ที่จริงแล้ว ฟิสเคอร์ คาร์มา ไม่ใช่รถไฮบริด "แท้" เหมือนรถไฮบริดส่วนใหญ่ที่มีจำหน่ายมาหลายปีและหลายตราด้วยกันครับ เพราะรถไฮบริดที่ผมเรียกเองว่า แบบ "แท้" เป็นรถที่ใช้พลังงานจากเครื่องยนต์เป็นหลัก แต่มีมอเตอร์ช่วยขับเคลื่อน และมีเจเนอเรเตอร์แปลงพลังงานจากการลดความเร็วหรือขณะเบรค ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วสะสมไว้ในแบทเตอรี โดยสามารถนำกลับมาป้อนให้มอเตอร์ เพื่อเสริมกำลังแก่เครื่องยนต์ เมื่อผู้ขับเร่ง เป็นวิธีที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้พอสมควรครับแม้รถไฮบริด "แท้" บางรุ่น จะออกรถตั้งแต่หยุดนิ่ง โดยยังไม่ติดเครื่องยนต์ให้ทำงาน ให้มอเตอร์ไฟฟ้าส่งแรงขับเคลื่อนไปที่ล้อแต่เพียงอย่างเดียว แต่ก็เป็นระยะทางไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น รถไฮบริดแบบนี้สามารถถูกออกแบบให้มอเตอร์ช่วยเสริมแรงขับเคลื่อนไปพร้อมกับเครื่องยนต์ได้ด้วย แต่ระบบขับเคลื่อนของ ฟิสเคอร์ คาร์มา แตกต่างจากนี้ครับ ในความเห็นของผมรถนี้เป็นรถไฟฟ้า ที่มีระบบไฮบริดเสริม ในกรณีที่ผู้ขับใช้งานเกินรัศมีทำการของระบบไฟฟ้าแทนที่จะต้องจอดเพื่อ "อัดไฟ" เครื่องยนต์จะทำงานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนทั้งมอเตอร์ และแบทเตอรีด้วย และเมื่อพ้นสภาวะฉุกเฉินที่ว่านี้ เช่น กลับถึงบ้านหรือที่ทำงานแล้วก็มีเวลาพอที่จะอัดไฟให้เต็ม เพื่อใช้งานในแบบรถไฟฟ้า ตามจุดประสงค์หลักต่อไป ฟิสเคอร์ คาร์มา เป็นรถเก๋งระดับหรูกึ่งสปอร์ท 4 ประตู ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าแบบ PLUG-IN และเป็นแบบไฮบริดด้วยดังที่อธิบายมาแล้ว ผลิตโดย ฟิสเคอร์ ออโทโมทีฟ (FISKER AUTOMOTIVE) ซึ่งก่อตั้งโดย เฮนริค ฟิสเคอร์ (HENRIK FISKER) นักออกแบบรถยนต์ฝีมือระดับแถวหน้าของโลก และเป็นนักออกแบบที่ผมชอบเป็นพิเศษ รถที่ ฟิสเคอร์ ออกแบบ ถูกใจผมมากเกือบทุกรุ่น ไม่เว้นแม้แต่ คาร์มา นี้ครับผมเชื่อว่าถ้าเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนของรถรุ่นนี้ ให้เป็นแบบดั้งเดิม เช่น ใส่เครื่องยนต์สปอร์ทกำลังสูง ความจุ 5,500 ซีซี ขึ้นไป มีพลังสัก 400 กว่าแรงม้า และน้ำหนักไม่เกิน 1,800 กก. ก็สามารถทำให้คู่แข่งระดับที่สร้าง โพร์เช พานาเมรา/แอสตัน มาร์ติน ราพีด หรือ มาเซราตี กวัตตโรโปร์เต หนักใจได้ทีเดียว ถ้าเรามองรถยุคนี้ที่เห็นว่าสวย โดยมองแบบเปลี่ยนมุมไปเรื่อย จนครบรอบคัน เราจะพบว่า มีบางมุมสวยมาก บางมุมสวยน้อย และบางมุมอาจถึงขึ้นไม่สวยเลย แต่ ฟิสเคอร์ คาร์มา นี้ ไม่มีจุดอ่อนที่ว่าโดยเฉพาะรูปทรงด้านหลัง