บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เชิญ “autoinfo” เหินฟ้าสู่ประเทศออสเตรเลีย ไปร่วมกิจกรรมทดลองขับ นิสสัน นาวารา บแลค เอดิชัน ซึ่งผลิตในประเทศไทย เพื่อสัมผัสกับการประกอบที่ใช้มาตรฐานเดียวกัน ทั้งจำหน่ายในประเทศ และส่งออก แม้จะมีความผิดเพี้ยนเรื่องสเปค และออพชันอยู่บ้าง แต่คุณภาพไม่ต่างกันหลังจากเดินทางสู่เพิร์ธ เมืองหลวงของรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย กิจกรรมทดลองขับก็เริ่มขึ้น โดย นิสสัน นาวารา บแลค เอดิชัน 15 คัน มุ่งหน้าสู่เมืองมากาเรท ริเวอร์ เมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ของเพิร์ธ (ห่างกันประมาณ 270 กม.) มีชื่อเสียงเรื่องกิจกรรมทางทะเล เช่น เล่นเซิร์ฟบอร์ด ทักทายปลาวาฬอพยพ (ช่วงเดือน มิย.-พย. ของทุกปี) ชมไร่องุ่น โรงงานผลิตไวน์ โรงงานเบียร์ โรงงานชอคโคแลท สวนสัตว์ ฯลฯ สื่อมวลชนที่ร่วมทดลองขับมาจาก ออสเตรเลีย นิวซีเเลนด์ และประเทศอาเซียน ได้แก่ ไทย และฟิลิปปินส์ ส่วนรถที่ผลิต และส่งออกมาจากประเทศไทย ใช้ชื่อรุ่นย่อยว่า “บแลค เอดิชัน” โดยมีความแตกต่างจากรุ่นที่ขายในบ้านเราอยู่บางจุด อาทิ ระบบรองรับด้านหลังเป็นคานแข็ง และคอยล์สปริง (ในบ้านเราใช้คานแข็ง และแหนบ) ขุมพลังดีเซล คอมมอนเรล ความจุ 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่แปรผัน ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 45.9 กก.-ม. (ในบ้านเรา 2.5 ลิตร เทอร์โบเดี่ยวแปรผัน แต่ให้กำลัง และแรงบิดเท่ากัน) และพิเศษสำหรับเวอร์ชันออสเตรเลีย คือ “บูลล์บาร์” ไว้ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากชนจิงโจ้ การเดินทางช่วงแรก ใช้ถนนหลวงระยะทางประมาณ 200 กม. และจำกัดความเร็วไว้ที่ 100 กม./ชม. ไฮไลท์อยู่ที่การขับบนเส้นทางทุรกันดาร เพื่อจะขับไปลุยต่อบนชายหาด ถนนแคบคดเคี้ยว และเหมือนจะทอดยาวไปจนสุดทวีปออสเตรเลีย เพราะตรงหน้าเราห่างไม่กี่เมตร คือ มหาสมุทร ! พวกเราใช้การขับแบบขบวนคาราวาน นั่นคือ พยายามวิ่งตามรอยล้อรถคันหน้า เดิมทีตั้งใจจะแล่นเลาะไปตามชายหาดประมาณ 40 กม. แต่พอวิ่งไปได้สัก 10 กม. ก็ต้องเปลี่ยนแผน เนื่องจากระดับน้ำขึ้นสูงจนทำให้ เส้นทางเเคบลงเรื่อยๆ และจากการประเมินสถานการณ์ คาดว่าจะไม่สามารถผ่านไปได้ เพราะก่อนหน้านั้น รถคันหนึ่งในขบวนก็พลาด “ติด” อยู่ในทราย ต้องร่วมกันช่วยเหลือ เลยตัดสินใจหันกลับไปใช้เส้นทางใหม่ เพื่อความปลอดภัย เส้นทางใหม่ที่เปลี่ยนมาใช้นั้น ขนาบข้างด้วยป่าสน ลักษณะเป็นทางฝุ่น และเเคบ ทำให้รู้สึกได้ว่า ระบบรองรับด้านหลังแบบคอยล์สปริงทำงานได้ดีมาก สามารถใช้ความเร็วบนเส้นทางแบบนี้ได้โดยไม่รู้สึก กระเด้งกระดอน ไม่ว่าจะเป็นถนนลูกรัง ทางทราย และทางทุรกันดารที่ต้องปีนป่าย ที่พักวันแรกที่เมืองแมนดูราห์ เป็นเทนท์แบบโดม แต่ภายในเหมือนโรงเเรม 5 ดาว มีคลับเฮาส์สำหรับรับประทานอาหาร ช่วงกลางคืนมีแคมพ์ไฟ อากาศดี ท้องฟ้าสว่างใสเห็นดวงดาวระยิบระยับ วันต่อมา สื่อมวลชนแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มของออสเตรเลีย แยกไปต่างหาก และกลุ่มอาเซียนมีไทยกับฟิลิปปินส์ ไปด้วยกัน มุ่งหน้าสู่ เคพ ลียูวิน เมืองฝั่งซ้ายสุดของทวีปออสเตรเลีย ที่มีประภาคาร จากนั้นจึงไปชมโรงงานเบียร์ และโรงงานชอคโคแลท เส้นทางที่ใช้เป็นถนนลูกรัง ทางแคบ ทางหิน เนินชัน จึงมีโอกาสได้ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โหมด โฟร์โลว์ เวลาปีนป่าย เพราะบางช่วงเป็นโขดหินที่มีความคม โชคดีที่ฝนไม่ตก ไม่เช่นนั้นคงเละกว่านี้ สถานที่ท่องเที่ยวของเขางดงาม และยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติได้ดี โดยเฉพาะสถานที่แห่งนี้ ชาวออสซีนิยมขับรถมาท่องเที่ยว โดยสังเกตจากเพื่อนร่วมทางที่ส่วนใหญ่ใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ แม้ตลอดเส้นทางจะเป็นทางลูกรัง แต่บรรดาเจ้าถิ่นก็ใช้ความเร็วกันเต็มที่ เราพยายามขับตามอย่างระมัดระวังจนถึงเมืองมากาเรทริเวอร์ ซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายของทริพนี้ ขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้
บทความแนะนำ