สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท สังเวียนความเร็วระดับเวิร์ลด์คลาสส์ของประเทศไทย เตรียมรองรับเกมความเร็วเอนดูรานศ์ระดับโลก รายการ "เอเชียน เลอ มองส์ ซีรีส์ 2019/2020" (Asian Le Mans Series) สนามสุดท้าย ภายใต้ศึก “บุรีรัมย์ 4 ชั่วโมง” (4 Hours of Buriram) กองทัพสุดยอดรถแข่งซูเพอร์คาร์กว่า 30 คัน และยอดนักขับชั้นนำของโลกร่วม 80 คน ดวลความมันเพื่อชิงดำแชมพ์ประจำปีทุกคลาสส์ 21-23 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมเสิร์ฟซัพพอร์ทเรศอย่าง ฟอร์มูลา 3 เอเชียน แชมเพียนชิพ และทอพสปีด 2 รายการสุดเร้าใจ เติมเต็มสุดสัปดาห์มอเตอร์สปอร์ทให้แฟนความเร็วชาวไทย
การแข่งขันรถยนต์ซูเพอร์คาร์เอนดูรานศ์ระดับโลก ในศึก "เอเชียน เลอ มองส์ ซีรีส์ 2019/2020" เตรียมระเบิดความมันสนามสุดท้ายของปี รายการ "บุรีรัมย์ 4 ชั่วโมง" ระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์นี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ โดยนับเป็นสนามที่ใช้ตัดสินตำแหน่งแชมพ์ประจำปี ส่งผลให้ได้รับความสนใจอย่างมากจากแฟนความเร็วทั่วโลก
ไฮไลท์ของ เอเชีย เลอ มองส์ ซีรีส์ ในฤดูกาลนี้อยู่ที่การดวลความเร็วของรถแข่งประเภทซูเพอร์คาร์ระดับโลกถึง 3 คลาสส์ เริ่มจากรถแข่งในคลาสส์ แอลเอมพี ทู (LMP2) ซึ่งเป็นรถสูตรล้อปิดในแบบเดียวกับรายการ "เวิร์ลด์ เอนดูรานศ์ แชมเพียนชิพ" รวมถึงรถสูตรล้อปิดในคลาสส์ แอลเอมพี ธรี (LMP3) รวมถึงรถแข่งซูเพอร์คาร์ในคลาสส์ จีที (GT) อาทิ แฟร์รารี 488 จีที 3, แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ จีที 3, บีเอมดับเบิลยู เอม 6 จีที 3 และ ลัมโบร์กินี อูรากัน จีที 3 เอโว
นอกจากนี้ ยังถือเป็นสุดยอดการแข่งขันของเอเชีย ที่รวมนักขับระดับโลกหลายคนมาดวลความเร็ว อาทิ เชน แวน กิสเบอร์เกน ยอดนักขับออสเตรเลียนจากศึก V8 ออสเตรเลียน ซูเพอร์คาร์ ที่ดังกระหึ่มทั่วโลก, เจมี วินสโลว์ ยอดนักขับชาวอังกฤษ อดีตแชมพ์ ออสเตรเลียน ดไรเวอร์ แชมเพียนชิพ 2 สมัย และเลโอนาร์ด ฮูเกนบูม สุดยอดดาวรุ่งชาวดัทช์ วัย 19 ปี ที่สร้างผลงานโดดเด่นในปีที่ผ่านมา
ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ถือเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ที่เรายังคงเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรายการที่มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมากในประเทศไทย ด้วยความเร้าใจของเกมการแข่งขันแบบเอนดูรานศ์ จากนักขับระดับโลกที่มีลีลาการควบคุมรถอย่างเร้าใจ นอกจากนี้ยังถือเป็นรายการที่รวบรวมรถแข่งซูเพอร์คาร์ระดับโลกไว้อย่างตื่นตาตื่นใจ
เอเชียน เลอ มองส์ ซีรีส์ 2019/2020 ดวลความเร็วทั้งสิ้น 4 สนาม ล่าสุดผ่านไปแล้ว 2 สนาม โดยสนามแรกดวลกันที่ เซี่ยงไฮ้ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท สาธารณรัฐประชาชนจีน และสนาม 2 ที่ เธอะ เบนด์ มอเตอร์สปอร์ท พาร์ค ประเทศออสเตรเลีย
“ในปีนี้ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท ถูกวางเป็นสนามสุดท้ายของปี ส่งผลให้ได้รับความสนใจจากแฟนความเร็วทั่วทั้งเอเชีย และในเมืองไทย เพราะคะแนนสะสมหลังผ่าน 2 สนามแรกไปนั้น ถือว่าเข้มข้นอย่างมาก โดยก่อนหน้าเดินทางมาที่เมืองไทย จะไปแข่งขันกันที่มาเลเซีย ซึ่งเชื่อว่าจะยิ่งทำให้สถานการณ์ลุ้นแชมพ์นั้นสูสีกันมากขึ้น และแน่นอนว่า เอเชีย เลอ มองส์ ซีรีส์ จะเป็นหนึ่งในรายการที่แฟนมอเตอร์สปอร์ทชาวไทยไม่ควรพลาดในปีนี้”
ผู้นำบนตารางแชมเพียนชิพในคลาสส์สูงสุดอย่าง แอลเอมพี ทู (LMP2) จี ดไรฟ เรซิง บาย อัลการ์ฟ หมายเลข 26 ที่ขับโดย โรมัน รูสิโนฟ นักขับชาวรัสเซีย, เจมส์ ฟเรนช์ นักขับชาวอเมริกัน และเลโอนาร์ด ฮูเกนบูม นักขับชาวดัทช์ ที่ช่วยกันคว้าแชมพ์ให้แก่ทีม 2 สนามติดต่อกัน เก็บไปทั้งสิ้น 50 แต้ม เหนืออันดับ 2 อย่างรถแข่งหมายเลข 36 จาก ยูเรเชีย มอเตอร์สปอร์ท อยู่ 13 คะแนน
ส่วนผู้นำในคลาสส์ แอลเอมพี ธรี (LMP3) เป็นของรถแข่งหมายเลข 2 จาก นีลเซน เรซิง ที่ขับโดยคู่หูชาวอังกฤษอย่าง โทนี เวลล์ส และคอลิน โนเบิล มีทั้งสิ้น 44 คะแนน เหนือรองจ่าฝูงอย่าง อินเตอร์ ยูโรโพล คอมเพทิชัน หมายเลข 13 ที่ขับโดย ไนเจล มัวร์ นักขับชาวอังกฤษ และมาร์ทิน ฮิพพ์ นักขับชาวเยอรมัน เพียง 1 แต้ม
ด้านสถานการณ์ลุ้นแชมพ์ในคลาสส์ จีที เป็นของรถแข่งหมายเลข 7 จาก คาร์ กาย ที่ขับโดย 2 นักขับชาวญี่ปุ่นอย่าง ทาเคชิ คิมูระ และเคอิ คอซโซลิโน รวมถึงนักขับชาวอิตาเลียนอย่าง โกเม เลโดการ์ เก็บไป 35 คะแนน เหนืออันดับ 2 อย่างรถแข่งหมายเลข 77 จาก ดิสเตชัน เรซิง ที่ขับโดย ซาโตชิ โฮชิโนะ และโทโมโนบุ ฟูจิอิ 2 นักขับชาวญี่ปุ่น และรอสส์ กันน์ นักขับชาวอังกฤษ อยู่ 2 คะแนน
นอกจากการแข่งขันรายการหลักอย่าง เอเชียน เลอ มองส์ ซีรีส์ นัดปิดฤดูกาลแล้ว ในสุดสัปดาห์ดังกล่าวจะมีการแข่งขันซัพพอร์ทเรศ รายการ ฟอร์มูลา 3 เอียน แชมเพียนชิพ 2020 ซึ่งเป็นศูนย์รวมนักขับดาวรุ่งฝีมือดีทั่วทั้งเอเชีย และรายการ ทอพสปีด การแข่งขันสุดเร้าใจที่จะเข้ามาเติมเต็มความมันให้แฟนๆ ความเร็วชาวไทย