และไฟท้าย เยี่ยมจริงๆ ครับ แรงขับเคลื่อน ฟิสเคอร คาร์มา มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 201 แรงม้า 2 ลูก รวมเป็น 402 แรงม้า ผมขอใช้หน่วยแรงม้าแทนกิโลวัตต์ เพราะจะได้ความรู้สึกที่คุ้นเคยกว่า และเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ได้ง่ายกว่าด้วย เครื่องยนต์เบนซินที่มีไว้ ผลิต กระแสไฟฟ้าเมื่อแบทเตอรีเกือบหมด เป็นเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2,000 ซีซี ของ พอนทิแอค ขับเคลื่อนได้เฉพาะเจเนอเรเตอร์เพื่อ ปั่นไฟ เท่า นั้น ต่อพ่วงกับแบทเตอรี และมอเตอร์แบบอนุกรม จึงไม่สามารถให้กำลังเสริมต่อมอเตอร์ขับเคลื่อนเมื่อต้องการอัตราเร่งสูงสุด กำลังสูงสุดจึงได้จากมอเตอร์ 2 ลูกนี้เท่านั้น แบทเตอรีที่ใช้สะสมพลังงานจาก ไฟบ้าน เป็นแบบลิเธียม-ไอออน ทันสมัยที่สุดในปัจจุบันในราคาระดับที่พอรับได้ในการผลิตแบบมวล จุพลังงานไฟฟ้าได้เต็มที่ 22 กิโลวัตต์ชั่วโมง ผลิตโดยบริษัท A123 SYSTEMS ในรัฐแมสซาชูเสทท์ส์ ฟิสเคอร์ รับประกันว่ามีอายุใช้งานไม่ตำกว่า 100,000 ไมล์ (ประมาณ 160,000 กม.) หรือเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี แถมบอกด้วยว่าแม้ลูกค้าซื้อไปแล้วหากในอนาคตมีแบทเตอรีคุณภาพ หรือความจุ หรือทั้งสองอย่าง ในราคาที่พอรับได้ ตัวแทนจำหน่ายรถ ฟิสเคอร์ สามารถเปลี่ยนใส่แบทเตอรีชุดใหม่นี้ได้ในเวลาไม่ถึง 20 นาที แต่ไม่ได้บอกว่าจะต้องเสียเงินหรือไม่ และเท่าใด บนหลังคาของ ฟิสเคอร์ คาร์มา เป็นแผงโซลาร์เซลล์สำหรับแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าเป็นของแถมเพียงเล็กน้อยครับ แม้ ฟิสเคอร์ จะอ้างว่าเอาไว้ป้อนพลังงานเสริมให้แก่ระบบปรับ อากาศของรถ ซึ่งคงช่วยได้ไม่มาก พลังงานสำหรับการปรับอุณหภูมิในห้องโดยสาร จึงยังคงต้องมาจากแบทเตอรีอยู่ดีครับ ถังน้ำมันประจำรถ มีความจุเหมาะกับหน้าที่ คือ แค่ 36 ลิตร เท่านั้น ส่วนที่จุน้อยไปหน่อย คือ เนื้อที่ใส่สัมภาระด้านท้ายของรถ ที่ได้ 195 ลิตร เท่านั้น แต่ต้องไม่ลืมว่า ฟิสเคอร์ คาร์มา ไม่ใช่รถสปอร์ทเดินทางไกล แบบ จีที หรือ กแรนด์ ทัวริง แม้รูปทรงภายนอกจะชวนให้เข้าใจเช่นนั้น สมรรถนะของ ฟิสเคอร์ คาร์มา อยู่ในระดับเดียวกับรถสปอร์ทราคาสูง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 5.9 วินาที ดูเหมือนปกติสำหรับกำลัง 402 แรงม้า แต่ถ้าคำนึงถึงน้ำหนักรถเปล่า ยังไม่รวมคนขับ ที่สูงถึง 2,539 กก. แล้ว ต้องถือว่าเป็นค่าที่ดีมาก หากเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ก็ต้องมีการเลือกอัตราทดเกียร์ 1 และ 2 