ชีวิตอิสระ(4wheels)
เกือบไปขุดแห้ว กับภารกิจโหด "ส่องกระทิง ที่ตาพระยา"
ผู้ใหญ่ที่ผมเชิดชูให้เป็นกูรูด้านการเดินทางผจญภัยอีกท่านหนึ่ง แนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการใน จ. สระแก้ว บริเวณผืนป่าดงพญาเย็นแห่งเทือกเขาบรรทัด นับถึงเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ที่เลื่องลือว่ามีกระทิงป่าตัวเป็นๆ อาศัยอยู่ชุกชุม
ทริพนี้ผมเดินทางด้วย ฮอนดา ฟรีด เอมพีวีขนาดเล็ก ที่ได้รับความอนุเคราะห์จาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด โดยใช้เส้นทางจากกรุงเทพ ฯ เลี้ยวเข้าคลองรังสิต เพื่อต่อไปยัง จ. นครนายก ผ่าน จ. ปราจีนบุรี มุ่งตรงไปยัง อ. อรัญประเทศ ระยะทางประมาณ 250 กม. แล้วใช้เส้นทาง อรัญประเทศ-นางรอง (ทางหลวงหมายเลข 3068) ผ่านอำเภอตาพระยา มุ่งต่อไปที่บ้านช่องเขาตะโก ระยะทาง 80 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. แล้วจึงเลี้ยวเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติตาพระยา เพื่อติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของการส่องกระทิง จากเจ้าหน้าที่อุทยาน ฯ จึงเดินทางต่อบนถนนลูกรังอีกประมาณ 14 กม. เพื่อไปยังหน่วยพิทักษ์ป่ากลางดง ซึ่งใช้เป็นที่พัก และจุดเริ่มต้นของเส้นทางการส่องกระทิง
หน่วยพิทักษ์ป่ากลางดง
จุดเริ่มต้นการส่องกระทิง
ระยะทาง 14 กม. จากที่ทำการอุทยาน ฯ มาถึงบริเวณหน่วยพิทักษ์ป่ากลางดง สองข้างทางขนาบไปด้วยผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์สีเขียวขจี มีบ่อน้ำ และโป่งเทียมมากมาย ซึ่งเกิดจากการขุดของเจ้าหน้าที่ ฯ เพื่อเป็นแหล่งอาหารสำหรับสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่ ฯ กล่าวว่า "หากโชคดีอาจจะได้เจอกระทิงโทนที่หลงฝูงยืนตระหง่านกลางถนน" เพราะฉะนั้นการขับรถเข้าพื้นที่ ถึงแม้ว่าเป็นเส้นทางลูกรังที่เรียบ ไม่มีหลุมบ่อ แต่ก็ไม่ควรใช้ความเร็ว เพราะอาจจะทำให้สัตว์ป่าตื่นตระหนกและหนีเข้าป่าก็เป็นได้ ผมใช้เวลาเดินทางเกือบๆ 1 ชม. เพื่อหวังว่าจะเจอตัวเป็นๆ แต่โชคก็ยังไม่เข้าข้าง คว้าน้ำเหลวอีกตามเคย แต่เราก็ไม่ได้ย่อท้อ เพราะยังมีเวลาอยู่ในผืนป่าแห่งนี้อีกกว่า 48 ชม. และเวลาที่เหลือ คงทำให้สมหวังบ้างสักครั้ง
พอถึงหน่วยพิทักษ์ ฯ จัดการเก็บสัมภาระเข้าที่พัก และรอเวลาเพื่อเข้าพื้นที่ตามรอยกระทิงป่า ระหว่างนั้นผมได้รู้จักกับ รักชาติ ประเสริฐศรี (พี่กลด) เจ้าหน้าที่ฝ่ายธรรมชาติศึกษาของอุทยานแห่งชาติตาพระยา ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้นำทาง และให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระทิง และผืนป่าดงพญาเย็นอย่างชัดเจน
