เรื่องน่ารู้
BMW Fleet Review 2018
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย พาสื่อมวลชนเปิดประสบการณ์การขับขี่ครั้งยิ่งใหญ่ ยกทัพยนตรกรรมพรีเมียมจาก BMW หลากหลายซีรีส์มาให้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ในกิจกรรมทดสอบรถยนต์ BMW Fleet Review 2018 ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี ในวันที่ 14-16 สิงหาคม 2561 โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสการขับขี่กันทั้ง 3 Series, 4 Series, 5 Series และ 6 Series รวมทั้งตระกูล M กับตระกูล X และนวัตกรรมการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดอย่าง BMW Connected Drive
BMW 320d M Sport ได้รับการออกแบบเพื่อสุนทรียะในการขับขี่ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. ที่ 1,750-2,500 รตน. สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.
โฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่ง M Sport รอบคัน และช่วงล่าง M Sport BMW 320d M Sport ยังมาพร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้ว ลาย Star-Spoke ขอบหน้าต่างภายนอกตกแต่งด้วย Black high-gloss รับกันอย่างลงตัวกับหลังคา ภายในสีดำ Anthracite ตัดกับอลูมิเนียมลาย Hexagon พร้อมแถบสีดำเงา และพวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันหุ้มหนังแท้ดีไซจ์น M อำนวยความสะดวกยิ่งขึ้นด้วยระบบเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง (Park Distance Control) ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) เซนเซอร์ควบคุมความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side impact protection) พร้อมระบบบันเทิงล้ำสมัย จอภาพขนาด 6.5 นิ้ว ปุ่มควบคุม iDrive และการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth และช่อง USB
BMW 330e M Sport เป็นนวัตกรรมที่ครบเครื่องด้วยประโยชน์ใช้สอยและความหรูหรา ประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยี iPerformance ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 184 แรงม้า พร้อมแรงบิด 29.6 กก.-ม. สู่ล้อรถได้อย่างราบรื่นในทุกรอบเครื่อง ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 89 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ให้สมรรถนะที่พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาทีตามสไตล์ระบบส่งกำลังไฟฟ้า ทำงานประสานกันกับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 จังหวะ เพื่อให้ขับขี่ได้สนุก ทันใจ โดยสามารถเลือกขับขี่โดยใช้พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ส่วนในโหมดไฮบริด 330e M Sport เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 225 กม./ชม. เมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 252 แรงม้า ทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 55.6 กม./ลิตร และลดระดับมลภาวะในการขับขี่กับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 42 กรัม/กม. เท่านั้น
330e M Sport มาพร้อมความโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่ง M Aerodynamic ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย Double-Spoke และช่วงล่าง M Sport สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งถูกปรับให้ต่ำกว่าเดิม 10 มม. พร้อมสปริงของช่วงล่าง M Sport และท่อนกันโคลงของช่วงล่างด้านหน้าและด้านหลัง ที่ช่วยลดอาการโยนในโค้ง เพิ่มความแม่นยำของการบังคับเลี้ยวโดยยังไม่ทิ้งความนุ่มนวลในการขับขี่ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับกระจกซันรูฟ สั่งงานเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมแผ่นเบนทางลมที่ติดตั้งมากับกระจกซันรูฟ ช่วยลดลมหมุนเวียนเข้ามาภายใน และลดเสียงรบกวนที่เกิดจากลมภายนอก ขณะที่ภายในห้องโดยสาร เติมเต็มความสปอร์ทกับพวงมาลัยดีไซจ์น M พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย เบาะนั่งแบบสปอร์ทพร้อมที่หนุนหลังปรับไฟฟ้า (Lumbar support) สำหรับเบาะนั่งตอนหน้า ระบบนำทาง เครื่องเสียงระบบ Hi-Fi แผงคอนโซลลาย Aluminium Hexagon และพนักพิงเบาะหลังสามารถปรับแบ่งพับได้แบบ 40:20:40 เพื่อความคล่องตัวในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุด
BMW 430i Convertible M Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมมอบกำลังสูงสุด 185 กิโลวัตต์/252 แรงม้า พร้อมแรงบิด 35.7 กก.-ม. มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 15.6 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 147 กรัม/กม. สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 6.3 วินาที และเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กม./ชม.
