BMW ได้เผยภาพการอัพเกรด 5 Series G30 เพื่อต่อกรกับ Audi A6 รุ่นใหม่ และ Mercedes-Benz E-Class Facelift โดยได้รับการปรับปรุงใหม่ ทั้งภายใน และภายนอก รวมถึงเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ พร้อมการแนะนำตัวแรงอย่าง M550iBMW 5 Series LCI รหัสตัวถัง G30 ถือเป็นเจเนอเรชัน 7 ที่ยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายมากกว่า 600,000 คันทั่วโลก ถูกพัฒนาขึ้นบนพแลทฟอร์ม CLAR (Cluster Architecture) ร่วมกับรุ่นใหญ่อย่าง 7 Series โดย 5 Series โฉมปัจจุบัน เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017 ที่งาน “มหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์” ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันได้ถึงเวลาที่ BMW จะนำ 5 Series มาปรับแต่งเสริมความหล่อกันแล้ว BMW 5 Series Facelift ยังคงสืบทอดการออกแบบที่หรูหราบนกระจังหน้ารูปไตคู่ที่เป็นเอกลักษณ์ เน้นรูปทรงกระจังหน้าที่กว้างขึ้น และวางตำแหน่งต่ำกว่ารุ่นเดิม นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบเฟรมแบบใหม่ ไฟหน้ากราฟิคใหม่พร้อมไฟ LED รูปตัว L ติตตั้งลำแสงเลเซอร์ความสว่างสูงของ BMW นอกจากนี้ยังมีไฟท้ายที่คล้ายกันกับรุ่น 3 Series กันชนหลังที่ออกแบบใหม่ ติดตั้งกับปลายท่อรูปสี่เหลี่ยมคางหมู BMW กล่าวว่าการนำกันชนใหม่มาใช้นั้นทำให้เพิ่มความยาวมากกว่ารุ่นเดิม 27 มม. และ Touring เพิ่มขึ้น 21 มม. ความยาวของตัวถังจะอยู่ที่ 4,963 มม. ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเท่ากับ 0.23 ในขณะที่ Touring อยู่ที่ 0.26 ภายใน 5 Series มีระบบอินโฟเทนเมนท์ใหม่ของ BMW iDrive พร้อมด้วยจอแสดงผลกลางขนาด 10.3 นิ้ว หรือจอแสดงผลส่วนกลาง 12.3 นิ้ว ที่เป็นอุปกรณ์เสริม ขณะที่ M Sport Estates จะได้ราวหลังคาสีดำ ในความต่อเนื่องของกลยุทธ์การใช้พลังงานไฟฟ้า BMW ได้ติดตั้งระบบ Mild hybrid ให้กับเครื่องยนต์ทั้งเบนซิน และดีเซล ใน 5 Series ทั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ หรือ 6 สูบ โดยเพิ่มเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 48 โวลท์ และแบทเตอรีลูกที่ 2 เมื่อรวมเข้าด้วยกันพวกมันจะเพิ่มกำลังขับ 11 แรงม้าชั่วคราว ให้กับขุมกำลังของเครื่องยนต์รวมถึงคุณสมบัติใหม่ในการประหยัดเชื้อเพลิง ด้วยฟังค์ชันที่สามารถปิดการทำงานของเครื่องยนต์ในช่วงระยะเวลาของการเหยียบคันเร่ง และการเหยียบเบรคจะเอาพลังงานกลับเข้าไปเก็บ และเครื่องยนต์จะปิดโดยอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำกว่า 15 กม./ชม. BMW 5 Series Facelift ยังคงใช้เครื่องยนต์จากรุ่นเดิม แต่เพิ่มระบบไฮบริดตัวแรงรหัส 745 เข้ามา เริ่มต้นที่ รุ่น 520i เครื่องยนต์เบนซิน ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 29.6 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 7.9 วินาที รุ่น 520d ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 7.2 วินาที รุ่น 530d xDrive ให้กำลัง 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 66.3 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 5.4 วินาที รุ่น 530e เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 292 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 42.8 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 5.9 วินาที แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน เจเนอเรชัน 4 รุ่นใหม่ ที่มีขนาดความจุ 12 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อชาร์จเต็มจะมีระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าได้ไกล 57 กม. รุ่น M550i xDrive ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ วี 8 ขนาด 4.4 ลิตร แบบเทอร์โบชาร์จ ให้กำลัง 530 แรงม้า แรงบิด 76.4 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 3.8 วินาที เครื่องยนต์ใหม่ที่ถูกนำมาใส่ใน 5 Series เป็นครั้งแรก คือ รุ่น 545e xDrive ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร 6 สูบ 248 แรงม้า Turbocharged และมอเตอร์ไฟฟ้า 107 แรงม้า ซึ่งยกมาจากพี่ใหญ่ของค่ายอย่าง 745e เมื่อรวมเข้าด้วยกันจะมี Output ระบบที่ 389 แรงม้า และ แรงบิด 58.3 กก.-ม. ซึ่งให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.7 วินาที การประหยัดเชื้อเพลิง WLTP แบบผสมผสานของพลัก-อิน ไฮบริดอยู่ระหว่าง 50-57 กม./ลิตร แบทเตอรีลิเธียม-ไอออนที่ติดตั้งอยู่ภายในพื้นที่วางสัมภาระ ทำให้ 545e สามารถใช้งานพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 56 กม. ที่ความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม. BMW คาลิเพอร์เบรคที่ได้รับการอัพเกรดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดแต่งสไตล์ M Sport สามารถระบุเป็นสีแดง และสีน้ำเงินก่อนหน้าได้