พี่กลด กล่าวว่า "การส่องกระทิงเป็นกิจกรรมหลักของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่นี่ ในช่วงกลางวันกระทิงมักจะซ่อนตัวในป่ารกทึบ อาศัยอยู่เป็นฝูง แต่ละฝูงจะมีกระทิงอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 6 ตัว ถ้าโชคดี อาจจะมีกระทิงโทนหลงฝูงออกมาหาอาหารในช่วงกลางวัน" และกิจกรรมการส่องกระทิงจะเริ่มขึ้นหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน เวลาประมาณ 19.00 น. การเดินทางจะต้องใช้รถโฟร์วีลดไรฟเท่านั้น เพราะพื้นที่เป็นดินเหนียว และมีหล่มโคลนอยู่พอสมควร รถจะต้องติดตั้งไฟสปอทไลท์ขนาดใหญ่ แสงไฟแรงๆ เพื่อใช้ส่องแสงในระยะไกล
3 วัน 2 คืน ที่ทุ่งกระทิง
แหล่งหญ้าอ่อน อาหารอันโอชะของกระทิงป่า
กิจกรรมการส่องกระทิงจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม. ตามเส้นทางที่จัดขึ้น จุดหมายแรกที่ทุ่งกระทิง ห่างจากหน่วยพิทักษ์ ฯ ประมาณ 4 กม. สภาพเส้นทางสมบุกสมบันพอสมควร จำเป็นอย่างยิ่งที่ผมต้องกระโดดขึ้นรถโฟร์วีลดไรฟของทางอุทยาน ฯ เพื่อไปยังทุ่งกระทิง พี่กลด บอกข้อมูลเพิ่มเติมว่า "อาจต้องทำใจสักหน่อย เพราะเมื่อสายๆ นี้ มีฝนตกลงมา ทำให้เส้นทางที่แห้งมีน้ำขัง แล้วเรื่องที่เลวร้ายกว่านั้น คือ อาจพลาดการส่องกระทิง เพราะสภาพพื้นดินที่เปียกแฉะ กระทิงมักจะไม่ลงมาจากเนินเขา" เราใช้เวลาอยู่ในทุ่งกระทิงประมาณ 1 ชม. แล้วก็ต้องถอดใจ ย้ายที่หมายขับรถไปตามทางที่มีแหล่งน้ำ และโป่งเทียม หวังจะเจอตัว แต่ก็ยังไม่โผล่มาให้เห็นสักที โชคยังดีที่ระหว่างเดินทางกลับไปยังที่พัก ได้พบกับ อีเห็น สัตว์ป่าหายากอีก 1 ชนิด พี่กลด ยังกล่าวเพิ่มว่า "อย่าเพิ่งเสียใจ จริงๆ แล้วบริเวณหน่วยพิทักษ์ ฯ จะมีกระทิงฝูง และกระทิงโทน แวะเวียนมากินพืชผักที่เจ้าหน้าที่ ฯ ปลูกไว้เป็นประจำ ต้องลองเฝ้าคอยดูในช่วงประมาณ 23.00-04.00 น. น่าจะเจอตัวได้ง่าย"
บทสนทนาในค่ำคืนนี้ดำเนินไปเรื่อยๆ สักพักใหญ่ก็มีเจ้าหน้าที่ ฯ เดินมาตาม เพราะมีกระทิงฝูง มากินอาหารบริเวณสนามหญ้าที่หน่วยพิทักษ์ ฯ ประมาณ 6-8 ตัว สปอทไลท์แรงสูงต่อเข้ากับขั้วแบทเตอรีรถอีกครั้ง แสงไฟส่องไปตามลานหญ้า ขณะนั้นพวกมันรู้ตัวว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ภาพที่ผมเห็นต่อหน้า ต่อตา คือ บรรดาฝูงกระทิงทั้งใหญ่ เล็ก กระโดดทะยานหายเข้าไปในป่ารกด้านข้างที่พัก เวลาในขณะนั้นประมาณ 02.00 น. หลังจากรออีกพักใหญ่ ร่างกายที่ต้องการชาร์จพลังก็ล้มตัวลงบนเตียงนอน หลับสนิทจนเช้าวันรุ่งขึ้น เหลือเวลาอีก 1 คืน ที่ยังพอมีความหวัง ถึงแม้ว่ามันริบหรี่เต็มที
