ธุรกิจ
โตโยตา ฉลองความสำเร็จ ผลิตรถยนต์ครบ 10 ล้านคัน
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ฉลองความสำเร็จยอดการผลิตรถยนต์ โตโยตา ครบ 10 ล้านคัน ณ โรงงาน โตโยตา สำโรง จ. สมุทรปราการก้าวแรกที่มุ่งมั่น สู่สิบล้านคันของความสำเร็จ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี 2505 ภายใต้ปรัชญา "ส่งเสริมพัฒนาการอย่างยั่งยืนของสังคมและประเทศที่โตโยตาเข้าไปดำเนินธุรกิจ" ส่งผลให้ธุรกิจรถยนต์ของ โตโยตา เจริญก้าวขึ้นโดยลำดับ จวบจนปัจจุบันกว่า 56 ปี ภายใต้การลงทุนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จากโรงงานผลิต 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานประกอบรถยนต์สำโรง จ. สมุทรปราการ โรงงานประกอบรถยนต์เกทเวย์ อ. แปลงยาว จ. ฉะเชิงเทรา และโรงงานประกอบรถยนต์บ้านโพธิ์ อ. บ้านโพธิ์ จ. ฉะเชิงเทรา ด้วยความร่วมมือร่วมใจ และความทุ่มเทของพนักงานทุกคน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้รับผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด นำมาสู่การบรรลุยอดการผลิตครบ 10 ล้านคัน และเป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จของ โตโยตา
การก้าวย่างสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงของ โตโยตา ในประเทศไทย สามารถแบ่งออกเป็น 6 ยุคด้วยกัน เริ่มจากยุคที่ 1 ก่อร่างสร้างฐาน “ก้าวแรกแห่งการร่วมเดินเคียงข้างคนไทย” (ระหว่างปี 2505 - 2515) โดยก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์แห่งแรกขึ้นที่ ต. สำโรงเหนือ เพื่อประกอบรถรุ่นแรก คือ โตโยตา ไดนา เจเค 170 และโคโรนา อาร์ที 40 ตามด้วย ไฮลักซ์ อาร์เอน 10 และโคโรลลา เคอี 20 ด้วยอัตราการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศถึงร้อยละ 25
ยุคที่ 2 คือ ยุคแห่งการพัฒนา “มุ่งมั่นบนเส้นทางแห่งการพัฒนาและเสริมสร้างความเชื่อมั่น” (ระหว่างปี 2516 - 2525) ด้วยการขยายกำลังการผลิต ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์แห่งที่ 2 ใน ต. สำโรงใต้ จ. สมุทรปราการ เป็นโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีการประกอบโดยใช้สายพานการผลิตระบบแขนกลอัตโนมัติเชื่อมตัวถัง และระบบเคลือบสีป้องกันสนิม แคทไอออนอีดีพี เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยยอดการผลิตในประเทศครบ 100,000 คัน ในปี 2523
ยุคที่ 3 ยุคหน้า โตโยตา “มุ่งหน้าสร้างความมั่นคง ส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนไทย” (ระหว่างปี 2526 - 2535) ได้แสดงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ ด้วยการร่วมทุนก่อตั้ง บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด เพื่อผลิตเครื่องยนต์สำหรับรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและส่งออกพร้อมแนะนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ทวินแคม 16 วาล์ว เป็นรายแรกของประเทศในรุ่น “โคโรลลา เออี 92” ทำให้สามารถประกอบรถยนต์ได้ครบ 500,000 คัน ในปี 2535
ยุคที่ 4 ยุคประชายานยนต์ “สร้างสรรค์ยนตรกรรม เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ” (ระหว่างปี 2536 - 2545) เปิดโรงงานประกอบรถยนต์ โตโยตา ที่นิคมอุตสาหกรรมเกทเวย์ เพื่อผลิตรถยนต์นั่ง โดยในปี 2539 สามารถผลิตรถยนต์ครบ 1 ล้านคัน ด้วยกำลังการผลิตจาก 3 โรงงานหลัก รวมถึงแนะนำเครื่องยนต์ระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-I ครั้งแรกใน “โคโรลลา อัลทิส” และเปิดตัวรถ "โตโยตา โซลูนา" รุ่นแรก ที่วิศวกรชาวไทยมีส่วนร่วมในการออกแบบและใช้ชิ้นส่วนประกอบภายในประเทศกว่าร้อยละ 70
ยุคที่ 5 ยุคเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม “ยนตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม บูรณาการความรับผิดชอบเพื่อสังคมไทย” (ระหว่างปี 2546 - 2555) โดยเป็นบริษัทแรกที่แนะนำระบบไฮบริดเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งได้รับการยกระดับให้เป็นฐานการผลิตและส่งออกหลักของรถกระบะขนาด 1 ตัน ในกลุ่มบริษัท โตโยตา ภายใต้โครงการ IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicle) เพื่อผลิตรถกระบะ “ไฮลักซ์” และรถอเนกประสงค์ “ฟอร์ทูเนอร์” และในปี 2550 ได้ก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ โตโยตา บ้านโพธิ์ ขึ้นที่ จ. ฉะเชิงเทรา เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับการขยายตัวในประเทศ และส่งออกกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้ โตโยตา สามารถผลิตรถยนต์ได้ครบ 5 ล้านคัน ในปี 2553 ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียงครึ่งหนึ่งของการผลิตครบ 1 ล้านคันในอดีต
ยุคที่ 6 ยุคนวัตกรรมแห่งความยั่งยืน “สร้างสรรค์นวัตกรรมการขับเคลื่อน “ที่ดียิ่งกว่า”เพื่อทุกคน” (ระหว่างปี 2556 - ปัจจุบัน) แนะนำ ยารีส เอทีฟ อีโคคาร์ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี และโตโยตา ซี-เอชอาร์ ที่มาพร้อมกับ 4 เทคโนโลยีใหม่มาตรฐานระดับโลกของรถ โตโยตา ได้แก่ ระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 สถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ (Toyota New Global Architecture หรือ TNGA) มาตรฐานความปลอดภัยใหม่ระดับโลกของรถ โตโยตา (Toyota Safety Sense หรือTSS) และระบบที่เชื่อมต่อรถและผู้ใช้รถให้เป็นหนึ่งเดียว (Toyota T-Connect Telematics)