430i Convertible M Sport โดดเด่นด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว แบบ Double-Spoke และขอบหน้าต่างสีดำเงาจากชุดแต่ง BMW Individual หลังคาภายในตกแต่งอย่างสวยงามลงตัวด้วยวัสดุสีดำ Anthracite จาก BMW Individual พร้อมด้วยระบบเสียงรอบทิศทางจาก Harman Kardon
BMW 520d Sport สะท้อนให้เห็นความสง่างามที่เป็นตัวตนของ 5 Series โดยมาพร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้วแบบ Double-Spoke ที่ส่งให้ BMW Individual high-gloss Shadow Line อวดโฉมเส้นสายที่ยกระดับความโฉบเฉี่ยวไปอีกขั้น ในขณะที่ไฟหน้า Follow-me-home และไฟ Welcome Lighting ให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงความใส่ใจและบุคลิกภาพของรถยนต์ ตั้งแต่เริ่มจนจบการเดินทาง
ภายในของรถยนต์ซีดานรุ่นนี้มาพร้อมกับห้องโดยสารที่เอื้อต่อผู้ขับขี่และการตกแต่งด้วย Fine-wood trim ในสี Popular Grain Grey พร้อมด้วย Highlight Trim Finisher สีโครเมียมมุก ที่เข้าคู่อย่างสมมบูรณ์แบบกับพวงมาลัยและเบาะหนัง พร้อมระบบ BMW Gesture Control และหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ที่ช่วยให้การควบคุมระบบความบันเทิงและฟังค์ชันโทรศัพท์แบบมาตรฐานเป็นไปอย่างง่ายดายและชาญฉลาด
เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 40.8 กก.-ม. มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.5 วินาที เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 20 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 เพียง 132 กรัม/กม.
BMW 530e M Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 29.6 กก.-ม. ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 133 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 25.5 กก.-ม. เมื่อทำงานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังสูงสุด 252 แรงม้า และแรงบิดรวม 42.8 กก.-ม. ด้านอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 55.6 กม./ลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 41 กรัม/กม. เท่านั้น สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 6.2 วินาที และเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กม./ชม.
นอกจากโหมด Sport, Comfort และ Eco Pro ผู้ขับขี่สามารถใช้ eDrive เพื่อเปิดการใช้งานระบบ BMW eDrive ซึ่งช่วยให้ทุกการเดินทางแม่นยำมากขึ้นด้วยอีก 3 โหมดเพิ่มเติม คือ Auto eDRIVE, Max eDRIVE และ Battery Control และยังมาพร้อมระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด (Parking Assistance) หน้าจอความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ซึ่งนอกจากจะควบคุมโดยปุ่ม iDrive Controller ยังสามารถสั่งการด้วยการกดปุ่มบนหน้าจอ หรือด้วยระบบการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) อีกด้วย และระบบการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (BMW Gesture Control)
530e M Sport ใช้ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-Spoke ระบบจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ (BMW Head-Up Display) หลังคากระจกเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ขอบหน้าต่างภายนอกตกแต่งแบบ BMW Individual high-gloss พร้อมชุดตกแต่งภายนอก M Aerodynamics
นอกจากนี้ ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด (Parking Assistance) จะทำให้การจอดรถง่ายดายขึ้นด้วยระบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการจอดรถในรูปแบบแนวขนาน หรือการจอดแบบเข้าซอง ระบบอุลทราโซนิคเซนเซอร์ (Ultrasonic Sensors) สามารถช่วยค้นหาพื้นที่จอดที่เหมาะสมได้ในขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงสุด 35 กม./ชม. โดยเมื่อพบจุดจอดแล้ว ระบบจะทำการจอดรถเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเกียร์ หมุนพวงมาลัย ตลอดจนผ่อนคันเร่ง หรือเบรคโดยอัตโนมัติ และในกรณีที่พื้นที่จอดรถทำมุมกับถนน ระบบจะต้องการพื้นที่ว่างด้านข้างตัวรถเพียงข้างละ 40 ซม. เท่านั้นในการทำงานแบบอัตโนมัติ
