ทดลองขับ
MG HS กลมกล่อม เร้าใจ ปลอดภัยเต็มที่
นับตั้งแต่อวดโฉมอย่างเป็นทางการช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ของปี ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีคันนี้ ได้รับการกล่าวขวัญถึงอยู่ตลอด จากรูปลักษณ์ภายนอก และห้องโดยสารที่โดนใจ รวมถีงขุมพลังบลอคเล็กพ่วงระบบอัดอากาศตามทเรนด์ พร้อมระบบความปลอดภัยกับระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ “จัดเต็ม” และที่สำคัญ คือ ราคา “น่าคบ” โดยแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย เริ่มจาก C, D และ X ซึ่งเป็นรุ่นทอพ และเพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับสมรรถนะในสภาพการใช้งานจริง บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงเชิญเราไปร่วมทดลองขับ MG HS รุ่น X เส้นทางกรุงเทพฯ-เขาใหญ่https://www.youtube.com/watch?v=JWrSP8JuUF4 รูปลักษณ์ของ MG HS ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยผสมผสานความหรูหรากับความสปอร์ทไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เส้นสายตัวถังแบบ British Shoulder Line เน้นความโค้งมน กระจังหน้าดีไซจ์นเอกลักษณ์ MG ไฟหน้า LED Projector พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) และไฟท้ายแบบ Space Light Field ไฟเลี้ยวทั้งด้านหน้าและหลังแสดงผลเรียงลำดับ (Sequential) ภายในห้องโดยสารเน้นความโค้งมน บริเวณคอนโซลหน้าและแผงข้างประตูใช้วัสดุที่ให้สัมผัสนุ่มนวล (Soft Touch) เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าทรงสปอร์ทสีดำสลับแดง และมีบางส่วนที่ใช้วัสดุ Alcantara ส่วนเบาะหลังนั่งสบายปรับพับแบบ 60:40 พนักพิงปรับองศาได้ พร้อมที่วางแขนขนาดใหญ่ และใช้ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ที่สามารถปรับโทนแสงได้มากถึง 64 เฉดสี รวมทั้งยังปรับเปลี่ยนแบบอัตโนมัติตามโหมดการขับขี่ หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ขนาดใหญ่ยักษ์ (มีพื้นที่ถึง 1.1 ตรม.) และเสริมความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัย 6 จุด สิ่งอำนวยความสะดวกติดตั้งมาครบครัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลที่มาตรวัดแบบ Interactive Multi -Function Display ขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลทั้งเรื่องการขับขี่ ระบบความปลอดภัย ระบบความบันเทิง และระบบนำทาง หน้าจอหลักแบบ Smart Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว และเพิ่มมุมมองที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วยกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง กุญแจระบบ Smart Key และปุ่ม Push Start นอกจากนี้ ฝากระโปรงท้ายยังเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า (Electric Liftgate) ช่วยเพิ่มความสะดวก ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ช่วยให้ผู้ขับขี่กับรถสามารถสื่อสารกัน ไม่ว่าจะเป็น Smart Command สั่งการได้ด้วยเสียงภาษาไทย เช่น รับสาย โทรออก ควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบปรับอากาศ ระบบเปิด/ปิดหน้าต่างฝั่งคนขับ และระบบเปิด/ปิดหลังคาซันรูฟ รวมถึงค้นหาจุดที่น่าสนใจ (Point Of Interest: POI) ผ่านระบบนำทางโดยใช้ซอฟท์แวร์แผนที่ของ TomTom หรือเลือกสั่งการผ่าน MG Mobile Application ที่สามารถค้นหาเพลงดังผ่าน Online Music และค้นหาร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และโรงแรม แสดงผลการจราจร รวมถึงอัพเดทข่าวสารบนหน้าจอ ขุมพลังของ MG HS เป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบแถวเรียง ความจุ 1.5 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า ที่ 5,600 รตน. แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. แบบ Flat Torque ตั้งแต่ 1,700-4,400 รตน. รองรับแกสโซฮอล อี 85 ส่งกำลังด้วยเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 จังหวะ โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้ตามความต้องการ ได้แก่ Normal สำหรับการขับขี่แบบทั่วไป, Eco โหมดประหยัดเชื้อเพลิง, Sport เพื่อความสนุกสนานในการขับขี่, Custom ที่สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ตามต้องการ และยังมาพร้อมปุ่ม Super Sport บนพวงมาลัย ซึ่งเป็นโหมดที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่สูงสุด ระบบความปลอดภัยของ MG HS ติดตั้งมาแบบ “จัดเต็ม” เริ่มจากโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) พร้อมติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป หรือ Advanced Synchronized Protection System มากถึง 25 ระบบ ประกอบด้วย Synchronized Protection System ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ที่ช่วยทั้งการเบรค และรักษาเสถียรภาพของรถ 14 ระบบ อาทิ ระบบควบคุมการเบรคขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบลดความเสี่ยงที่จะทำให้รถพลิกคว่ำ ARP (Anti Rolling Program) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) และมีอีก 4 ระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา ประกอบด้วย ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning), ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist), ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection), ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) นอกจากนี้ ยังมีงระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ หรือ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) ถึง 7 ระบบ ประกอบด้วย ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control), ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control), ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning), ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) การทดลองขับเส้นทางกรุงเทพฯ-เขาใหญ่ ต้องผ่านสภาพจราจรหลากหลาย ทั้งรถติดย่านกลางเมือง วิ่งยาวๆ บนทางด่วน และเดินทางไกลบนถนนสายหลักที่มีการก่อสร้างเป็นระยะ MG HS ในสภาพจราจรเคลื่อนตัวช้าสลับหยุดนิ่ง มีความกระฉับกระเฉง คล่องตัว การทำงานของระบบส่งกำลัง “สั่งได้” ตามความต้องการของผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นผลจากการปรับเปลี่ยนซอฟท์แวร์ใหม่ ทำให้อาการไม่สมูธที่เคยเจอเมื่อครั้งที่นำมาเกียร์ลูกนี้มาใช้กับรถรุ่นก่อนหน้าหายไปเกือบหมด แต่เนื่องจากเกียร์คลัทช์คู่นั้นไม่มี “ทอร์คคอนเวอร์เตอร์” ผู้ขับขี่ที่ยังไม่เคยใช้เกียร์แบบนี้อาจต้องเรียนรู้จังหวะการทำงานสักพัก เพราะมีลักษณะแตกต่างจากเกียร์อัตโนมัติปกติ หรือเกียร์อัตโนมัติแปรผันที่คุ้นเคย การขับขี่ช่วงเดินทางด้วยความเร็วใช้งานปกติ การตอบสนองของเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังทำงานผสานกันได้ดีมาก คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองฉับไว แม้จะมีความจุแค่ 1.5 ลิตร แต่ช่วงเร่งแซงตอบสนองทันอกทันใจ จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้รอบสูงเกินความจำเป็น เพราะแรงบิดสูงสุดมีให้ใช้ต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำยันรอบสูงนั่นเอง สำหรับช่วงความเร็วเดินทางที่เกียร์สุดท้าย เน้นลดรอบเครื่องยนต์ให้ต่ำเพื่อลดอัตราสิ้นเปลือง ในขณะที่ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW, ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพตลอดการเดินทาง ซึ่งเป็นผลจากความฉลาดของซอฟท์แวร์เวอร์ชันล่าสุดนั่นเอง ระบบรองรับด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบอิสระ มัลทิลิงค์ ที่พัฒนาตามแบบ Euro Tuning Suspension ได้รับการปรับตั้งให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในทุกสภาวะ ทำงานได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการซึมซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน การยึดเกาะที่มีประสิทธิภาพ แม้เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เป็นอย่างดี พวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันมีน้ำหนักเหมาะสม ไม่เบาหรือหนักเกินไป โหมดการขับขี่แต่ละประเภทให้การตอบสนองแตกต่างกันชัดเจน ทั้งขุมพลัง ระบบส่งกำลัง พวงมาลัย โดยถ้ากดปุ่ม Super Sport หน้าจอแสดงผลจะเปลี่ยนเป็นโทนสีแดงช่วยเพิ่มอารมณ์สปอร์ทได้เป็นอย่างดี ระบบเบรคเป็นแบบจานหน้า/หลัง ด้านหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน ต้องสร้างความคุ้นเคยกับจังหวะการทำงาน แต่ถือว่าไว้ใจได้เต็มที่ https://www.youtube.com/watch?v=E0DCOJTMVDo ขอบคุณ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้ ข้อมูลจำเพาะ MG HS ผู้แทนจำหน่าย บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 1267 มิติ และน้ำหนัก ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,574/1,876/1,664 ฐานล้อ (มม.) 2,720 น้ำหนัก (กก.) 1,510 - 1,570 ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 55 เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ ความจุ (ซีซี) 1,490 กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 74.0/86.6 อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1 กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 162/5,600 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 25.5/1,700-4,400 ระบบถ่ายทอดกำลัง เกียร์ (จังหวะ) คลัทช์คู่ 7 ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 ระบบรองรับ หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท หลัง อิสระ มัลทิลิงค์ ระบบบังคับเลี้ยว ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า ระบบห้ามล้อ เอบีเอส อีบีดี บีเอ หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน หลัง จาน ราคา (บาท) 919,000-1,119,000
ABOUT THE AUTHOR
เ
เอกลักษณ์ สูยะศุนานนท์ akaluk@imc.co.th
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตคอลัมน์ Online : ทดลองขับ (บก. ออนไลน์)
คำค้นหา