่วน)เรียกได้ว่า โกยเงินไปน้อยกว่า TITANIC อันดับ 1 ตลอดกาลไปแค่เรื่องเดียว ไหนเลยจะยอมให้ค้างคาวบินหลุดมือไป ในที่สุดหลังจาก โนแลน ปิดงานใหญ่ INCEPTION เมื่อกลางปีที่แล้วไปอย่างหมดจด หลายเสียงก็ให้การยืนยันว่าผู้กำกับมือทองคนนี้จะรับหน้าที่กำกับ BATMAN อย่างเช่นเคยอย่างไรก็ตามแต่ เราหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเข้าในเร็ววันทันปีนี้ให้ได้ล่ะกัน...
HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS : PART II
ไม่มีอะไรจะต้องบรรยายอีกแล้ว สำหรับหนังฟแรนไชส์ภาคต่ออันยิ่งใหญ่ ถ่ายทำตั้งแต่พ่อมดยังน้อยจนพ่อมดโตเป็นหนุ่ม รวมได้ 8 ตอนด้วยกัน แม้นี่จะเป็นภาค 7.2 ตอนสุดท้ายแล้วก็ตาม 7.1 เพิ่งลาโรงไปเมื่อปลายปี เพราะฉะนั้นไม่ต้องบอกกันแล้วว่าภาคต่อไปจะยิ่งน่าดูขนาดไหน (หลายคนบ่นเสียดาย ทำไมไม่จุดโน่นจุดนี่ซะตั้งแต่แรก จะได้ไม่ตัดทอนต้นฉบับหนังสือไปขนาดนั้น) บอกตามตรง
สิ่งเดียวที่เฝ้ารอมากที่สุด ก็คือ บอกซ์เซทของมหากาพย์ 8 แผ่นเรื่องนี้ อยากดูไปพร้อมๆ กันในวันว่างๆ ถ้าจะกินเวลาเกือบ 20 ชั่วโมง แล้วได้ตื่นตาตื่นใจแบบเต็มอิ่มกับนิยายของ เจเค โรว์ลิงเรื่องนี้ เราก็ยินดี
สุดท้าย...ถ้าจะมีอะไรให้พอคิดได้ในหนังภาคต่อ ในปีที่จะถึง ก็คงเป็นหนังรัก ที่ไม่โผล่มาเลยสักนิดเป็นที่น่าคิดว่า จูเลียต ไม่ควรฟื้น แฮพพีเอนดิงก็ต้องคงไว้อย่างนั้นตลอดไป เพราะในความเป็นจริงเรื่องแบบนี้มันมีทั้งไม่มากและไม่บ่อย หนังชวนฝันจึงตราตรึงใจคนดูอยู่ไม่สร่าง ลองมามีภาคต่อแบบตายแล้วฟื้น มีทายาทมารักกันให้สมหวัง หนังแบบนั้นจะดังหรือไม่ คงหาคำตอบยาก หากไม่ได้ลองด้วยตนเอง...
ABOUT THE AUTHOR
ก
กองบรรณาธิการ carstereo@autoinfo.co.th
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2555