ด้วยการเลือกใช้วัสดุอลูมิเนียมและเหล็กกล้าคุณภาพสูง ในส่วนโครงสร้างตัวรถและแชสซีส์ BMW 630d GT M Sport จึงมีน้ำหนักลดลงจาก 5 Series GT รุ่นก่อนหน้าราว 150 กก. ซึ่งเมื่อนำไปผสมผสานกับคุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเครื่องยนต์ใหม่ที่ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงทำให้ 630d GT M Sport มีสมรรถนะดีกว่า ทั้งยังประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ที่เป็นหัวใจของ 630d GT M Sport เสริมกำลังด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ล้ำสมัย ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic มอบพละกำลังสูงสุด 265 แรงม้า พร้อมให้แรงบิดสูงสุดที่ 63.2 กก.-ม. เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม. ขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 17.7 กม./ลิตร และ 149 กรัม/กม. เท่านั้น
ประตูท้ายรถแบบบานเดี่ยวที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า เบาะที่นั่งปรับเอนได้แบบ 40:20:40 สามารถพับให้เป็นพื้นราบสำหรับเก็บสัมภาระได้ด้วยปุ่มกดบริเวณพื้นที่กระโปรงท้าย ส่วนฝาปิดช่องเก็บสัมภาระแบบ 2 ชิ้น มาพร้อมกับโครงสร้างแข็งแกร่งทนทาน และสามารถพับเก็บไว้ใต้พื้นกระโปรงท้ายได้
มาพร้อมระบบควบคุมและแสดงผลนำเสนอที่สุดแห่งความครบถ้วนในการควบคุมรถยนต์ การนำทาง รวมถึงฟังค์ชันการสื่อสารและระบบบันเทิงได้อย่างไม่มีใครเทียบ ด้วยระบบ iDrive ที่เป็นแกนหลักของการสั่งงานรถยนต์รุ่นนี้ ทั้งยังเสริมประสิทธิภาพการใช้งานด้วยระบบสัมผัสบนหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง ขนาด 10.25 นิ้ว ระบบการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) และระบบการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (BMW Gesture Control)
BMW X2 ที่มาพร้อมรูปทรงโฉบเฉี่ยวและดีไซจ์นที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ทคูเปเข้ากับความแข็งแกร่งทรงพลังในแบบฉบับ BMW ตระกูล X โดยเป็นครั้งแรกที่กระจังหน้าไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW มีรูปทรงส่วนฐานด้านล่างกว้างกว่าด้านบน สร้างมิติให้รถดูกว้างและโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ตอกย้ำความสปอร์ทด้วยช่องดักอากาศลวดลายหกเหลี่ยม นอกจากนี้ BMW X2 ยังเป็นรุ่นแรกในตระกูล X ที่มีตราของ BMW ประดับอยู่บนเสา C-pillar ทั้ง 2 ข้าง ในดีไซจ์นที่คล้ายคลึงกับรถยนต์ระดับตำนาน 2000 CS และ 3.0 CSL 3.0 CSL
X2 มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน M Sport X สร้างความสะดุดตาด้วยสเกิร์ทและซุ้มล้อสี Frozen Grey ตัดกับสีตัวถังอย่างลงตัว สร้างมิติความกว้าง และย้ำถึงเอกลักษณ์ความแข็งแกร่ง ท่อไอเสียแบบคู่ยังสื่อถึงความทรงพลังของเครื่องยนต์ ในขณะที่ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาลาย Y-spoke ในสไตล์ M ขนาด 19 นิ้ว สะกดทุกสายตาด้วยเฟรมรอบซุ้มล้อรูปทรงเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ในสี Frozen Grey เช่นกัน
เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ BMW TwinPower Turbo 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รตน. และแรงบิดสูงสุด 28.6 กก.-ม. ที่ 1,350-4,600 รตน. เมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Steptronic คลัทช์คู่ 7 จังหวะ มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.7 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม.
