Ford Everest Titanium + ใหม่ มาพร้อมระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนนของ Ford ซึ่งผสานระบบเบรคแบบ Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กม./ชม. ขึ้นไป
Ford Everest ใหม่ มาพร้อมความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยฟีเจอร์ใหม่มากมาย เช่น ระบบตรวจจับลมยาง (Tire Pressure Monitoring System) ประตูท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี กุญแจรีโมทอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
ระบบตรวจจับลมยาง (Tire Pressure Monitoring System) ซึ่งได้รับการติดตั้งในรถระดับนี้เป็นครั้งแรก จะคอยตรวจวัดความดันลมในยางล้อทั้ง 4 ล้อ และเตือนผู้ใช้งานเมื่อความดันลมเปลี่ยนแปลง ระบบนี้นอกจากจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้น้ำมันแล้ว ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย และยืดอายุการใช้งานของยางอีกด้วย
นอกจากนี้ ผู้ขับขี่จะได้รับความสะดวกสบายจากระบบประตูท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี เพียงยื่นเท้าไปที่ใต้กันชนท้าย ประตูท้ายจะเปิดโดยอัตโนมัติ
Ford Everest ใหม่ ทุกรุ่น ยังมาพร้อมกุญแจรีโมทอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทรถได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และขึ้น/ลงรถได้สะดวกสบายกว่าเดิม
Ford Everest ใหม่ ทุกรุ่น ได้รับการติดตั้งระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) ซึ่งรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบบลูทูธ จอทัชสกรีน ฟูลล์คัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และกล้องมองหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้งาน Apple Maps และระบบแผนที่นำทางด้วยดาวเทียมซึ่งติดตั้งมากับรถ เมื่อออกนอกพื้นที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์อีกด้วย
ระบบซิงค์ 3 ยังมาพร้อมระบบจดจำเสียง และระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทย เพื่อการใช้งานที่คล่องตัวยิ่งขึ้น
ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance) คือ ระบบ SYNC® ที่ได้รับการพัฒนามาขึ้นอีกขั้น เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ ด้วยระบบ SYNC® และต่อสายไปที่เบอร์ 1669 เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน
ขุมกำลัง 2 ทางเลือก รุ่น 2.0 Turbo ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลัง 180 แรงม้า ขับเคลื่อน 2 ล้อหลังเท่านั้น ส่วนรุ่น 2.0L Titanium และ 2.0 Bi-Turbo เป็นเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ ขนาด 2.0 ลิตร กำลัง 213 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมโหมดขับเคลื่อนหลากหลาย ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อมโหมดบวก/ลบ ระบบความปลอดภัย ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ (Driver Alert System) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control) ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ระบบตรวจจับรถในจุดบอด (BLIS-Blind Spot Information System) ที่มาพร้อมระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด (Cross Traffic Alert) และกล้องมองหลังขณะถอยจอด และสัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า (Rear View Camera and Sensors) Ford Everest ใหม่ เพิ่มรุ่นเริ่มต้น คือ รุ่น 2.0 Turbo Trend 4x2 ราคา 1,299,000 บาท มาให้เลือก โดยรุ่นมาตรฐาน คือ 2.0 Turbo Titanium 4x2 ราคา 1,439,000 บาท รุ่น 2.0 Turbo Titanium + 4x2 ราคา 1,599,000 บาท และรุ่นทอพ 2.0 Bi-Turbo Titanium + 4x4 ราคา 1,799,000 บาท มีสีให้เลือกทั้งหมด 6 สี รวมถึงสีใหม่ Diffused Silver Metallic และสีมาตรฐาน ได้แก่ Aluminum Metallic, Absolute Black Metallic, Arctic White, Sunset Metallic และ Blue Reflex Metallic Ford Everest 2.0 Turbo Trend 4x2 เข้มด้วยกระจังหน้าสีเทาดำ และแผ่นกันกระแทกในกันชนหน้า/หลังสีดำ กับล้อขนาด 17 นิ้ว ยาง 265/65 R17 อุปกรณ์มาตรฐานที่ให้มา กุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ท ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย/ขวา เบาะหนังสีดำ ระบบสั่งงานด้วยเสียง 3 ภาษาไทย หน้าจอ Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว พร้อม Bluetooth และ Wi-Fi ลำโพง 9 ตัว พร้อมซับวูฟเฟอร์และแอมพลิฟลายเออร์ เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ได้แก่ ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน ถุงลมนิรภัย 7 จุด คู่หน้า / ด้านข้าง / หัวเข่าฝั่งคนขับ / และม่านถุงลมนิรภัย และกล้องมองหลังขณะถอยจอด Ford Everest 2.0 Turbo Titanium 4x2 กระจังหน้าโครเมียม และแผ่นกันกระแทกในกันชนหน้า/หลังสีเงิน ล้อขนาด 18 นิ้ว ยาง 265/60 R18 อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมจากรุ่น Trend ได้แก่ ไฟหน้าแบบ HID ปรับระดับสูง/ต่ำอัตโนมัติ ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ ไฟท้าย LED ประตูท้ายเปิด/ปิด ด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Ford Everest 2.0 Turbo Titanium + 4x2 มาเต็มกับล้อขนาด 20 นิ้วเท่าเดิม แต่เปลี่ยนลายล้อใหม่แบบก้านคู่ (Split-Spoke) ยางขนาด 265/50 R20 และแต่งแถบบันไดข้าง อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมจากรุ่น Titanium ได้แก่ หลังคา Panoramic Moonroof เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะแถวที่ 3 พับไฟฟ้า ระบบแผนที่นำทาง เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ได้แก่ ระบบตรวจจับลมยาง ระบบตรวจจับรถในจุดบอด ระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมตรวจจับคนเดินถนน เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ ทั้ง ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัจฉริยะ ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ Ford Everest 2.0 Bi-Turbo Titanium + 4x4 เพิ่มสีใหม่ DiffusedSilver อุปกรณ์มาตรฐาน เหมือนกับรุ่น Titanium + แต่ได้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 213 แรงม้า ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ พร้อมระบบ Terrain Management เฟืองท้ายแบบ Electronic Locking Rear Differential และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน