ประสาใจ
ชีวิตที่เมืองคานน์ส์
คานน์ส์เป็นเมืองริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แถบริเวียรา ประเทศฝรั่งเศส มีขนาดเล็ก ถนนก็มีสายเดียว เป็นถนนเลียบทะเล เป็นเมืองที่มีอุณหภูมิทางธุรกิจสูง งานประจำปีที่สำคัญ ได้ทั้งกล่องได้ทั้งเงิน คือ งานประกวดภาพยนตร์นานาชาติ
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีผืนน้ำเป็นสีน้ำเงิน งดงามจนสุดสายตา เห็นแล้วก็ลืมไปเลยว่า ผืนน้ำแห่งนี้ให้กำไรมหาศาลกับการประมง และการตกปลา
ปีนี้งานประกวดภาพยนตร์เมืองคานน์ส์ เริ่มวันที่ 16-27 พฤษภาคม 2555 เป็นห้วงเวลา 2 สัปดาห์ที่เมืองมีชีวิต แม้ทะเลก็ไม่ยอมหลับ ว่ายังงั้น
หากคิดได้ว่า อะไรที่เกี่ยวข้องกับคำว่า ภาพยนตร์ ก็อะไรเหล่านั้นแหละจะมารวมตัวที่เมืองนี้ในระหว่าง 14 วันของงาน
บรรยากาศที่มีสีสันบรรเจิดที่สุด ก็ได้แก่ ดวงดาวทั้งหลายที่เดินได้ ยิ้มได้ และทำอะไรก็ได้โดยปราศจากการรบกวนสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล
ดาราภาพยนตร์นานาชาติได้รับการต้อนรับจากคนเมืองและนักท่องเที่ยว ตลอดจนถึงพ่อค้าภาพยนตร์ทั่วโลก และขาดไม่ได้ คือ สื่อจากนานาประเทศ
ผมมีโอกาสไปเมืองคานน์ส์ ระหว่างงานประกวดภาพยนตร์นานาชาติ เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ไปเพื่อหาซื้อภาพยนตร์ราคาถูกมาฉายในกรุงเทพ ฯ ร่วมกับ วันชัย อรรถเวทยวรวุฒิ ถือเป็นแฮพพีฮอลิเดย์ของผม
หนึ่ง-คานน์ส์เป็นเมืองติดทะเล ยังไงก็ไม่ใช่สถานที่แปลกหน้าสำหรับเรา เพราะเคยเหยียบบางแสน พัทยา ระยอง และหัวหินมาแล้ว
สอง-ริเวียรา ประเทศฝรั่งเศส มีความหมายด้านเดียว คือ ผู้หญิงที่นี่จะสวมชุดบิกีนีหลังเที่ยงวันไปแล้ว และสวมชุดราตรีในตอนกลางคืน เพื่อไปร่วมงานที่ศาลาการประกวดภาพยนตร์
สาม-ขึ้นชื่อว่างานประกวดภาพยนตร์ แปลว่า ดาราใหญ่น้อยจะเดินทางมาร่วมงานกันที่นี่ พร้อมด้วยผู้กำกับ และผู้สร้าง ทั้งดาวดี ดาวร้าย และดาวยั่ว หรือดาวที่อยากจะเป็นดาวยั่ว และสร้างชื่อเสียง ก็ได้โอกาสมาแก้ผ้าถ่ายรูป และเมื่อเปลือยกายแล้วก็ไม่ต้องห่วง กล้องถ่ายภาพเต็มทั้งเมืองครับ
เทคโนโลยีวันนี้ มีอะไรในมือก็ถ่ายรูปได้ ยิ่งหายห่วง
สี่-อุณหภูมิ และดินฟ้าอากาศในเดือนพฤษภาคม จะอยู่ที่ 15-20 องศาเซลเซียส ต้องถือว่ายอดเยี่ยมกระเทียมดอง ไม่หนาว ไม่ร้อน
นันนี โมเรตตี ผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์ ชาวอิตาเลียน ได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการตัดสิน รางวัลปาล์มทอง คานน์ส์ ฟีล์ม เฟสติวัล ครั้งที่ 65
นันนี โมเรตตี อายุ 58 ปี ได้รับเลือกเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ความฝันของชีวิตเมื่อโตแล้วของเขา คือ โปโลน้ำ และภาพยนตร์ หลังจากเรียนหนังสือจบ อายุ 20 ปี ก็เริ่มงานกำกับภาพยนตร์สั้น และเริ่มสร้างภาพยนตร์เป็นครั้งแรก เมื่ออายุ 23 ปี มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคอหนังตอนอายุ 40 ปี
ภาพยนตร์เรื่อง THE SONS ROOM (LA STANZA DEL FIGLIO) ได้รับรางวัลปาล์มทอง ที่เมืองคานน์ส์ ปี 2001 และภาพยนตร์เบาสมองเรื่อง WE HAVE A POPE ที่สร้างในปี 2011 ได้เข้าประกวดในเมืองคานส์ปีเดียวกัน
โพสเตอร์งานประกวดภาพยนตร์ที่เมืองคานน์ส์อย่างเป็นทางการปีนี้ เป็นภาพนักแสดงหญิง มาริลีน มอนโร ซึ่งเสียชีวิตครบรอบ 50 ปี
มาริลีน มอนโร เป็นนางเอกคนหนึ่งของฮอลลีวูด ที่ผู้ชายทั้งโลกรู้จัก เสียชีวิตขณะที่มีอายุ 36 ปี ที่บเรนท์วูด ลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย สหรัฐ ฯ ด้วยสาเหตุการตายจากการรับประทานยาเกินขนาด จนร่างกายรับไม่ไหว
มาริลีน มอนโร แต่งงาน 3 ครั้ง หย่าขาดทั้ง 3 ครั้ง โจ ไดแมกจิโอ สามีคนที่ 2 เป็นนักกีฬาเบสบอล แต่งงานกันที่ซานฟรานซิสโก ในเดือนมกราคม 1954 เสร็จแล้วไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ญี่ปุ่น ระหว่างดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เธอได้รับเชิญให้ไปบำรุงขวัญทหารในสงครามเกาหลี บันเทิงกับนาวิกโยธินสหรัฐ ฯ 13,000 นาย อยู่ 3 วัน
โจ ไดแมกจิโอ เป็นสามีเธอ 9 เดือน ก็หย่าขาดจากกัน เธอแต่งงานใหม่เป็นครั้งที่ 3 กับนักเขียนบทละครมีชื่อเสียง อาร์เธอร์ มิลเลอร์ กลางปี 1956 และจบลงด้วยการหย่าขาด ในอีก 5 ปีต่อมา
หลังจากนั้นปีเดียว มาริลีน มอนโร ก็ดังกระหึ่ม เพราะได้รับเชิญให้ไปร้องเพลง HAPPY BIRTHDAY, MR. PRESIDENT ในงานวันเกิดประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี ที่เมดิสันสแควร์ การ์เดน ชุดราตรีที่เธอสวมไปในคืนนั้น ออกแบบโดย ชอง หลุยส์ ต่อมาประมูลขายได้ราคาถึง 1.26 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ
ชีวิตการแสดงเริ่มทำสัญญากับโคลัมเบีย พิคเจอร์ส์ ก่อนจะทำสัญญา 7 ปี กับทเวนที เซนจูรี ฟอกซ์ ในปี 1950
ระหว่างปี 1952 มาริลีน มอนโร ฉาวด้วยภาพเปลือยที่ถ่ายไว้เมื่อปี 1949 โดยมีการนำภาพนั้นมาทำเป็นปฏิทิน และในเดือนธันวาคม ปี 1953 นิตยสารสำหรับผู้ชายอเมริกันชื่อ PLAYBOY ของ ฮิวจ์ เอม เฮฟเนอร์ เล่มแรก นำภาพเปลือยของเธอ ไปตีพิมพ์เป็น ผู้หญิงหน้ากลาง โด่งดังไปทั่วโลก
NIAGARA เป็นภาพยนตร์สร้างชื่อเสียงให้กับ มาริลีน มอนโร ซึ่งเธอแสดงนำกับ โจเซฟ คอทเทน อำนวยการสร้างโดย ดาร์รีล เอฟ ซานุค
GENTLEMEN PREFER BLONDS ในปี 1953 แสดงคู่กับ เจน รัสเซลล์ ดาวยั่วอีกคนของฮอลลีวูด เล่นด้วยกันแล้วยังไปเซ็นชื่อ ลงรอยมือและรอยเท้าที่พื้นถนนหน้าโรงภาพยนตร์ เกราแมน ไชนีส เธียเตอร์ ในลอส แองเจลิส
นอกจากนี้ ภาพยนตร์ที่ดังๆ ในอดีตยังรวมทั้ง BUS STOP, HOW TO MARRY A MILLIONAIRE, RIVER OF NO RETURN, THERES NO BUSINESS LIKE SHOW BUSINESS และ THE SEVEN YEAR ITCH
