รถล่าสุด

มาเสียที.. รุ่นปรับโฉมของ Honda CR-V มีอะไรใหม่แค่ไหน มาดูกัน (ราคา 1,369,000-1,759,000 บาท)

13 Jul 2020

หลังจากทำตลาดมาหลายปี Honda CR-V ก็ได้เวลาเปิดตัวรุ่นปรับโฉม จุดเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ กระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า/หลังดีไซจน์ใหม่ ไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Light - DRL) เสริมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential และไฟท้ายแบบ Full LED ล้อแมกลายใหม่ขนาด 19 นิ้ว เสริมมาดหรูด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค

สิ่งที่ถูกติดตั้งเข้ามาครั้งแรกสำหรับ CR-V คือ ระบบความปลอดภัย Honda Sensing ได้แก่ ระบบเตือนการชนรถ และคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรค (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบเตือน และช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

ห้องโดยสารเสริมอุปกรณ์ใช้งาน คือ การตกแต่งด้วยลายไม้ และวัสดุสีดำ Piano Black (มีทั้งแบบเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง) อุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าสำหรับมือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger) กระจกมองข้างแบบพับเก็บอัตโนมัติ สามารถควบคุมด้วยรีโมท (Auto Foldable Side Door Mirror) ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat) เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Rear View Mirror) โดยมีติดตั้งทุกรุ่นย่อย

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (เฉพาะรุ่น 4WD) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังค์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ประตูบานท้ายเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) มีติดตั้งทุกรุ่นย่อย พร้อมการควบคุมการเปิด/ปิดด้วยรีโมท และปรับระดับความสูงของการเปิดฝาประตูบานท้ายได้ตามต้องการ

ขุมพลังยังเป็นบลอคเดิม กับ 2 ทางเลือก เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 1.6 ลิตร i-DTEC กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 35.7 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบ Shift by Wire อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 17.9 กม./ลิตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD (มีทางเลือกเป็นรุ่นทอพเพียง 1 รุ่นย่อยเท่านั้น) ขณะที่อีกทางเลือก คือ เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร กำลังสูง 173 แรงม้า ที่ 6,200 รตน. แรงบิดสูงสุด 22.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. เกียร์อัตโนมัติแปรผัน CVT รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 และ E20 มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อหน้า 2WD และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD