 ซูซูกิ ได้กลับเข้ามาร่วมในการแข่งขันรายการรถจักรยานยนต์ชิงแชมพ์โลก MotoGP ในปี 2015 ภายใต้ทีมโรงงาน นามว่า Team Suzuki Ecstar ที่ได้ผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียง และประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องอย่าง ดาวิเด เบริโว มานั่งแท่นบริหาร และจัดการทีม พร้อมทั้งทีมงานคุณภาพจากที่ต่างๆ มารวมตัวกัน เพื่อสร้างพโรเจคท์ที่ทุกคนรอคอย กับการเป็นเจ้าแห่งสนามแข่งอีกครั้ง โดยครั้งนี้ ซูซูกิ ได้กลับมาพร้อมกับรถจักรยานยนต์สูตรเพื่อใช้สำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ
ซึ่งรหัสความแรงในครั้งนี้ คือ จีเอสเอกซ์-อาร์อาร์ (GSX-RR) ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ขนาด 1,000 ซีซี ที่นำเทคโนโลยีอันล้ำสมัยมาบรรจุ เพื่อให้เป็นรถจักรยานยนต์ที่แรง และล้ำสมัยที่สุด แต่ละชิ้นส่วนที่สุดยอดถูกนำมาคัดสรรทำให้เป็นรถจักรยานยนต์ที่ทำความเร็วได้มากกว่า 340 กม./ชม. ในเวลาไม่กี่วินาที อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบาเพียง 157 กก. เท่านั้น แต่มีความทนทานเป็นเยี่ยม ซึ่งทำให้สามารถคว้าแชมพ์กลับมาครองได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ต่อมาในปี 2017 ซูซูกิ ได้เรียกเสียงฮือฮาด้วยการเซ็นสัญญากับ 2 นักแข่งใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ นักแข่งดาวรุ่งจาก Moto2 อย่าง อเลกซ์ รินส์ หมายเลข 42 ที่กำลังเป็นที่จับตามอง อีกทั้งยังพัฒนา ซูซูกิ จีเอสเอกซ์-อาร์อาร์ ให้ทรงประสิทธิภาพขึ้นไปอีก ซึ่งในปี 2018 นั้น 2 นักแข่งจาก Team Suzuki Ecstar สร้างปรากฏการณ์ขึ้นโพเดียมถึง 9 ครั้ง จาก 17 สนาม
ซูซูกิ ได้กลับเข้ามาร่วมในการแข่งขันรายการรถจักรยานยนต์ชิงแชมพ์โลก MotoGP ในปี 2015 ภายใต้ทีมโรงงาน นามว่า Team Suzuki Ecstar ที่ได้ผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียง และประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องอย่าง ดาวิเด เบริโว มานั่งแท่นบริหาร และจัดการทีม พร้อมทั้งทีมงานคุณภาพจากที่ต่างๆ มารวมตัวกัน เพื่อสร้างพโรเจคท์ที่ทุกคนรอคอย กับการเป็นเจ้าแห่งสนามแข่งอีกครั้ง โดยครั้งนี้ ซูซูกิ ได้กลับมาพร้อมกับรถจักรยานยนต์สูตรเพื่อใช้สำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ
ซึ่งรหัสความแรงในครั้งนี้ คือ จีเอสเอกซ์-อาร์อาร์ (GSX-RR) ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ขนาด 1,000 ซีซี ที่นำเทคโนโลยีอันล้ำสมัยมาบรรจุ เพื่อให้เป็นรถจักรยานยนต์ที่แรง และล้ำสมัยที่สุด แต่ละชิ้นส่วนที่สุดยอดถูกนำมาคัดสรรทำให้เป็นรถจักรยานยนต์ที่ทำความเร็วได้มากกว่า 340 กม./ชม. ในเวลาไม่กี่วินาที อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบาเพียง 157 กก. เท่านั้น แต่มีความทนทานเป็นเยี่ยม ซึ่งทำให้สามารถคว้าแชมพ์กลับมาครองได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ต่อมาในปี 2017 ซูซูกิ ได้เรียกเสียงฮือฮาด้วยการเซ็นสัญญากับ 2 นักแข่งใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ นักแข่งดาวรุ่งจาก Moto2 อย่าง อเลกซ์ รินส์ หมายเลข 42 ที่กำลังเป็นที่จับตามอง อีกทั้งยังพัฒนา ซูซูกิ จีเอสเอกซ์-อาร์อาร์ ให้ทรงประสิทธิภาพขึ้นไปอีก ซึ่งในปี 2018 นั้น 2 นักแข่งจาก Team Suzuki Ecstar สร้างปรากฏการณ์ขึ้นโพเดียมถึง 9 ครั้ง จาก 17 สนาม
 