โดยเฉพาะเรื่องหลังซึ่งแสดงคู่กับ ทอม อีเวลล์ ในปี 1955 นั้น มาริลีน มอนโร สร้างภาพอมตะทิ้งไว้อีกภาพ เป็นภาพที่หล่อนยืนบนตะแกรงปิดท่อริมถนนสาย 53 ในนิวยอร์ค มีลมพัดแรงขึ้นมาจากทางเดินรถใต้ดิน ทำให้กระโปรงเปิดบาน และหล่อนก็เอามือทั้ง 2 ข้างปิดไว้
ในปี 1959 มาริลีน มอนโร แสดงร่วมกับ แจค เลมมอน และโทนี เคอร์ทีส เรื่อง SOME LIKE IT HOT (อรทัยร้อนรัก) ภายใต้การกำกับการแสดงของ บิลลี ไวเดอร์ ผู้เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 สาขา
บิลลี ไวเดอร์ กล่าวถึง มาริลีน มอนโร ว่าหนังเรื่องนี้นับเป็นความสำเร็จของ มาริลีน มอนโร เพราะเธอเป็นดาราเจ้าปัญหาระหว่างการถ่ายทำ
เธอเป็นผู้หญิงที่ทายใจได้ยาก จะออกไปกองถ่ายวันไหนก็ทายไม่ถูก ว่าวันนั้นจะออกหัวหรือก้อยยังไง เธอจะให้ความร่วมมือ หรือไม่ให้ความร่วมมือ บิลลี ไวเดอร์ กล่าว
ก่อนแสดง THE MISFITS ภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย มาริลีน มอนโร ได้เล่นเรื่อง LETS MAKE LOVE เดิมทีเดียว เธอไม่ชอบใจบทภาพยนตร์ อาร์เธอร์ มิลเลอร์-สามีเธอ ก็เขียนขึ้นใหม่ มีการค้นหาพระเอกกันให้วุ่น เริ่มตั้งแต่ กเรกอรี เพค, แครี กแรนท์, คาร์ลทัน เฮสตัน, ยูล บรินเนอร์ และรอค ฮัดสัน ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ตกลงเล่นด้วย สุดท้าย อีฟ มองตานด์ รับบทพระเอกไป
จากนั้น มาริลีน มอนโร ก็มีข่าวฉาวกับ อีฟ มองตานด์ อยู่ระยะหนึ่ง ซึ่งจบลงด้วยการที่ฝ่ายชายขอเลือกอยู่กับคนรักเดิม
ระหว่างงานประกวดภาพยนตร์ มีภาพยนตร์ฉายให้ดูตามโรงภาพยนตร์ 2 ฟากถนนแคบๆ ด้านในเมืองที่ไม่ติดทะเล ทั้งดูฟรี และดูฟรีแต่ต้องมีบัตรเชิญ
ถนนแคบสายนี้ต่างกว่า ลา กรัวเซตต์ อเวนิว ที่มีโรงแรมระดับ 5 ดาว อย่างคาร์ลทัน แต่ก็มีร้านค้าให้ชอพพิงกันเพลิดเพลิน เพียบทุกบแรนด์เนม
แต่ถ้าจะเรียกความคึกคักก็ต้องถนนด้านหน้าที่ติดทะเล ขวักไขว่กันพล่าน โรงแรม 5 ดาว ทุกแห่ง เต็มอัตราศึก ไม่มีว่าง โรงแรมกลายเป็นตลาดการค้าภาพยนตร์ พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายขึ้น/ลงลิฟท์กันทั้งวัน ไปห้องนั่นห้องนี้ พบกับเจ้าของสินค้า ดูแคทาลอก ดูตัวอย่าง สอบถามราคา ต่อรอง ฯลฯ
รองลงไปจากระดับซื้อขายในโรงแรม ก็ต้องเป็นที่ศาลาการประกวดภาพยนตร์ ที่นี่เหมือนทุกงานที่จัดในศูนย์การประชุมแห่งชาติที่บ้านเรา เต็มไปด้วยบูธขายภาพยนตร์
และภาพยนตร์ที่ซื้อขายกันก็มีทุกประเภท ทั้งโป๊แหลก และโป๊ยับยู่ยี่ ผมเกิดมาก็เพิ่งจะได้เห็นเพศชายเต็มๆ บนจอในโรงภาพยนตร์ที่เมืองคานน์ส์นี่แหละครับ เป็นครั้งแรกในชีวิต
เมืองคานน์ส์ไม่มีขอทาน แต่จะมี ศิลปินข้างถนน หลายครั้งที่ผมไป มักเจอประเภทละครใบ้ ทำตัวประหลาดๆ นิ่งเป็นรูปปั้น ไม่ค่อยเจอศิลปินเล่นเพลงเพื่อชีวิตเหมือนริมหาดพัทยา
แฮพพีเมืองคานน์ส์ เดือนนี้เป็นเดือนทองของพวกเขาโดยแท้...!!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/86858