เรื่องน่ารู้
Honda พาสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ พร้อมชมยนตรกรรมล้ำสมัยในมหกรรมยานยนต์โตเกียว 2017
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด โดย พิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ พาคณะสื่อมวลชนเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อสัมผัสยนตรกรรมที่มีเทคโนโลยีทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมชมการจัดแสดงรถต้นแบบ รถแนวคิด รถรุ่นล่าสุดที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น รถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่บูธ ฮอนดา ในมหกรรมยานยนต์โตเกียว 2017 (ครั้งที่ 45) (45th Tokyo Motor Show 2017) ซึ่งจัดขึ้นที่ Tokyo Big Sight (รอบสื่อมวลชน ระหว่างวันที่ 25-26 ตุลาคม 2560 และรอบประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม-5 พฤศจิกายน 2560) โดยปีนี้ บูธของ ฮอนดา นำเสนอภายใต้แนวคิด “เพิ่มศักยภาพในการเดินทางและการใช้ชีวิตของผู้คน” ผ่านผลิตภัณฑ์แห่งการเคลื่อนที่ช่วงเย็นวันที่ 22 ตค. 60 คณะสื่อมวลชนเดินทางสู่สนามทวินริง โมเตกิ ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางทิศเหนือประมาณ 130 กม. เตรียมเข้าร่วมงาน A&O Honda Journalist Meeting (งานประชุมสื่อมวลชนในภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนียของ ฮอนดา) เช้าวันที่ 23 ตค. 60 ฮิเดโอะ โคมูระ ประธาน ฮอนดา อาร์แอนด์ดี เอเชียแปซิฟิค กล่าวต้อนรับ คณะสื่อมวลชนจากประเทศไทยและมาเลเซีย พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ 2030 ของ ฮอนดา ที่มีเป้าหมายในการตอบสนอง และรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ ในขณะที่มองอนาคตข้างหน้า และเตรียมการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ วิสัยทัศน์ของ ฮอนดา คือ การส่งมอบความสุขให้กับผู้คนทั่วโลกเพื่อ “เพิ่มศักยภาพของการใช้ชีวิต” และมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการสร้างสังคมปลอดแกสคาร์บอนไดออกไซด์ สู่การเป็นสังคมที่สะอาดปราศจากมลพิษ จากเป้าหมายของวิสัยทัศน์ดังกล่าว ฮอนดา จึงมุ่งนำเสนอยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 2 ใน 3 ของยอดจำหน่ายรถ ฮอนดา ทั่วโลกภายในปี 2573 และตั้งเป้าเพิ่มยอดจำหน่ายของรถยนต์ไฮบริดรุ่นปัจจุบัน โดยยังคงให้ความสำคัญกับรถรุ่นต่างๆ ที่มีไฮบริดเป็นพื้นฐาน และใช้ระบบพลัก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid) ที่มีประสิทธิภาพสูง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงยานยนต์พลังงานสะอาด (Zero-Emission Vehicles) เช่น ยานยนต์เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) และยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบทเตอรี ( BEV: Battery Electric Vehicle) ซึ่งตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ มียอดจำหน่ายมากกว่า 580,000 คัน ในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย เติบโตถึงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว https://youtu.be/mwbtvNFc5LU สำหรับรถที่ได้ทดลองขับในวันนั้น ไฮไลท์ คือ ฮอนดา คแลริที ซีรีส์ ยนตรกรรมรุ่นแรกที่นำเสนอระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหลายรูปแบบ ได้แก่ รุ่นพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) รุ่นพลังงานไฟฟ้าแบบแบทเตอรี (Battery Electric) และรุ่นพลังงานไฟฟ้าแบบพลัก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid) ฮอนดา คแลริที ซีรีส์ ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงดีเอนเอ “Fun-to-Drive” ทุกรุ่นจึงให้ประสบการณ์การขับขี่สนุกสนาน จากแรงบิดและอัตราเร่งของการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ต่อเนื่อง เงียบ และราบเรียบ ตัวถังกว้างแต่ความสูงลดลงตามหลักอากาศพลศาสตร์ และโดดเด่นด้วยสีพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายสำหรับ 5 ที่นั่ง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda Sensing ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Android Auto และ Apple Car Play ฮอนดา คแลริที ฟิวเซลล์ (เซลล์เชื้อเพลิง) ฮอนดา ส่งมอบ คแลริที ฟิวเซลล์ รุ่นปี 2017 ไปแล้วกว่า 100 คัน เมื่อเดือนธันวาคม 2559 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เครือข่ายสถานีเติมไฮโดรเจนมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับแผงเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Stack) ที่ใช้มีขนาดเล็กลงถึง 33 % และเพิ่มพลังงานได้ถึง 60 % เมื่อเทียบกับ เอฟซีเอกซ์ คแลริที รุ่นก่อนหน้านี้ และสามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 366 ไมล์ (ประมาณ 589 กม.) โดยเป็นรถรุ่นที่วิ่งได้ระยะทางไกลที่สุด เมื่อเทียบกับรถประเภทฟิวเซลล์และรถไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 28.3 กม./ลิตร สำหรับการขับขี่แบบผสม เท่าที่ได้สัมผัสเป็นในสนามทดสอบที่จำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ฮอนดา คแลริที พลัก-อิน ไฮบริด ปี 2018 มีแผนการเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาช่วงปลายปีนี้ วิ่งโดยใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดได้ระยะทางถึง 47 ไมล์ (ประมาณ 75.6 กม.) ซึ่งเป็นระยะทางที่วิ่งได้ไกลที่สุดเมื่อเทียบกับรถพลัก-อิน