ทดลองขับ(formula)
การกลับมาของตำนานแห่งผู้พิทักษ์ ! Land Rover Defender เปิดราคา พร้อมการทดลองขับแบบเต็มพิกัดตัวลุย !! (ราคาเริ่มต้นที่ 5,400,000-5,800,000 บาท)

ห้องโดยสารของ Land Rover Defender เป็นจุดที่น่าสนใจไม่น้อย การออกแบบโดยรวมเน้นความเรียบง่าย มีความดิบในตัว การเลือกใช้วัสดุตกแต่งจึงไม่เน้นความหรูหราเหมือนบรรดา Range Rover แต่มีความลงตัว มีความดิบห้าวคล้ายกับรูปทรงภายนอก สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ บรรดาอุปกรณ์ใช้งาน รวมถึงจอแสดงผลแบบดิจิทอล บนคอนโซลกลางเป็นหน้าจอระบบสัมผัส ความละเอียดคมชัด ปุ่มใช้งานมากมายบนคอนโซลกลาง รวมถึงคันเกียร์ที่ติดตั้งในระดับค่อนข้างสูง คอนโซลเกียร์มีความหนาสำหรับติดตั้งปุ่มปรับโหมดการขับเคลื่อนมากมาย อาจต้องใช้ความคุ้นเคยพอสมควรในระยะแรก ในแง่ของความกว้างขวาง ถือว่าทำได้ใกล้เคียงกับเพื่อนร่วมค่ายอย่าง Discovery (ดิสโคฟเวรี) ระยะเหนือศีรษะเหลือเฟือจากรูปทรงเหลี่ยมของตัวรถ แผงมาตรวัดเป็นแบบดิจิทอลเช่นกัน แสดงผลระบบการทำงานของโหมดขับเคลื่อนบนทางสมบุกสมบัน เบาะหลังสามารถพับเก็บลงมาได้ โดยด้านหลังเบาะติดตั้งวัสดุยางกันลื่น ในกรณีที่ขนสัมภาระเต็มพิกัด นอกจากนี้วัสดุดังกล่าวยังสามารถล้างทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย โดยรวมแล้ว การออกแบบห้องโดยสารของ Defender เน้นความทันสมัย ภายใต้อารมณ์แบบตัวลุยยุคดั้งเดิม ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว สมกับการเป็น เอสยูวี ระดับตำนาน
การทดลองขับเริ่มต้นขึ้น ณ สนามฝึกขับและทดสอบกรมการขนส่งทางบก จ.กาญจนบุรี การขับขี่ผ่านเส้นทางสมบุกสมบันพอสมควร (แม้จะเป็นระยะทางสั้นๆ) เพื่อพิสูจน์สมรรถนะการลุยอุปสรรคของ Defender ที่ไม่เป็นรองใคร รุ่นที่เราทำการทดสอบ คือ รุ่นย่อย D240 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 240 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 43.9 กก.-ม. เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา มีโหมดขับเคลื่อนที่หลากหลาย ในส่วนแรกเขาขับผ่านเส้นทางฝุ่น แล่นผ่านแอ่งน้ำเล็กน้อย ตัวรถสามารถแล่นผ่านได้สบายๆ มีอาการไถลบนพื้นเปียกลื่นเพียงเล็กน้อย แต่ไม่เสียการควบคุมแต่อย่างใด ตัวถังขนาดใหญ่ไม่มีผลต่อความคล่องแคล่วของการขับเคลื่อนด้วยพละกำลัง และการส่งกำลังที่ลงตัว ขณะที่พวงมาลัยมีน้ำหนักค่อนข้างเบา แต่ยังตอบสนองได้แม่นยำ