อีกหนึ่งไฮไลท์อันโดดเด่นของ BMW X2 คือ หลังคากระจกแบบ Panorama 2 ส่วน ส่วนหน้าสามารถเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า สร้างความรู้สึกโล่งโปร่ง สะดวกสบาย ด้วยแสงสว่างที่เพียงพอภายในรถ พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ รวมถึงหน้าจอ Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว ปุ่มควบคุม iDrive พร้อมระบบสัมผัส ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกหน้าฝั่งคนขับ (BMW Head-Up Display) วิทยุพร้อมการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth และช่อง USB การเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth ช่อง USB และแท่นสำหรับอุปกรณ์เสริม ส่วนพื้นที่เก็บของที่มีความจุสูงสุด 470 ลิตร ช่วยให้ X2 สร้างความพึงพอใจและสะดวกสบายในทุกการขับขี่ของชีวิตประจำวัน
BMW X3 xDrive20d M Sport ยังคงเอกลักษณ์ความแข็งแกร่งบนท้องถนน และลุคสปอร์ทปราดเปรียวไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มาพร้อมกับล้ออัลลอย M ลาย Double-Spoke ขนาด 19 นิ้ว เสริมความสะดุดตาด้วยชุดตกแต่งรอบคันดีไซจ์น M Aerodynamics และขอบหน้าต่างสีดำเงา ภายในรถตกแต่งด้วย Aluminium Rhombicle Trim Finishers ตัดกับ Pearl Chrome พร้อมพวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันหุ้มหนังแบบ M Sport พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ และยังเสริมความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ และกล้องมองหลัง เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและแม่นยำในทุกเส้นทาง
ช่วงล่าง M Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลทรงพลัง 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Steptronic ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. ความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 8 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 213 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 17.6 กม./ลิตร และระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ยที่ 150 กรัม/กม.
ปุ่มควบคุม iDrive และสั่งงานด้วยระบบสัมผัส จอแสดงผลภาพความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ระบบการสั่งงานอัจฉริยะ BMW Gesture Control ที่สามารถควบคุมระบบนำทาง และระบบบันเทิงสื่อสาร ผ่านการเคลื่อนไหวของมือ และการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถสั่งงานโดยใช้ภาษาพูดในชีวิตประจำวันแทนที่การใช้ชุดคำสั่งที่กำหนดมา นอกจากนี้ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารยังสามารถเพลิดเพลินกับระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon เพื่อการเดินทางที่สุนทรีย์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ X3 xDrive20d M Sport ยังมาพร้อมระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด (Parking Assistance) ทำให้การจอดรถง่ายดายขึ้นด้วยระบบอุลทราโซนิคเซนเซอร์ (Ultrasonic Sensors) สามารถช่วยค้นหาพื้นที่จอดที่เหมาะสม โดยเมื่อพบจุดจอดแล้ว ระบบจะทำการจอดรถเองทั้งหมด
BMW M2 Coupe เป็นยนตรกรรมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบสปอร์ทโดยเฉพาะ มาพร้อมขุมกำลัง BMW M TwinPower Turbo 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้า ที่ 6,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 47.4 กก.-ม. ที่ 1,400-5,560 รตน. มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 4.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ควบคุมด้วยเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัทช์คู่ 7 จังหวะ ตอบสนองการขับขี่แบบรถแข่งได้ในทุกจังหวะและย่านความเร็ว
M2 Coupe มาพร้อมดีไซจ์นโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ททั้งภายนอกและภายใน ด้วยกันชนหน้าที่ใหญ่และดุดัน พร้อมกระจังหน้าในแบบเอกลักษณ์ของรถยนต์ตระกูล M และล้อขนาดใหญ่ 19 นิ้ว M Double-Spoke และโดดเด่นด้วยท่อไอเสียคู่แยกออก 2 ทาง มาพร้อม Adaptive LED หรือระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับตามทิศทางหมุนของพวงมาลัย กระจกซันรูฟ กล้องและเซนเซอร์ด้านหลัง
ภายในห้องโดยสารหรูหราปราดเปรียวด้วยโทนสีดำ พร้อมการดีไซจ์นที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งหลังคาภายในสี Anthracite พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันหุ้มด้วยหนังแบบ M และเบาะหนังประทับตราสัญลักษณ์อักษร M มอบความรู้สึกแบบรถสปอร์ทพันธุ์แท้ที่สมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังมีระบบ BMW Apps ที่รองรับการเชื่อมต่อ และทำงานร่วมกับแอพพลิเคชันต่างๆ เช่น M Laptimer ที่ช่วยบันทึกและวิเคราะห์การขับขี่ พร้อมทั้งแชร์ข้อมูลผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้ หรือ GoPro สำหรับการควบคุมกล้องวีดีโอทั้งภายในและภายนอกตัวรถ และเพลิดเพลินไปกับระบบเสียงไฮไฟ Harman Kardon
BMW M4 Coupe โดดเด่นด้วยตราสัญลักษณ์ M ซึ่งสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับรถยนต์สไตล์สปอร์ทตระกูล M โดยมีเครื่องยนต์เบนซิน BMW M TwinPower Turbo แบบ 6 สูบ เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุดถึง 431 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 56.1 กก.-ม. ที่ 1,850-5,500 รตน. มากกว่าแรงบิดสูงสุดของ M3 ประมาณ 40 % แต่สามารถลดอัตราสิ้นเปลืองพลังงานและอัตราการปล่อยมลพิษได้ถึง 25 % ที่เฉลี่ย 12.3 กม./ลิตร ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัทช์คู่ 7 จังหวะ และสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 4.1 วินาที
M4 Coupe มีน้ำหนักน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 80 กก. และด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงน้ำหนักที่เบา โดยใช้วัสดุเสริมใยคาร์บอน (CFRP) และอลูมิเนียม มาเป็นส่วนประกอบของโครงแชสซีส์และตัวถัง รวมทั้งหลังคาสร้างจากวัสดุเสริมใยคาร์บอนทั้งหมด
ภายในดีไซจ์นสปอร์ท ด้วยพวงมาลัยและเบาะที่นั่งแบบ M Sport บุหนังแท้ Merino เสริมความหรูหราด้วยการตกแต่งอลูมิเนียมลาย Blade พร้อมแถบโครเมียมสีดำ มาพร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน ม่านบังแดดกระจกหลังไฟฟ้า และสะดวกสบายด้วยการเชื่อมต่อเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ Head-Up Display ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon และแอพพลิเคชันสำหรับสมาร์ทโฟน
BMW Connected Drive: เชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด เพื่ออิสระในทุกจังหวะชีวิต
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เปิดตัว BMW Connected Drive สำหรับรถยนต์ BMW iPerformance ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยบริการ BMW Connected Drive สำหรับรถยนต์ BMW iPerformance จะเปิดให้ผู้ใช้งานควบคุมระบบต่างๆ ของรถได้จากระยะไกล อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับรถได้อย่างง่ายดาย ผ่านแอพพลิเคชัน BMW Connected บน iPhone โดยฟีเจอร์พิเศษสำหรับรถยนต์ BMW พลัก-อิน ไฮบริด ได้แก่
· การแสดงสถานะรถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสถานะและระดับของแบทเตอรี ระยะทางที่คาดว่าจะแล่นได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลืออยู่ และข้อมูลเกี่ยวกับการบำรุงรักษารถได้จากทุกที่ ทุกเวลา
· การควบคุมการชาร์จพลังงานไฟฟ้าและระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารจากระยะไกล ผู้ใช้งานสามารถเปิด/ปิดเครื่องปรับอากาศในห้องโดยสารได้ผ่านทางสมาร์ทโฟน หรือตั้งเวลาเปิด/ปิดล่วงหน้าให้ตรงกับเวลาที่ต้องการออกเดินทาง และหากรถยนต์เชื่อมต่ออยู่กับสถานีชาร์จ ผู้ใช้งานยังสามารถควบคุมการชาร์จด้วยการตั้งเวลาที่ต้องการได้ เพื่อเลือกให้ชาร์จไฟฟ้าในช่วง off peak หรือในช่วงเวลาที่มีความต้องการในการใช้ไฟฟ้าน้อยและมีอัตราค่าไฟฟ้าต่ำกว่าช่วงเวลาอื่นๆ
· ระบบการนำทาง ที่สามารถค้นหาและนำทางไปยังสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดได้อีกด้วย
· การประมวลและแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ของแต่ละบุคคล โดยวิเคราะห์รูปแบบการขับขี่และควบคุมรถยนต์บนท้องถนน
นอกจากฟีเจอร์สำหรับการใช้งานกับรถยนต์ BMW iPerformance แล้ว BMW Connected Drive ยังมาพร้อมฟีเจอร์อีกมากมายเพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัดแบบครบวงจร ระหว่างผู้ขับ ยานยนต์ และโลกภายนอก โดยมีบริการพื้นฐานได้แก่ BMW Teleservices บริการที่ช่วยจัดการนัดหมายอัตโนมัติ โดยรถยนต์ BMW จะสามารถรับรู้กำหนดของการบริการตามสภาพ (CBS) และทำการแชร์ข้อมูลของรถยนต์กับศูนย์บริการ BMW ที่คุณต้องการโดยอัตโนมัติ หรือผู้ขับขี่สามารถทำการติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของ BMW ด้วยตนเองผ่าน BMW Teleservice Call ในเมนู iDrive เพื่อนัดหมายการรับบริการล่วงหน้า พร้อมด้วย BMW Teleservice Battery Guard บริการที่คอยตรวจสอบระดับแบทเตอรีและแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยการส่งข้อความ SMS หรืออี-เมล หากระดับพลังงานในแบทเตอรีลดลงต่ำกว่าระดับมาตรฐาน และหากระดับพลังงานในแบทเตอรีต่ำกว่าจุดที่วิกฤต ศูนย์บริการจะได้รับการแจ้งให้ทราบโดยอัตโนมัติ เพื่อดำเนินการนัดหมายกับลูกค้าเพื่อเข้ารับบริการได้
และอีกหนึ่งบริการพื้นฐานของ BMW Connected Drive คือ Intelligent Emergency Call ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ติดต่อกับศูนย์บริการฉุกเฉินของ BMW ทางโทรศัพท์เพียงแค่กดปุ่ม SOS ซึ่งสามารถรองรับการบริการได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หรือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ระบบเซนเซอร์การชนจะส่งสัญญาณแจ้งตำแหน่งพิกัดรถ หมายเลขตัวถัง ชนิดของการชน สถานะของถุงลมนิรภัย และเข็มขัดนิรภัย ไปยังศูนย์บริการโดยอัตโนมัติเพื่อการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ ผู้ใช้งาน BMW Connected Drive สามารถเลือกเพิ่มบริการและแอพพลิเคชันตามความต้องการของตนได้ ผ่าน BMW Connected Drive Store โดยมีบริการและแอพพลิเคชันต่างๆ ดังนี้
- Concierge Services: ที่สุดของการบริการกับผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นไดเรคทอรีเบอร์โทรศัพท์ สถานที่ที่น่าสนใจ เวลาเปิดทำการของสถาบันทางวัฒนธรรม ข้อมูลเที่ยวบิน การแนะนำร้านอาหาร โรงแรม ร้านขายยา สนามกอล์ฟ หรือธนาคารที่อยู่ใกล้ที่สุด โดยผู้ใช้งานสามารถโอนย้ายที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ไปยังระบบนำทางของรถได้โดยตรง พร้อมแสดงเส้นทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ ผ่านระบบนำทางภายในรถในทันที ผ่านซิมคาร์ดที่ถูกติดตั้งไว้ในรถยนต์
