สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ มาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA (เอมจีซี-เอเชีย) เปิดเผยว่า ปีนี้ MGC-ASIA ยังคงเดินหน้าวางแผนต่อยอดธุรกิจอย่างรัดกุม พร้อมรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เน้นสร้างประสบการณ์ผ่านออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อความพึงพอใจสูงสุด สำหรับลูกค้าทุกๆ ราย
ส่วนปี 2563 มีรายได้รวม 21,465 ล้านบาท เป็นยอดยอดจำหน่ายรถใหม่รวม 10,078 คัน ลดลง 13.5 % ขณะที่ตลาดโดยรวมมียอดขายลดลง 31 % โดย MGC-ASIA สามารถครองสัดส่วนยอดขาย 17 % ในตลาดพรีเมียมขึ้นไป และยังคงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ครบวงจร พร้อมใช้กลยุทธ์ให้หมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายให้ได้ตรงจุดอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ จากความแข็งแกร่งของ MGC-ASIA ในการสร้างเครือข่ายพันธมิตร ทำให้ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ใหม่เข้ามาเสริมทัพ ดังจะเห็นได้จากที่ผ่านมา เช่น Peugeot (เปอโฌต์) ที่ภาพรวมมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง กับยอดขายที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เป็นแบรนด์ที่มีการเดิบโตสูงสุด สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นสอดคล้องกับการที่เจ้าของแบรนด์อย่าง Group PSA ได้ควบรวมกิจการกับ FCA Group (Fiat Chrysler Automobiles) ภายใต้ชื่อใหม่ “Stellantis” ก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับ 4
อีกหนึ่งธุรกิจที่มาแรงไม่แพ้กันก็คือ ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ฯ ที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่าง Howden ภายใต้ Hyperion Insurance Group นายหน้าประกันภัยอันดับหนึ่งของโลก ที่ไม่ใช่สัญชาติอเมริกัน และ แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ฯ นายหน้าประกันภัยของไทย ส่งผลให้ปีที่ผ่านมา Howden Maxi (ฮาวเดน แมกซี) มีรายได้จากเบี้ยประกันสูงถึง 2,767 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 14 %
สำหรับแผนดำเนินงานปี 2564 MGC-ASIA พร้อมดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์อันแน่วแน่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการขยายเครือข่ายศูนย์บริการให้ครอบคลุม อีกทั้งมีการเตรียมความพร้อมรองรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ด้วยการเตรียมความพร้อมโครงสร้างขั้นพื้นฐาน พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือพิเศษ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร
นอกจากนี้ ยังลงทุนขยายเครือข่าย โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจรบน 5 พื้นที่สำคัญ ผ่าน 7 แบรนด์ในเครือ เช่น ลาดพร้าว 112, พัฒนาการ-ศรีนครินทร์, บางนา-ตราด กม. 4.5, ราชพฤกษ์-ธนบุรี และจังหวัดสุราษฎร์ธานี จากเดิมที่มีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการอยู่ 21 พื้นที่ 66 โชว์รูม 37 เซอร์วิศเซนเตอร์ 29 รีเทลเอาท์เลท และต่างประเทศ สปป.ลาว 2 แห่ง และมาเลเซีย 7 แห่ง
รวมถึงมีแผนขยายเครีอข่าย MMS Bosch Car Service เพิ่มอีก 15 สาขา ภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งจะทำให้มีสาขารวมทั้งสิ้น 30 สาขา
อีกส่วนหนึ่งที่ MGC-ASIA มองว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจยานยนต์ คือ ข้อมูล จึงได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล (Data Excellence Center) เพื่อดูแลฐานลูกค้ากว่า 550,000 ราย พร้อมยกระดับการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย ให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจอย่างสูงสุด รวมถึงการบริการที่แม่นยำ รวดเร็ว และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนในทุกเซกเมนท์
อีกหนึ่งปัจจัยที่ MGC-ASIAให้ความสำคัญตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คือ การตอบแทนสังคมผ่าน “มูลนิธิ ธรรมชวนวิริยะ” ที่ได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง กับหลากหลายกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคม อาทิ การบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย, มอบสิ่งของที่จำเป็นให้เด็กกำพร้า, สร้างสนามเด็กเล่น และอื่นๆ โดยทางมูลนิธิฯ มีการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
ส่วนปี 2564 MGC-ASIA ตั้งเป้ามีรายได้ประมาณ 23,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10 % เทียบกับปีที่ผ่านมา