การลุยทางสมบุกสมบันอย่างจริงเริ่มต้นขึ้นในส่วนถัดไป การลุยแอ่งน้ำที่เป็นพื้นโคลนเลน ผู้ฝึกสอนแนะนำให้เราเปลี่ยนมาใช้โหมดขับเคลื่อน 4 ล้อแบบเน้นแรงบิด และรองรับการลื่นไถลได้ดีขึ้น การแล่นผ่านเป็นไปอย่างง่ายดาย โดยที่แทบไม่ต้องกดคันเร่งแม้แต่น้อย การส่งกำลังไปยังล้อแต่ละข้างเป็นไปอย่างลงตัว นับเป็นอีกหนึ่งการรังสรรค์ทีน่าสนใจของ Land Rover Defender ที่ปรับแต่งการส่งกำลังสำหรับการลุยให้ทำได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องใช้ทักษะมากเกินควร ถัดมาเป็นการลุยน้ำลึก ประสิทธิภาพการลุยน้ำลึกของรถรุ่นนี้อยู่ที่ 900 มม. เราเปลี่ยนมาใช้โหมดสำหรับลุยน้ำลึกโดยเฉพาะ การแสดงผลบนหน้าจอจะสามารถแสดงระดับน้ำให้เห็นด้วย ทำให้เราทราบว่าน้ำในสถานีทดลองขับมีความลึกทั้งหมด 600 มม. ตัวรถแล่นผ่านได้อย่างเรียบเนียนที่ความเร็วต่ำ มีความมั่นคงดีมาก ไม่มีอาการโคลงให้สัมผัส แล่นผ่านพื้นน้ำได้สบาย รวมถึงการแล่นออกจากพื้นน้ำที่เป็นทางลาดชันทำได้ไม่ยากเย็น จากมุมปะทะ 38.0 องศา มุมจาก 40.0 องศา และมุมคร่อม 28.0 องศา (ในโหมด ออฟ-โรด ที่จะยกความสูงของตัวรถขึ้นมา)
https://youtu.be/QjMq5T7pARs
หนึ่งในสถานที่ที่ Land Rover Defender ถูกใช้งานเป็นประจำ เหมือนกับรุ่นคลาสสิคในอดีต คือ การขึ้นเนินเขาสูงชัน ทางผู้จัดงานให้ผู้ทำการทดลองขับแล่นขึ้นเนินเขาที่มีความสูงถึง 45 % แรงบิดของเครื่องยนต์ดีเซล และการส่งกำลังทำให้การขึ้นเนินทำได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องกดคันเร่งมากเกินไป ผนวกกับระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ป้องกันการไหลลงเนินอย่างได้ผล นอกจากนี้การลงจากเนินเป็นส่วนที่ความลาดชันถึง 60 % เป็นความชันสูงสุด การแล่นลบงเนินต้องอาศัยระบบควบคุมความเร็วลงทางลาดชันที่ลงตัว Defender สามารถแล่นลงเนินได้อย่างมั่นคง ระดับความเร็วต่ำคงที่ (สามารถปรับตั้งได้) ไม่รู้สึกหวาดเสียวแต่อย่างใด เหมาะสำหรับการแล่นขึ้นลงบนเนินเขาได้ดีมาก
แม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ กับ Land Rover Defender เรารู้สึกทึ่งกับคุณสมบัติการลุยทางสมบุกสมบันที่ล้ำสมัย สามารถผ่านอุปสรรคได้ไม่ยากเย็นไม่แพ้ตัวลุยแบบดั้งเดิม ภายใต้ระบบขับเคลื่อนในโหมดต่างๆ ที่หลากลาย เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับตัวลุยระดับตำนานรุ่นนี้ ภายใต้ตัวถังทรงเหลี่ยมมีกลิ่นอายของรุ่นดั้งเดิม แต่มีเส้นสายที่ร่วมสมัยมากขึ้น ห้องโดยสารกว้างขวาง เน้นความอเนกประสงค์ และการใช้งานที่หลากหลาย เพียงเท่านี้ก็ถือว่ามีความครบเครื่องการเป็นตัวลุยระดับหัวแถว พร้อมการประกาศการกลับมาของตัวลุยระดับตำนานที่ไม่เป็นสองรองใคร !