- Apple CarPlay Support: เข้าถึงฟีเจอร์และแอพพลิเคชันโปรดใน iPhone จากรถยนต์ BMW ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านการเชื่อมต่อทาง Bluetooth ไม่ว่าจะฟังเพลง รับสายโทรศัพท์ หรือการใช้งานแผนที่ Apple Map, iMessage และแอพพลิเคชันต่างๆ จาก iPhone ผ่านการสัมผัสหน้าจอ Control Display ระบบควบคุม iDrive หรือระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
- ระบบนำทางพร้อมข้อมูลการจราจรจาก Real-Time Traffic Information (RTTI) ที่สามารถแสดงข้อมูลสภาพการจราจรแบบนาทีต่อนาที เพื่อแนะนำเส้นทางไปยังจุดหมายที่รวดเร็วที่สุด พร้อมแสดงสภาพอากาศบนแต่ละเส้นทาง ผ่านทั้งระบบนำทางภายในรถ และแอพพลิเคชัน BMW Connected
- Web Radio: ฟังเพลงโปรดผ่านวิทยุออนไลน์กว่าหมื่นสถานีจากทั่วโลก หรือเลือกฟังเพลงจากสถานีวิทยุส่วนตัวบนอินเตอร์เนทอย่าง Spotify ได้อย่างง่ายดายผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
- BMW Online: ติดตามข้อมูลข่าวสารและสภาพอากาศล่าสุดจาก RSS feed และข้อมูลสภาพอากาศประจำวันโดยละเอียด รวมถึงพยากรณ์อากาศล่วงหน้า 4 วัน และยังมีบริการ Online Search ที่สามารถค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่ต่างๆ และส่งข้อมูลไปยังระบบนำทางในรถโดยอัตโนมัติ
- Remote Services: เข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของรถยนต์ เช่น ระยะทาง หรือสถานะของหน้าต่างและประตูจากแอพพลิเคชัน BMW Connected บนโทรศัพท์ หรือเวบไซท์ BMW Connected Drive ซึ่งบริการนี้ยังสามารถควบคุมระบบปรับอากาศและระบบไฟจากระยะไกลได้
และเพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดมากยิ่งขึ้นในทุกที่และทุกเวลา ผู้ใช้งานยังสามารถเชื่อมต่อบริการ BMW Connected Drive เข้ากับแอพพลิเคชัน BMW Connected เพื่อใช้งานเทคโนโลยีล้ำสมัยของ BMW ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพผ่านทาง iPhone หรือ Apple Watch ซึ่ง BMW Connected มาพร้อมบริการที่สามารถอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน ได้แก่
- BMW Connected Send To Car: ส่งข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของจุดหมายปลายทางที่ค้นหาไว้ทางอินเตอร์เนท หรือสมาร์ทโฟน หรือข้อมูลนัดหมายการประชุมจากปฏิทิน ไปยังระบบนำทางในรถยนต์ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
- Time-To-Leave Notification: แอพพลิเคชัน BMW Connected จะแจ้งเตือนเวลาที่ควรออกเดินทางผ่านทางสมาร์ทโฟน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานจะเดินทางถึงที่หมายได้ทันเวลา โดยระบบจะคำนวณเวลาในการเดินทางจากตำแหน่งของรถและสภาพการจราจรในช่วงเวลานั้น
- BMW Connected Remote 3D View: แสดงภาพพื้นที่โดยรอบของรถที่จอดอยู่ด้วยภาพ 3 มิติ โดยสามารถเลือกมุมมองต่างๆ ได้ผ่านทาง iPhone
BMW 320d M Sport ราคา 2,459,000 บาท
BMW 330e M Sport ราคา 2,759,000 บาท
BMW 430i Convertible M Sport ราคา 4,259,000 บาท
BMW 520d Sport ราคา 3,439,000 บาท
BMW 530e M Sport ราคา 3,939,000 บาท
BMW 630d GT M Sport ราคา 4,739,000 บาท
BMW X2 sDrive20i M Sport X ราคา 2,999,000 บาท
BMW X3 xDrive20d M Sport ราคา 3,799,000 บาท
BMW M2 Coupe ราคา 5,939,000 บาท
BMW M4 Coupe ราคา 8,909,000 บาท