ผ่านปี 2554 ไปอย่างโล่งอก ด้วยตัวเลขการขาย จำหน่ายรถยนต์ตลอดปี มีปริมาณการขาย 794,081 คัน ลดลง 0.8 % ทั้งที่มีอุปสรรคให้ต่อสู่เรื่องใหญ่อย่างหนัก 2 เรื่อง แต่ก็จบลงกันด้วยดีส่วนในปี 2555 นักการตลาดส่วนใหญ่ ก็พยายามวางตัวเป็นกลาง ว่าหากสภาพตลาดไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงอีก ตัวเลขการขายทั้งปี ก็น่าจะมีเกิน 1 ล้านคัน เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ส่วนภาคการผลิตน่ะ เลย 2 ล้านคัน แน่นอน ก็ต้องคอยดูฝีมือการบริหารเศรษฐกิจของประเทศกันดู ว่าจะรุ่ง หรือ จะร่วง มาคุยกันเรื่อง ปีนี้ เราจะมีรถอะไรใหม่ ที่แน่นอน ก็คือ รถอีโคคาร์ เปิดตัวแน่นอน 2 ค่าย มิตซูบิชิ และ ซูซูกิ มาต่อกรกับเจ้าเก่า นิสสัน และ ฮอนดา ส่วนยักษ์ใหญ่ โตโยตา เพิ่งจะเริ่มสร้างโรงงานแห่งใหม่ ที่ นิคมอุตสาหกรรมเกทเวย์ เป็นโรงสอง สำหรับผลิต อีโคคาร์ ก็คงเอามาโชว์กันได้ในปีหน้า หันมาทางรถกระบะ ปี 2554 ที่ผ่านมา เปิดตัวกันไปหลายยี่ห้อ เริ่มด้วย อีซูซุ ดี-แมกซ์ โฉมใหม่ ต่อด้วย เชฟโรเลต์ โคโลราโด เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ 2.5 และ 2.8 ลิตร ตามมาด้วย ฟอร์ด เรนเจอร์ มีเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค 2.2 และ 3.2 ลิตร หรือจะเอาเบนซิน ดูราเทค 2.5 ลิตร ส่วน มาซดา ก็เปิด บีที-50 พโร น้องใหม่ เช่นกัน ใช้เครื่องเดียวกับ ฟอร์ด 2.2 และ 3.2 ลิตร ดีเซล เท่านั้น ส่วนยักษ์ใหญ่ ก็เปิด สมาร์ทแคบ ล่วงหน้าไปก่อน คงต้องเตรียมไมเนอร์เชนจ์ และเพิ่มรุ่นกันอีกที ช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อรักษาส่วนแบ่ง ที่แน่นอนก็คือ การตลาดที่เข้มข้นของแต่ละค่าย เพราะรูปโฉมของรถใหม่เอี่ยม ต้องลงทุนอบรมพนักงานขายกันอย่างเต็มที่ เรียกว่าอบรมกันเกือบเดือน สำหรับพนักงานขายทั่วประเทศ ต้องเตรียมโรดโชว์กันในหัวเมืองใหญ่ เรียกว่า นักการตลาดต้องวิ่งกันทั่วประเทศอีกครั้ง ภายใน 1 ปี หันมามองทางรถเก๋งบ้าง คอรถเก๋งก็คอยลุ้นกันอยู่ว่า ฮอนดา จะสร้างโรงงานได้เสร็จ และขึ้นไลน์ การผลิตได้เมื่อไร เพราะ ซีวิค โฉมใหม่ ก็น่าจะเริ่มผลิตได้เสียที หลังเจอโรคเลื่อนมาจากมหาอุทกภัย รวมทั้งอีโคคาร์ บรีโอ จะส่งมอบกันได้เมื่อไร ส่วนเก๋งเล็ก ที่แน่ๆ เห็นจะเป็น เชฟโรเลต์ ที่จะเอา โซนิค ที่เพิ่งเปิดตัวในสหรัฐอเมริกามาสู่ตลาดเมืองไทย มีให้เลือกทั้งแบบซีดาน และแฮทช์แบค ส่วนสเปค จะเป็นอย่างไร นักข่าวเองก็ยังรอกันอยู่ หันมาทางค่าย ฟอร์ด ที่โรงงานสร้างใหม่เกือบเสร็จแล้ว คาดว่า จะมี โฟคัส รุ่นใหม่ อวดโฉมได้ช่วงปลายปี โดย มาซดา ที่ยังคงใช้ เอเอที ประกอบ ก็เตรียมส่งรุ่น 1.6 ลิตร ลงสนาม ดักหน้าเอาไว้ก่อน ส่วนเครื่องสกาย แอคทีฟ ที่คุยว่าประหยัดน้ำมัน บ้านเราคงยังอีกนาน เพราะท่านประธาน ตอบเสียงแจ๋วว่า คอยนโยบายเรื่องภาษีสรรพสามิต ที่ภาครัฐกำลังพิจารณากันอยู่ ว่าจะปรับอย่างไร ค่าย นิสสัน เอง ก็ต้องมีน้องใหม่ มาแทน ทิอิดา แต่ยังไม่รู้ว่า จะเอามาจากไหน เพราะถ้าอิงจากประเทศจีน ก็ต้องปรับให้เข้ากับบ้านเราเยอะ คงได้ข่าวในช่วงครึ่งปีหลัง เก๋งขนาดกลาง แน่นอนว่า ปีนี้ต้องมี แคมรี ใหม่ เพียงแต่จะใช้เวอร์ชันไหน เพราะที่ออกในตลาดโลก มันค่อนข้างไม่เหมือนกัน แต่รูปโฉมภายนอก คาดว่าจะคล้ายกับในสหรัฐอเมริกา พร้อมรุ่น ไฮบริด ตามเคย ส่วนเก๋งนำเข้า เปิดตัวไปตั้งแต่ MOTOR EXPO แล้ว ซุบารุ อิมพเรซา ที่ปรับจากรถต้นแบบ เอกซ์วี ตามมาด้วย ฮันเด ส่งประกวดทั้ง โซนาตา ใหม่ และ เอลันทรา ที่ีขนผู้สื่อข่าวไปชมกันมาจากแดนกิมจิแล้ว ส่วนรุ่นอื่นๆ ก็มี อีซูซุ มิว-7 เปิดตามหลังโฉมใหม่หมดแน่นอน ฮอนดา ซีอาร์-วี หน้าใหม่ ช่วงครึ่งปีหลัง ส่วน เชฟโรเลต์ ทเรล บเลเซอร์ ที่อวดโฉมกันในเมืองนอกไปแล้ว บ้านเราก็น่าจะได้เห็นในช่วง มอเตอร์ โชว์ นี่แหละ นอกเหนือจากนั้น เห็นจะเป็นพวกรถนำเข้า แปลกๆ อีกมากมาย ให้ได้เลือกซื้อหากัน ซึ่งแน่นอนว่า นักการตลาดแต่ละค่าย จะต้องค้นหาวิธีการพลิกแพลง ขึ้นมาหาทางให้รถยี่ห้อของตนเอง เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้ามากที่สุด นั่นเป็นเรื่องของปีนี้ ปีที่เหนื่อยอีก 1 ปีของนักการตลาด หันมามองทางด้านเศรษฐกิจบ้าง ที่แน่ๆ ก็คือ ค่าแรง 300 บาท นี่กระทบกระเทือนแน่นอน ทั้งระบบด้วย ไม่ใช่เฉพาะเจ้าใดเจ้าหนึ่ง แต่ค่ายรถยนต์ คงไม่ค่อยเท่าใดนัก เพราะค่าเฉลี่ย ค่าแรง สูงกว่ามาตรฐานอยู่แล้ว แต่ที่โดนเจ๋ง ก็คือ ผู้ผลิตชิ้นส่วน เพราะวัตถุดิบก็ขึ้นราคา น้ำมันก็แพง ยังแถมค่าแรงขึ้นราคาอีก จะขอเพิ่มราคาชิ้นส่วนกับค่ายรถยนต์ ก็ไม่ได้ คุยเมื่อไร ก็มีแต่จะโดนลดราคาลงไปอีก แถมยังคาดเดาไม่ได้อีกว่า ปีนี้น้ำจะท่วมหรือเปล่า ฮา ฮา ฮา แต่มาตรการคืนเงินภาษี 1 แสนบาท สำหรับรถคันแรกของภาคหลวงน่ะ ย่อมสร้างความต้องการ หรือภาษานักการตลาดว่า ดีมานด์ ก่อนถึงกำหนดสิ้นสุดมาตรการ ในวันที่ 31 ธันวาคม นี้แน่นอน ก็ต้องพยายามหาทางกันสุดฤทธิ์ ที่จะซื้อและรับรถกันให้ได้ก่อนกำหนด อันจะทำให้ยอดขายปีนี้ เพิ่มสูงมากกว่าที่ประเมินกัน หรือทำให้เกิน 1 ล้านคันขึ้นไปแน่นอน เชื่อหรือไม่ !?!