โตโยตา ยืนหยัดเคียงข้างคนไทย เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 56 ปี โตโยตา มีความภาคภูมิใจที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมและส่งเสริมการลงทุนร่วมกับภาครัฐในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนถ่ายทอดเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำหน้า ส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรในประเทศให้สูงขึ้น จนก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 240,000 คน มีผู้ผลิตชิ้นส่วนลำดับแรก (First Tier Suppliers) 172 ราย และผู้แทนจำหน่ายฯ 155 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ
ปัจจัยที่มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในปัจจุบัน คือ ความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้ยึดมั่นอยู่ในคุณภาพสูงสุด ภายใต้ระบบการผลิตแบบ โตโยตา หรือ Toyota Production System (TPS) ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ปัจจุบันการผลิตของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มีกำลังการผลิต 750,000 คัน/ปี มีพนักงานกว่า 14,500คน โดยยอดจำนวนการผลิต 10 ล้านคัน เกิดจากโรงงานประกอบรถยนต์ โตโยตา ทั้ง 3 แห่ง แบ่งออกเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 5.8 ล้านคัน และส่งออกจำนวน 4.2 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการส่งออกสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยกว่า 2,589,000 ล้านบาท*
(*ตั้งแต่ปี 2535 - เดือนพฤษภาคม ปี 2561)
มิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวแสดงความขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ “โตโยตา ตระหนักดีว่า ความสำเร็จในวันนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากปราศจากซึ่งการช่วยเหลือและสนับสนุนจากทุกท่าน โตโยตา ย่อมไม่สามารถเติบโตได้ดังเช่นทุกวันนี้ ผมขอขอบคุณลูกค้าของเราที่มอบความไว้วางใจให้กับ โตโยตา เสมอมา และแสดงความขอบคุณไปยังรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมและให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมยานยนต์มาโดยตลอด ที่สำคัญผมขอขอบคุณท่านผู้แทนจำหน่ายและผู้ผลิตชิ้นส่วน โตโยตา รวมไปถึงผู้ถือหุ้น และพันธมิตรทางธุรกิจของเราสำหรับความร่วมมืออย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา”
ดร. อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีต่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในโอกาสที่บริษัทฯ ได้ผลิตรถยนต์ครบ 10 ล้านคัน และขอขอบคุณ โตโยตา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น ที่ให้ความไว้วางใจประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์สำคัญ ความสำเร็จของ โตโยตา ครั้งนี้ เป็นผลมาจากการลงทุนในโครงการผลิตรถยนต์หลายโครงการที่สนับสนุนนโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นโครงการผลิตรถ Pick-up การลงทุนรถยนต์ประหยัด Eco car เป็นผู้นำในการลงทุนผลิตรถยนต์ไฮบริด และแบทเตอรี เป็นรายแรก ด้วยมูลค่าการลงทุนเกือบ 20,000 ล้านบาท ตลอดจนถ่ายโอนความรู้และเทคโนโลยีเข้ามาในประเทศ และดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม แสดงถึงความมุ่งมั่นของ โตโยตา ที่จะเติบโตเคียงคู่พร้อมสังคมไทย
โตโยตา จึงเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ภาคธุรกิจในการร่วมมือกับภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ตาม Thailand 4.0 Roadmap และผมขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด สำหรับความสำเร็จในการผลิตรถยนต์ครบ 10 ล้านคัน และขออำนวยพรให้บริษัทฯ มีความเจริญก้าวหน้าและมั่งคง พร้อมยืนหยัดสร้างสรรค์การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยให้ก้าวไกลเป็นผู้นำในระดับโลก”
นอกจากนี้ มิจิโนบุ ซึงาตะ ยังกล่าวถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศไทยและทิศทางในอนาคตว่า “โตโยตา ยังคงมุ่งมั่นสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบุคลากร ส่งเสริมการจ้างงาน ควบคู่ไปกับการตอบสนองนโยบายของภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน ในระดับโลก นอกจากนี้ยังส่งเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันของประเทศไทย ด้วยความร่วมมือกับ โตโยตา ไดฮัทสุ เอนจิเนียริง แอนด์ แมนูแฟคเจอริง มุ่งพัฒนาขีดความสามารถด้านการวิจัยและการพัฒนาของวิศวกรไทยให้สูงขึ้น อีกทั้งยังสร้างสรรค์ยนตรกรรมแห่งการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า ("Ever-better" Mobility) และจะเพิ่มการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และส่งเสริมการพัฒนาด้านบุคลากร เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างความสุขให้แก่ลูกค้าของเรา”