 ซูซูกิ ยังคงไม่หยุดความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสมรรถนะของ จีเอสเอกซ์-อาร์อาร์ และก้าวขึ้นเป็นเจ้าแห่งสนามแข่งด้วยการเซ็นสัญญานักแข่งดาวรุ่งเข้ามาร่วมทีมอย่าง โจน เมียร์ เจ้าของหมายเลข 36 มาเสริมความแกร่งให้กับ Team Suzuki Ecstar ปี 2019 และเพียง 3 สนามเท่านั้น ซูซูกิ ก็แผลงฤทธิ์ อเลกซ์ รินส์ ได้ระเบิดฟอร์มการขับขี่ จีเอสเอกซ์-อาร์อาร์ อย่างร้อนแรง คว้าแชมพ์ที่สนามเรดบูล ล์ กรองด์ปรีซ์ ออฟ อเมริกา อีกทั้งยังขึ้นโพเดียมในอันดับที่ 2 ในสนามถัดมาที่ Jerez พร้อมทำคะแนนการแข่งขันอยู่ในกลุ่มผู้นำอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งล่าสุดคว้าแชมพ์ที่สนามซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษ อีกครั้ง อย่างเร้าใจ แบบสุดมัน ทำให้คะแนนรวม ณ ปัจจุบันเป็นอันดับที่ 3 ในขณะนี้ ซึ่งนับว่าเป็นการประสบความสำเร็จไปอีกขั้นแบบก้าวกระโดด จากผลงานทั้งหมดที่ผ่านมา โดยใช้ระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี ก็คว้าแชมพ์ และโพเดียมมาครองอย่างมากมาย และเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ทำให้มีสาวก ซูซูกิ และแฟนคลับของ อเลกซ์ รินส์ เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ในปีนี้ยังเหลืออีก 7 สนาม ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท ที่ประเทศไทยนั่นเอง เรามาดูกันว่า Team Suzuki Ecstar/อเลกซ์ รินส์ หมายเลข 42 และโจน เมียร์ หมายเลข 36 จะผลงานเป็นอย่างไร ในการลงชิงชัยในสนามต่อไปได้ในวันที่ 15 กันยายน ที่สนาม Misano World Circuit Marco Simoncelli ประเทศอิตาลี และไล่ล่าแชมพ์ที่เป็นเป้าหมายของพวกเขาได้สำเร็จหรือไม่
 
ซูซูกิ ยังคงไม่หยุดความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสมรรถนะของ จีเอสเอกซ์-อาร์อาร์ และก้าวขึ้นเป็นเจ้าแห่งสนามแข่งด้วยการเซ็นสัญญานักแข่งดาวรุ่งเข้ามาร่วมทีมอย่าง โจน เมียร์ เจ้าของหมายเลข 36 มาเสริมความแกร่งให้กับ Team Suzuki Ecstar ปี 2019 และเพียง 3 สนามเท่านั้น ซูซูกิ ก็แผลงฤทธิ์ อเลกซ์ รินส์ ได้ระเบิดฟอร์มการขับขี่ จีเอสเอกซ์-อาร์อาร์ อย่างร้อนแรง คว้าแชมพ์ที่สนามเรดบูล ล์ กรองด์ปรีซ์ ออฟ อเมริกา อีกทั้งยังขึ้นโพเดียมในอันดับที่ 2 ในสนามถัดมาที่ Jerez พร้อมทำคะแนนการแข่งขันอยู่ในกลุ่มผู้นำอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งล่าสุดคว้าแชมพ์ที่สนามซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษ อีกครั้ง อย่างเร้าใจ แบบสุดมัน ทำให้คะแนนรวม ณ ปัจจุบันเป็นอันดับที่ 3 ในขณะนี้ ซึ่งนับว่าเป็นการประสบความสำเร็จไปอีกขั้นแบบก้าวกระโดด จากผลงานทั้งหมดที่ผ่านมา โดยใช้ระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี ก็คว้าแชมพ์ และโพเดียมมาครองอย่างมากมาย และเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ทำให้มีสาวก ซูซูกิ และแฟนคลับของ อเลกซ์ รินส์ เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ในปีนี้ยังเหลืออีก 7 สนาม ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท ที่ประเทศไทยนั่นเอง เรามาดูกันว่า Team Suzuki Ecstar/อเลกซ์ รินส์ หมายเลข 42 และโจน เมียร์ หมายเลข 36 จะผลงานเป็นอย่างไร ในการลงชิงชัยในสนามต่อไปได้ในวันที่ 15 กันยายน ที่สนาม Misano World Circuit Marco Simoncelli ประเทศอิตาลี และไล่ล่าแชมพ์ที่เป็นเป้าหมายของพวกเขาได้สำเร็จหรือไม่                    