เจอตัวก่อนวันกลับ
กระทิงโทนร่างยักษ์ หน้าที่พักหน่วยพิทักษ์ ฯ
เหลือเวลาอีกเพียง 1 คืน ทำให้ผมเครียดจนปวดหัว เพราะหากกลับไปโดยที่ไม่ได้งาน (ภาพกระทิง) เท่ากับว่าทริพนี้ได้กินแห้วแน่ๆ ช่วงกลางวันผมขับ ฮอนดา ฟรีด ตะลอนรอบเส้นทางในอุทยาน ฯ ตั้งแต่เช้ายันเย็นโดยมีพี่กลด นั่งขนาบข้าง พร้อมให้ข้อมูลสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในอุทยานแห่งชาติตาพระยา แต่ไฮไลท์ที่ผมต้องการ ไม่ใช่สถานที่เที่ยวในอุทยาน ฯ แต่เป็นเรื่องกระทิงต่างหากที่ใจจดใจจ่อรอเจอตัวเป็นๆ ตามวัตถุประสงค์ของการเดินทางในครั้งนี้
เกือบ 10 ชม. ที่ตะลอนขับ ฟรีด เอมพีวีร่างเล็ก บนเส้นทางเที่ยวชมอุทยาน ฯ ดูเหมือนโชคจะเข้าข้าง เพราะรอยเท้า 2 กีบใหญ่หลาย 10 รอย เดินป้วนเปี้ยนแถวๆ ทุ่งกระทิง เท่ากับว่า คืนนี้พอมีหวัง หากฝนไม่ตกลงมาซะก่อน แต่สภาพอากาศก็ไม่เป็นอย่างที่หวังเลยแม้แต่น้อย เมฆฝนได้ลอยเข้าปกคลุมเทือกเขาบรรทัด ชั่วเวลาเพียงไม่นาน พื้นที่บริเวณนี้มืดสนิท แต่ก็เหมือนปาฏิหาริย์ หรือมีสาวบริสุทธิ์ไปปักตะไคร้ในพื้นที่ใกล้เคียงก็มิทราบได้ เฆมฝนดำครึ้มได้เคลื่อนตัวออกจากพื้นที่ พัดไปปกคลุมอยู่บริเวณดินแดนของประเทศราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมพระอาทิตย์ส่องแสงอัสดง ฮอนดา ฟรีด ล้อหมุนอีกครั้งเพื่อกลับไปตั้งหลักที่หน่วยพิทักษ์ ฯ
อาหารเย็นเริ่มตั้งสำรับ มื้อนี้ผมได้เชิญเจ้าหน้าที่ ฯ ซึ่งอยู่ประจำหน่วยพิทักษ์ป่ากลางดง ทุกท่าน มาร่วมวงก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพ ฯ พร้อมพูดคุย และนัดแนะสถานที่สำหรับส่องกระทิงป่า รถโฟร์วีลดไรฟของอุทยาน ฯ คันเดิม มาจอดอยู่หน้าที่พัก พร้อมปัญหาใหญ่ที่ตามมา "พี่ครับ รถเข้าเกียร์โฟร์ไม่ได้ครับ" ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ สัมภาระและไฟสปอทไลท์ย้ายเข้ามาติดตั้งใน ฮอนดา ฟรีด รูปแบบเส้นทางแปรเปลี่ยนตามสภาพพาหนะที่จะนำพาเราไป พร้อมจิตใจที่หดหู่ เพราะคงสิ้นหวัง
เราออกเดินทางตระเวนหากระทิงป่าตั้งแต่ทุ่มเศษๆ จนถึงเกือบเที่ยงคืน ก็ไม่เห็นร่องรอยของมันแม้แต่น้อย ความเครียดเริ่มรุมเร้า เพราะจะเดินทางกลับกรุงเทพ ฯ พร้อมความว่างเปล่า ก็คงมีปัญหาตามมาอีกหลายเรื่อง