ไฮบริด ขนาดกลางรุ่นอื่น และสามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 340 ไมล์ (ประมาณ 547 กม.) ในโหมดการใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle 4 สูบ 16 วาล์ว ที่เป็นแหล่งพลังงานขับเคลื่อนโดยตรง เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับแบทเตอรี ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม. และแบทเตอรี 17 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ชาร์จไฟได้เต็มใน 2.5 ชั่วโมง (ไฟ 240 โวลท์) โดย คแลริที พลัก-อิน ไฮบริด มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำถึง 46.8 กม./ลิตร ดีที่สุดในรถยนต์ประเภทเดียวกัน สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมด เพื่อให้เหมาะกับทุกสภาพการขับขี่และเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด ได้แก่ โหมดปกติ (Normal Mode) โหมดประหยัด (Econ Mode) และโหมดสปอร์ท (Sport Mode) และนอกจากนี้ยังมีโหมดที่ 4 HV Mode เพื่อรักษาสภาพการชาร์จแบทเตอรี โดยสามารถเลือกโหมดนี้ควบคู่ไปกับ โหมดปกติ (Normal Mode) โหมดประหยัด (Econ Mode) และโหมดสปอร์ท (Sport Mode) ได้อีกด้วย ฮอนดา คแลริที อีเลคทริค ปี 2017 เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถซีดานที่มีห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย ในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ และตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 30.6 กก.-ม. และแบทเตอรี 25.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟได้เต็มใน 3 ชั่วโมง (ไฟ 240 โวลท์) และเมื่อใช้การชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้าแบบกระแสตรง ผ่านหัวชาร์จมาตรฐาน SAE (SAE Combined Charging System) จะสามารถชาร์จแบทเตอรีจาก 0-80 % ในเวลาเพียง 30 นาที และสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมด เช่นเดียวกับ คแลริที พลัก-อิน ไฮบริด ระหว่างรอคิวทดลองขับ ฮอนดา คแลริที ซีรีส์ ได้มีการจัดรถรุ่นที่ทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นมาให้ทดลองขับ อีก 3 รุ่น ได้แก่ ฮอนดา ออดิสซีย์ ไฮบริด พรีเมียมเอมพีวี ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน I-MMD (Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive) อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำถึง 26.0 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน JC08 MODE) โดยติดตั้งแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ไว้ใต้พื้นที่นั่งแถวแรก ทำให้ห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย เช่นเดียวกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน ตามด้วย ฮอนดา ฟิท ไฮบริด และฮอนดา กเรศ ไฮบริด ซีดาน (แจซซ์ กับ ซิที ในบ้านเรา) โดยทั้ง 2 รุ่น ใช้ระบบขับเคลื่อน I-DCD (Sport Hybrid Intelligent Dual Clutch Drive) ใช้พลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ผสานกับเครื่องยนต์ Atkinson Cycle DOHC I-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร กับเกียร์ DCT แบบ 7 จังหวะ พร้อมหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (IPU: Intelligent Power Unit) และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน เริ่มต้นการทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว และจะเปลี่ยนโหมดอัตโนมัติระหว่างการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า การขับขี่แบบไฮบริดผสม และการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ ตามทุกสภาพใช้งาน โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำถึง 36.4 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน JC08 MODE) จากนั้น ช่วงบ่ายคณะสื่อมวลชนไปเยี่ยมชม ฮอนดา คอลเลคชัน ฮอลล์ และมีโอกาสทดลองใช้งาน UNI-CUB β พาหนะส่วนบุคคลรูปแบบใหม่ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีควบคุมการทรงตัว และระบบล้อขับเคลื่อนรอบทิศทาง ซึ่งพัฒนามาจากการค้นคว้าและวิจัยหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ของ อซิโม (Asimo) ซึ่งช่วยให้ ยูนิ-คับ สามารถเคลื่อนที่ได้รอบทิศทางอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งเดินหน้า ถอยหลัง ด้านข้าง และแนวทแยง เพียงโน้มน้ำหนักตัวไปในทิศทางที่ต้องการ ทั้งยังมีรูปทรงกะทัดรัด จึงตอบโจทย์การใช้งานของผู้คนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังได้ทดลองใช้งาน นวัตกรรมเครื่องช่วยเดิน (Walking Assist) ที่มีการศึกษาวิจัยและพัฒนามาตั้งแต่ปี 2542 และตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา โรงพยาบาลและสถาบันทางการแพทย์กว่า 50 แห่งในประเทศญี่ปุ่น ได้นำเครื่องช่วยเดินไปใช้บำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพการเดินของผู้ที่เข้ารับการรักษา ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ และนักกายภาพบำบัด นับเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ฮอนดา ในการ “สร้างสรรค์คุณค่าของการเคลื่อนที่ และการดำเนินชีวิต” ขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้
ABOUT THE AUTHOR
เ
เอกลักษณ์ สูยะศุนานนท์ akaluk@imc.co.th
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตคอลัมน์ Online : เรื่องน่ารู้