น้ำมันเครื่อง วาลโวลีน เป็นอีกบแรนด์หนึ่งที่อยู่ในตลาดเมืองไทยมานาน และพร้อมจะก้าวไปข้างหน้า เพื่อแข่งขันในตลาด "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์ เพิ่มศักดิ์ โกศลพันธุ์ ประธานบริหาร บริษัท วาโวลีน (ประเทศไทย) จำกัดฟอร์มูลา : น้ำมันเครื่อง วาลโวลีน เริ่มเปิดตลาดในเมืองไทยมานานเท่าไร ? เพิ่มศักดิ์ : วาลโวลีน เริ่มดำเนินการเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา โดยการร่วมทุนระหว่าง วาลโวลีน สหรัฐอเมริกา กับกลุ่มคนไทย วัตถุประสงค์เพื่อให้ วาลโวลีน เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับลูกค้า ปัจจุบันก็ถือว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าในเมืองไทยเป็นอย่างดี ขณะนี้มีสินค้าครบทุกชนิด แบบ ONE STOP SERVICE ซึ่งแบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. กลุ่มน้ำมันเครื่องยนต์ 2. กลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ 3. กลุ่มผลิตภัณฑ์พิเศษ 4. กลุ่มที่ใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม 5. กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลรักษารถยนต์ ฟอร์มูลา : คุณวางนโยบายและแผนงานไว้อย่างไร ? เพิ่มศักดิ์ : 10 ปีที่ผ่านมา น้ำมันเครื่องในตลาดมีมากกว่า 20 บแรนด์ ทำให้มีการแข่งขันที่สูงมาก โดยส่วนใหญ่จะทำการตลาดด้วยการลด แลก แจก แถม เช่น ซื้อ 1 แถม 1 บางบแรนด์ของแถมจะมีราคาแพงกว่าสินค้า หรือขายแบบไม่มีกำไร แต่ในปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 40 บแรนด์ ซึ่งก็ยังมีการแข่งขันที่สูงเช่นกัน ส่วนสาเหตุที่เหลือน้อยลงเป็นเพราะผู้บริโภคมีการรับรู้ข่าวสาร และข้อมูลต่างๆ ของผลิตภัณฑ์มากขึ้น ทำให้เลือกใช้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ซึ่งหากบแรนด์ไหนที่ไม่มีความแข็งแกร่ง หรือสินค้าไม่มีคุณภาพ ก็ไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ ส่วนบริษัท ฯ จะเน้นการทำตลาดแบบผสมผสาน แต่ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์มีน้อยมาก โดยส่วนใหญ่จะเน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ร่วมกับตัวแทนจำหน่าย ส่วนการจัดพโรโมชันก็มีบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะมีมากเกินไปเป็นการทำลายบแรนด์ ทำให้ความสัมพันธ์กับคู่ค้าเป็นไปด้วยดี แต่สำหรับผู้บริโภคนั้นยังต้องสร้างการรับรู้ และการยอมรับในสินค้าให้มากยิ่งขึ้น ปีนี้ บริษัท ฯ จะเน้นการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์มากขึ้น เนื่องจากจะฉลองยอดขายครบ 50 ล้านลิตร ในประเทศไทย อีกทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์จะเป็นการกระตุ้นการรับรู้ของบแรนด์และยอดขายให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังต้องนำกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้ให้มากยิ่งขึ้น เช่น การเข้าถึงลูกค้าโดยใช้ระบบไดเรคท์มาร์เกทิง การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การออกบูธแสดงสินค้า การจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ เพื่อตอบแทนและรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงการใช้ โซเชียล เนทเวิร์คด้านต่างๆ ในการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ คาดว่าจะใช้งบประมาณตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555-กันยายน 2556 ประมาณ 50 ล้านบาท หรืออาจจะมากกว่านี้ ต้องดูที่สถานการณ์ของตลาดในช่วงนั้นๆ อีกด้วย ฟอร์มูลา : จุดเด่นของ วาลโวลีน คืออะไร ? เพิ่มศักดิ์ : เราไม่อยากใช้คำว่าเหนือกว่า แต่ขอใช้คำว่า แตกต่างจากคู่แข่ง คือ วาลโวลีน เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก โดยมีจำหน่ายกว่า 140 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ อยู่เสมอ ฟอร์มูลา : วาลโวลีน ให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์มากน้อยแค่ไหน ? เพิ่มศักดิ์ : วาลโวลีน ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะการสร้างภาพลักษณ์ซึ่งถือเป็นหัวใจหลัก ยอมรับว่ามันเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องใช้เวลา และต้องพัฒนาอย่างมีหลักการ วาลโวลีน หวังให้ผู้บริโภครับรู้ถึงแก่นแท้ของความเป็น วาลโวลีน ที่คำนึงถึงเรื่องคุณภาพเป็นสำคัญ สามารถอ้างอิงได้ชัดเจน โดยพิจารณาลึกไปถึงเรื่องของ BRAND DNA นั่นคือ จิตวิญญาณของบแรนด์ ซึ่งหมายถึง แก่นแท้ที่ทุกคนรับรู้ และรู้สึกได้ เป็นสิ่งบ่งบอกความเป็นตัวของตัวเองแสดงถึงความแตกต่างและโดดเด่นจากคนอื่นๆ ฟอร์มูลา : ภาพรวมของตลาดน้ำมันเครื่องในประเทศไทยเป็นอย่างไร ? เพิ่มศักดิ์ : ตลาดน้ำมันเครื่องในประเทศไทย จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับบน กลาง และล่าง โดยในปี 2554 มีปริมาณรวมอยู่ที่ประมาณ 360 ล้านลิตร ส่วนปี 2555 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 4 % หรือมีปริมาณอยู่ที่ 400 ล้านลิตร แบ่งเป็นตลาดระดับบนประมาณ 80 ล้านลิตร กลาง 120 ล้านลิตร และล่าง 200 ล้านลิตร โดย วาลโวลีน มีส่วนแบ่งการตลาดรวมอยู่ประมาณ 2-3 % และมี 4-5 % ในตลาดระดับบน ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2556 ตลาดจะเติบโตเพิ่มขึ้น 5-10 % เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงยอดขายรถยนต์ และจักรยานยนต์ที่เติบโตขึ้น ฟอร์มูลา : ผลการดำเนินการในครึ่งปีแรก และเป้าหมายในครึ่งปีหลัง ? เพิ่มศักดิ์ : วาลโวลีน เติบโตโดยเฉลี่ย 20-25 % มาตลอด ในปีแรกมียอดขาย 30 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายอยู่ที่ 600 กว่าล้านบาท และคาดว่าอีก 2 ปีข้างหน้า จะมียอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาฉลองยอดขาย 50 ล้านลิตร ถือว่าเป็นความสำเร็จ และความภาคภูมิใจอย่างมาก นอกจากนี้ วาลโวลีน จะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นและการเป็นที่ยอมรับ เนื่องจากน้ำมันเครื่องเป็นสินค้าที่มีบแรนด์ ลอยัลที ค่อนข้างสูง การดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาเน้นกลุ่มลูกค้าที่เรียกว่า ลูกค้าพันธมิตร โดยการเจาะกลุ่มลูกค้าโดยตรง ทำให้มีลูกค้ากว่า 4,000 ราย
บทความแนะนำ