มุ่งกลับมายังที่พักอีกครั้ง พร้อมความผิดหวัง นั่งล้อมวงสนทนากับก๊วนเดิมได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่ ฯ คนเดิมมาหาอีกเช่นเคย "พี่ครับ มันมาแล้ว ไอ้เป๋กระทิงโทนตัวเบ้อเริ่ม มากินหญ้าด้านหน้าหน่วย พี่รีบตามผมมา แต่ต้องเงียบๆ ไม่งั้นมันจะตื่น แล้วหนีเข้าป่าอีก"
ผมและช่างภาพเดินตามไปห่างๆ ด้วยความเงียบ ตอนนี้ระยะห่างของผมกับ "ไอ้เป๋" ห่างกันไม่เกิน 30 ม. หากเข้าใกล้กว่านี้ มันจะตื่น กระทิงโทนเพศผู้ หนักกว่า 1 ตัน กำลังแทะเล็มหญ้า กว่า 10 นาที ที่จดๆ จ้องๆ ดูกระทิงร่างใหญ่ตัวนี้ ทำให้ผมโล่งอก เพราะนึกว่าจะขุดแห้วกลับกรุงเทพ ฯ ซะแล้ว แต่ ณ เวลานี้ ผมตัวเบาหวิว เพราะได้งานตามที่ตั้งใจไว้ กลับกรุงเทพ ฯ อย่างสบายใจ แถมยังพบกระทิงโทนร่างมหึมา อยู่ใกล้เพียงไม่กี่เมตร คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดที่ได้บทสรุปของการเดินทางครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ก่อนแยกย้ายกลับที่พักอย่างมีความสุข
อุทยานแห่งชาติตาพระยา
อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และเรื่องราวแห่งอดีตกาล
นอกจากกิจกรรมส่องกระทิง บนเนื้อที่กว่า 300,000 ไร่ ที่อุทยานแห่งชาติตาพระยา ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย อาทิ ป่าสลักได ป่าที่ถูกปกคลุมด้วยพืชที่มีลักษณะคล้ายต้นกระบองเพชร สูงประมาณ 10-15 ม. บริเวณทางเข้าหน่วยพิทักษ์ ฯ กม. ที่ 5 เขายักษ์ ชื่อนี้มีที่มาจากก้อนหินขนาดใหญ่สูงประมาณ 2 ม. แกะสลักรูปฤาษีโบราณ สมัยอาณาจักรขอม ถูกค้นพบในปี รศ. 12-13 ที่ซึ่งมีเรื่องราวเร้นลับซ่อนอยู่ และเป็นบ้านอีกหนึ่งแห่งของกระทิงป่าฝูงใหญ่ อยู่ถัดจากป่าสลักไดประมาณ 1 กม. ละลุ ประติมากรรมที่ธรรมชาติสร้างขึ้น มีอยู่ทั่วบริเวณอุทยานแห่งชาติตาพระยา เกิดจากการบิดตัวของเปลือกโลก ลักษณะเดียวกับแพะเมืองผี ที่ จ. แพร่ และ กองแลน ที่ อ. ปาย จ. แม่ฮ่องสอน บริเวณจุดเกิดละลุที่ใหญ่สุดอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์ ฯ (ทัพไทย) ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติตาพระยา ประมาณ 30 กม. หรือจะขึ้น จุดชมวิวผาแดง สามารถนำรถขึ้นไปจอดบนยอดสุด และสามารถชมเทือกเขาบรรทัด และวิวทิวทัศน์ของกัมพูชาได้อย่างชัดเจน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน ฯ ประมาณ 2 กม. แล้วจึงแวะไปกินอาหารอีสานรสดั้งเดิมกับบรรยากาศริมอ่างเก็บน้ำห้วยยาง อยู่ห่างจากจุดชมวิวผาแดง ระยะทางประมาณ 30 กม.