มาอย่างเหมาะจริงๆ เคล็ดลับสำหรับอัตราเร่งระดับนี้ของ ฟิสเคอร์ คาร์มา อยู่ที่แรงบิด มหาศาลจากมอเตอร์ทั้งคู่ รวมกันได้ 1,300 นิวตัน-เมตร และที่สำคัญ คือ ไม่ต้องรอให้เพลาหมุนถึงหลายพันรอบต่อนาทีครับ มอเตอร์ไฟฟ้าแบบนี้ให้แรงบิดสูงสุด ตั้งแต่เริ่มหมุนเลย และไม่มีการสูญเสียแรงบิดไปกับชุดคลัทช์ด้วย ความเร็วสูงสุด ถูกจำกัดไว้ที่ 200 กม./ชม. ซึ่งถูกต้อง และเหลือเฟือแล้ว เพราะเป็นรถไฟฟ้าที่เน้น ความประหยัดเป็นสำคัญ รัศมีทำการด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรีล้วน คือ 80 กม. เพียงพอสำหรับการใช้งานประจำวันในเมือง ถ้ารวมการใช้น้ำมันเบนซินที่ป้อนให้เครื่องยนต์ด้วย ก็จะได้ระยะทางเกิน 400 กม. ต่อเชื้อเพลิง 1 ถัง ผลงานจากรายงานการทดลองขับ ฟิสเคอร์ คาร์มา โดยนักทดสอบของนิตยสารรถยนต์ในประเทศอังกฤษ ไม่ทำให้ผู้ต้องการใช้รถไฟฟ้า และไฮบริดผิดหวังครับ การขับด้วยระบบไฟฟ้าล้วน ให้ความเงียบสงบ และผ่อนคลาย ในระดับที่ผู้รายงานบอกว่า โรลล์ส-รอยศ์ ยังแพ้ความนุ่มนวลของระบบรองรับอยู่ในระดับดีเยี่ยม ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนี้อยู่แล้วครับ เพราะน้ำหนักรถรวมคนขับ ก็เข้าไป 2 ตันครึ่งแล้ว รถที่น้ำหนักมาก ได้เปรียบรถเบาอยู่แล้วในด้านการดูดซับความสะเทือน เพราะมีความถี่ธรรมชาติต่ำกว่า รถที่เงียบเกินไป ก็สร้างป้ญหาใหญ่ได้เหมือนกันครับ เพราะขาดเสียงเครื่องยนต์ที่เตือนคนเดิน ให้รู้ตัวว่ากำลังจะมีรถแล่นผ่าน โดยเฉพาะที่ความเร็วต่ำในเมือง ที่เราไม่สามารถได้ยินเสียงหน้ายางกระทบผิวถนน ฟิสเคอร์ จึงมีระบบปล่อยเสียงเครื่องยนต์เทียม จากด้านหน้า และหลังของรถ เพื่อเตือนผู้เดินด้วย ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งระดับเดียวกับรถเก๋งหรู เน้นความเรียบง่าย แต่สวยด้วยรถนิยมสูงแนวที่ เฮนริค ฟิสเคอร์ ถนัดอยู่แล้ว ขณะเขียนต้นฉบับนี้ คือกลางเดือนสิงหาคม ฟิสเคอร์ ออโทโมทีฟ ได้รับใบสั่งซื้อเกิน 3,000 คันไปแล้วครับ ความหวังของ ฟิสเคอร์ ที่จะผลิตรถ และขายได้ปีละ 100,000 คัน ในอีก 5 ปี จึงดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ไม่ยากนัก ปัจจุบัน ฟิสเคอร์ จ้างบริษัท VALMET AUTOMOTIVE ในประเทศ ฟินแลนด์ ซึ่งเป็นผู้ผลิต บอกซ์สเตอร์ และ เคย์แมน ให้บริษัท โพร์เช อยู่ ราคารุ่นนี้ที่วางจำหน่ายแล้วในประเทศอักฤษอยู่ที่ 87,000 ปอนด์ (ประมาณ 4,300,000 บาท) นอกจากจะต้องรวย และมีสำนึกด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้ว ลูกค้าในประเทศนี้ยังต้องพร้อมที่จะขับรถพวงมาลัยอยู่ด้านซ้ายอีกด้วยครับ
บทความแนะนำ