อุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกในปัจจุบัน เริ่มมีทิศทางที่ปรับเปลี่ยนไป ในแนวทางตามแต่ข้อมูลของแต่ละบริษัท จะมีอยู่ในมือ พร้อมทั้งพยายามปรับเปลี่ยนตนเองให้เข้ากับยุคสมัย ที่เห็นได้ชัดจากงานแสดงรถยนต์ในปัจจุบัน ก็คือ การเข้ามาของรถไฟฟ้า ซึ่งมีมากมายหลายค่าย หลายยี่ห้อ แม้ว่าจะมีผู้แสดงความคิดเห็นว่า ยังอีกนาน กว่ารถไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในได้ แต่การรอคอย หรือการตั้งรับ ไม่ใช่วิสัยของผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ค่าย Ford นับเป็นผู้แสดงวิสัยทัศน์อย่างชัดเจน ประกาศปรับสายการผลิตรถยนต์สำหรับอเมริกาเหนือ โดยยกเลิกบรรดารถเก๋งขนาดเล็กทั้งหมด คงเหลือเพียง รถสปอร์ท Mustang และ Focus Active ภายในระยะอันใกล้นี้ ส่วนที่เหลือจะยังคงเป็นบรรดารถเอสยูวี, รถบรรทุก และรถเพื่อการพาณิชย์ Ford ประกาศเหตุผลอย่างชัดเจนว่า การปรับลดรุ่นรถในครั้งนี้ เกิดจาก “ความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลง และผลกำไรจากผลิตภัณฑ์” ทำให้ไม่คุ้มกับการที่จะต้องพัฒนารุ่นใหม่ๆ ขึ้นมา พร้อมกันนี้ยังประกาศด้วยว่า จะเพิ่มรุ่นไฮบริด ในรถหลายรุ่น ตั้งแต่ Mustang. Explorer และ F-150 ในอนาคต รวมทั้งจะเปิดตัว Mach 1 เอสยูวีไฟฟ้า ในปี 2563 โดยจะมีรถไฟฟ้าจำหน่ายในตลาดทั้งสิ้น 16 รุ่น ภายในปี 2565 เหตุผลหลักอีกอย่างหนึ่งในปัจจุบัน คือ ผู้คนไม่ค่อยต้องการเป็นเจ้าของรถด้วยตนเอง เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยให้การสั่งซื้อของออนไลน์ เป็นไปโดยสะดวก ไม่จำเป็นต้องไปถึงร้านค้า และผู้ให้บริการจัดส่งสิ่งของในลักษณะของไปรษณีย์ ก็เพิ่มมากขึ้น ทั้งยังมีการให้บริการลักษณะแทกซี ในชื่อ Ride-Sharing เมื่อต้องการเดินทางระยะสั้นๆ ก็เรียกหาได้ง่าย รวมทั้งการเข้ามาของยานยนต์ไร้คนขับ ทำให้ผู้บริโภค พิจารณาถึงความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของรถยนต์สักคัน หากมีรถยนต์ที่ให้ความสะดวกสบายมากกว่าเข้ามาแทนที่ ก็น่าจะเลือกซื้อหาไว้ใช้ในอนาคตดีกว่า นั่นคือวิสัยทัศน์ของค่าย Ford ในปัจจุบัน