ทริพนี้เป็นการเดินทางเยือนภาคอีสานตอนใต้ที่ครบรส ทั้งการผจญภัยที่ตื่นเต้น ได้พบเจอกับสัตว์ป่า ทั้ง อีเห็น ไก่ป่า และดาราประจำพื้นที่อย่าง กระทิง ที่ต้องลุ้นกันจนวันสุดท้ายกว่าจะได้เห็นตัวเป็นๆ แต่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง และไม่ต้องกินแห้วแบบที่ผ่านมา แถมยังได้เติมพลังให้กับร่างกายและได้ลอง ฮอนดา ฟรีด มีนีเอมพีวี ที่หลายคนบอกว่าเหมาะกับการใช้งานในเมือง แต่ผมกลับคิดต่างจากที่เคยได้ยินมา เพราะเวลากว่า 3 วัน 2 คืน บนระยะทางไป-กลับกว่า 600 กม. ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ ฮอนดา แจซซ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เป็นปัญหาแต่อย่างใด เพราะทุกโค้ง และทุกๆ เนินเขา หรือแม้ว่าบนถนนลาดยาง หรือลูกรัง ก็สามารถผ่านไปได้ด้วยดี หากนักเดินทางท่านใดจะแกะรอยกระทิง ต้องลองมาที่อุทยานแห่งชาติตาพระยา เพราะจำนวนของกระทิงที่อาศัยอยู่หนาแน่น แต่ก็เกือบทำให้ผมได้ขุดแห้วกลับกรุงเทพ ฯ แถมยังมีรอยจารึกโหดๆ จากเขี้ยวของยุงป่าทั่วตัวอีกกว่า 100 จุด ที่ทำให้คันคะเยอไปอีกหลายวัน
ชีวิตอิสระในฉบับต่อไป ผมจะเดินทางแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดบึงกาฬ (จังหวัดที่ 77 ของไทย) อย่าพลาด...ติดตามชม
อุทยานแห่งชาติตาพระยา ได้จดทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 82 ตั้งอยู่ในแนวทิศตะวันออกทอดยาวไปถึงทิศตะวันตกของที่ราบสูงโคราช ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาพนมดงรัก มีเนื้อที่ประมาณ 371,250 ไร่ หรือ 594 ตร. กม. ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด คือ สระแก้ว และ บุรีรัมย์ มีอาณาเขตติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา อุทยานแห่งนี้มีสภาพป่าที่สมบูรณ์กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ โดยทั่วไปเป็นป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง มีความหลากหลายทางพันธุ์พืชและสัตว์ป่า และยังเป็นแหล่งศึกษานิเวศวิทยาของกระทิงที่สำคัญของประเทศอีก 1 แห่ง
กระทิง
กระทิง ชื่อวัวป่าชนิด BOS GAURUS ในวงศ์ BOVIDAE ขนยาว ตัวสีดำ หรือดำแกมน้ำตาล เว้นแต่ที่ตรงหน้าผากและครึ่งล่างของขาทั้งสี่ เป็นสีขาวเทาๆ หรือเหลืองอ่อน ตั้งแต่เหนือเข่าลงไปถึงกีบเท้ามีสีขาวเทา หรือเหลืองทอง ทำให้มองดูเหมือนสวมถุงเท้า สีขนของกระทิงบริเวณหน้าผากและถุงเท้าเกิดจากคราบน้ำมันในเหงื่อ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ คอสั้น และมีพืม (เหนียงคอ) ห้อยยาวลงมาจากใต้คอ เขามีสีเขียวเข้ม บริเวณโคนเขามีรอยย่น ซึ่งรอยนี้จะมีมากขึ้นเมื่อสูงวัย กระทิงตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย ลูกที่เกิดจะมีสีน้ำตาลแกมแดงเหมือนสีขนของเก้ง มีเส้นสีดำพาดกลางหลัง ลูกกระทิงขนาดเล็ก จะยังไม่มีถุงเท้าเหมือนกระทิงตัวโต มีความยาวลำตัว และหัว 250-300 ซม. หาง 70-105 ซม. ความสูงจากพื้นถึงหัวไหล่ 170-185 ซม. น้ำหนัก 650-900 กก.
พฤติกรรมอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง โดยฝูงหนึ่ง มีสมาชิกตั้งแต่ 2-60 ตัว สมาชิกในฝูงประกอบด้วย ตัวเมียและลูก บางครั้งอาจเข้าไปหากินรวมฝูงกับวัวแดง หรือสัตว์กินพืชชนิดอื่น ตัวผู้มักอาศัยอยู่ตามลำพัง แต่จะเข้าไปอยู่รวมฝูงเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ ฝูงกระทิงจะเดินหากินสลับไปกับการนอนหลับพักผ่อนตลอดทั้งวัน โดยบางตัวจะนอนหลับท่ายืนหรือนอนราบกับพื้น สามารถอาศัยอยู่ได้ในหลากหลายสภาพป่า ทั้งป่าเบญจพรรณ, ป่าเต็งรัง, ป่าดิบแล้ง, ป่าดิบเขา หรือบางครั้งก็อาจเข้าไปหากินอยู่ตามไร่ร้าง หรือป่าที่อยู่ในสภาพฟื้นฟูจากการทำลาย มักหากินอยู่ไม่ไกลจากแหล่งน้ำมากนัก เนื่องจากอดน้ำไม่เก่ง ช่วงฤดูหลังไฟไหม้ป่า จะออกหากินยอดไม้อ่อนและหญ้าระบัดที่มีอยู่มากตามทุ่งหญ้า และป่าเต็งรัง
ฤดูกาลที่เหมาะสมกับการส่องกระทิง คือ ช่วงฤดูร้อน (ตั้งแต่เดือน กพ.-พค.) เนื่องจากความแห้งแล้งจะทำให้มันออกจากป่ารกทึบมายังแหล่งอาหารที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ให้ นั่นก็คือ โป่งเทียม และบ่อน้ำที่ขุดขึ้นเป็นระยะตลอดสองข้างทาง ฤดูฝนจะไม่ค่อยพบสักเท่าไร เนื่องจากสภาพพื้นดินที่เป็นโคลนทำให้การเดินทางของสัตว์ป่าที่มีน้ำหนักเกือบ 1 ตัน ทำได้ลำบาก พวกมันจึงไม่ค่อยออกมาให้พบเห็น
นิสัยของพวกมันไม่ใช่สัตว์ป่าที่ดุร้าย หากมันไม่ตกใจ ก็จะไม่ทำร้ายผู้บุกรุกถิ่นฐานของมันแต่อย่างใด เรื่องของกลิ่นตัวก็สำคัญไม่แพ้กัน กลิ่นความศิวิไลซ์ที่ติดตัวนักเดินทาง อาจจะไปแตะจมูก จนทำให้มันไม่ออกมาให้เห็น เพราะฉะนั้นอย่าใช้น้ำหอม ยาทากันยุง และโลชันทาผิวโดยเด็ดขาด เพราะประสาทสัมผัสของสัตว์ป่านั้นไวกว่ามนุษย์หลายเท่าตัว และสัญชาตญาณของสัตว์ป่า หากมีสิ่งแปลกปลอมมันก็จะอยู่กันแบบหลบซ่อนๆ ตามสุมทุมพุ่มไม้ และป่ารกทึบที่ยากต่อการมองเห็น
ที่พัก
อุทยานแห่งชาติตาพระยา มีบ้านพักกลางดง 1 และ 2 ไว้คอยให้บริการ ภายในมี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ สนนราคาอยู่ที่คืนละ 1,800 บาท หรือจะเลือกนอนเทนท์อิงแอบแนบชิดกับธรรมชาติ ทางอุทยาน ฯ คิดค่าบริการ 330 บาท/คืน สำหรับเทนท์โดมขนาดเล็ก และ 530 บาท/คืน สำหรับเทนท์โดมขนาดใหญ่ หรือหากนำเทนท์ส่วนตัวมาเอง จะเสียค่าธรรมเนียมคืนละ 30 บาท/หลัง/คืน
อาหาร
จังหวัดสระแก้วอยู่ในส่วนของภาคอีสานตอนล่าง หากไม่ได้ลิ้มลองอาหารอีสานรสจัดจ้านก็คงจะมาไม่ถึงที่ และหากอยากจะได้บรรยากาศริมน้ำ แนะนำไปร้านอาหารริมอ่างเก็บน้ำห้วยยาง ซึ่งมีร้านอาหารริมน้ำมากมาย ราคาเป็นกันเอง
ขอขอบคุณ
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อ ฮอนดา ฟรีด เพื่อเป็นพาหนะในการเดินทาง
เรื่องโดย : ณัฐเทพ เผ่าจินดา
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/83729