ธุรกิจ
Volvo เปิดกลยุทธ์การขาย ฝ่าวิกฤต COVID-19
วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ เผยกลยุทธ์การขายปี 2021 เดินหน้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานสู่ระบบดิจิทอล (Digital Transformation) เพื่อมอบบริการบนเครือข่ายดิจิทอลที่สมบูรณ์แบบ (Digital Services) เปิดตัวศูนย์บริการลูกค้ารูปแบบใหม่ Customer Relations Center (CRC) สัมผัสการบริการแบบครบวงจรให้ความรู้สึกปลอดภัยตลอดการเดินทาง และยังคงให้ความสำคัญกับการยกระดับโชว์รูมบนมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) รวมถึงบริการซ่อมบำรุงระดับพรีเมียม Volvo Personal Service (VPS) สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้าทั้งแบบ Plug-in Hybrid และ Pure Electric ตามแผนธุรกิจระยะ 10 ปีของ Volvo (โวลโว) เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานสะอาดระดับพรีเมียมของโลกภายในปี 2030
ภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด สรุปการดำเนินธุรกิจของ Volvo ประเทศไทยในปีที่ผ่านมาว่า วิกฤตการณ์ในปี 2020 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก สำหรับ วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ เรามีการตั้งรับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ด้วยการยกระดับช่องทางการสื่อสารออนไลน์ และมาตรฐานด้านสุขอนามัยในศูนย์บริการทุกแห่งเพื่อเพิ่มความมั่นใจ และความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า ซึ่งทำให้เราสามารถจำหน่ายรถยนต์พลัก-อิน ไฮบริดระดับพรีเมียมได้เกือบ 2,000 คัน โดยลดลงจากปี 2019 เพียง 13 % เท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าผู้บริโภครายย่อยยังคงเชื่อมั่นในประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าของรถยนต์ Volvo อย่างมาก
สำหรับการดำเนินงานด้านการยกระดับคุณภาพของศูนย์บริการในปี 2020 วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ สามารถขยายเครือข่ายโชว์รูมพันธมิตรเพิ่มอีก 3 แห่ง และยังสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานของโชว์รูม และศูนย์บริการพันธมิตรทุกสาขาให้สอดคล้องตามมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) ทุกขั้นตอน
ปี 2020 มียอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ 1,824 คัน โดยเป็นลูกค้าองค์กร 26 % ส่วนการจำหน่ายรถยนต์มือสองภายใต้มาตรฐาน Volvo Selekt Used Cars มีอัตราลดลงเพียง 10 % สำหรับรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในปีที่ผ่านมา ได้แก่รุ่น XC40 (เอกซ์ซี 40) คิดเป็น 30 % ของยอดจำหน่ายรวม อันดับ 2 คือ รุ่น XC60 (เอกซ์ซี 60) คิดเป็น 26 % และอันดับ 3 คือ รุ่น V60 (วี 60)คิดเป็น 16 % โดยรุ่นที่น่าจับตามอง คือ รุ่น S60 (เอส 60) ซึ่งเปิดตัวในช่วงการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคระบาด COVID-19 แต่ยังสามารถจำหน่ายได้นับ 100 คัน ทันทีที่เปิดจอง
ส่วนปี 2021 บริษัท ปรับกลยุทธ์ มุ่งสู่ภายใต้แนวคิด “Change Today for a Better Future”
- การแพร่ระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเป็นตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้ Volvo เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นในด้านผลิตภัณฑ์ การให้บริการของโชว์รูม และศูนย์ซ่อมบำรุง ไปจนถึงระบบสนับสนุนของศูนย์บริการลูกค้า Customer Relations Center (CRC) เพื่อให้ตอบรับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งร่วมสร้างสรรค์อนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้คน ตามแนวคิด “Change Today for a Better Future”
- การเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % รุ่นแรกของแบรนด์ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ ได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบรุ่นแรก Volvo XC40 Recharge Pure Electric (โวลโว เอกซ์ซี 40 รีชาร์จ เพียวร์ อีเลคทริค) ซึ่งสร้างกระแสความตื่นตัวด้านรถยนต์พลังไฟฟ้าในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างมาก ทั้งยังจับมือเป็นพันธมิตรกับ EA Anywhere ผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ระบบไฟฟ้าของเมืองไทย ซึ่งมีสถานีชาร์จไฟกว่า 1,000 จุดทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เดินทางไกลได้อย่างไร้กังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จไฟ และปูทางสู่อนาคตรถยนต์พลังไฟฟ้าที่ยั่งยืน
- ขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่าย และยกระดับศูนย์บริการซ่อมบำรุงต่อเนื่อง นอกจากการขับเคลื่อนโชว์รูมทุกแห่งให้สามารถมอบบริการตามมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ ได้เปิดตัวผู้จัดจำหน่ายรายใหม่อย่างเป็นทางการ จำนวน 3 ราย ได้แก่ 14 Auto Marque เขตจอมทอง, Newton Prestige Auto เขตตลิ่งชัน และ Phranakorn Swedish Car สาขาลาดพร้าว และอีก 1 ราย ล่าสุด GT Auto สาขาพัทยา เมื่อเร็วๆ นี้ ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ยังประกาศให้ ศูนย์บริการ Volvo ของ MW Motor One ผ่านการรับรองมาตรฐาน Volvo Personal Service (VPS) อย่างเป็นทางการ โดย วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ ยังคงมุ่งมั่นยกระดับโชว์รูม และศูนย์บริการทุกแห่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับบริการบนมาตรฐานระดับโลกจากศูนย์บริการรถยนต์ Volvo ทุกสาขาในประเทศไทย
- ศูนย์บริการลูกค้า Customer Relations Center (CRC) เพื่อมอบ Digital Services เต็มรูปแบบ ไม่เฉพาะการอัพเกรดผลิตภัณฑ์ Volvo ยังยกระดับประสิทธิภาพของศูนย์บริการลูกค้า สู่การเป็นศูนย์บริการลูกค้าระบบดิจิทอลเต็มรูปแบบ ให้เป็นมากกว่าสายด่วนตอบข้อซักถามทั่วไป “Customer Relations Center (CRC)” ในรูปแบบศูนย์ข้อมูลกลาง และการประสานงานผ่านเครือข่ายดิจิทอล รองรับทั้งการจำหน่ายรถยนต์ Volvo พลังงานไฟฟ้า (Pure Electric) ผ่านระบบออนไลน์แบบ Site to Store รวมถึงการทำธุรกรรมทั้งก่อน และหลังการขาย โดยมีฟีเจอร์หลัก คือ การรับแจ้งเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชม. ซึ่ง CRC จะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอัจริยะในรถยนต์ Volvo เพื่อรับสัญญาณแจ้งเหตุอัตโนมัติพร้อมข้อมูลพิกัดรถยนต์ เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีในทุกสถานการณ์ CRC จึงทำหน้าที่เปรียบเหมือนผู้ช่วยดิจิทอลที่คอยดูแลลูกค้า Volvo ตลอดการเดินทาง
พร้อมกันนี้ ยังได้เพิ่มช่องทางการขายให้มีความหลากหลายเพื่อตอบรับกับมาตรการเว้นระยะห่างของผู้คนในปัจจุบัน โดยนำเสนอทั้งช่องทาง Line Official Account และการสั่งซื้อผ่านเวบไซท์ www.volvocars.com/th โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งมีบริการ Site to Store โดดเด่นด้วยฟังค์ชันที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าในฝันได้โดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ หากพึงพอใจ สามารถสั่งซื้อ และนัดหมายรับรถยนต์ Volvo ที่ผู้จัดจำหน่ายสาขาใกล้บ้านได้อย่างรวดเร็ว โดย CRC จะคอยดูแลประสานงานเพื่อให้ธุรกรรมทุกขั้นตอนถูกต้อง เรียบร้อย และสะดวกรวดเร็วสำหรับลูกค้ามากที่สุด
เป้าหมายกลยุทธ์การขายในปี 2021 จากสถานการณ์ COVID-19 ยังคงส่อแววยืดเยื้ออีกเป็นเวลานาน และจะทำให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้า และการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ จึงเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์การดำเนินงานสู่ระบบดิจิทอล คือ แนวทางที่ตอบโจทย์กับสถานการณ์ในปัจจุบัน และจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ในอนาคต
นอกจากนี้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่บริษัทฯ มีแผนจะทยอยเปิดตัวในระยะเวลาอันใกล้นี้ จะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ Volvo ในปี 2021 ได้อย่างมีนัยสำคัญ
วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ กำหนดเป้าหมายให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ Volvo Car Corporation นั่นคือ ภายในปี 2025 นั้น 50 % ของยอดจำหน่ายรถยนต์ Volvo ต้องมาจากรถยนต์พลังไฟฟ้า 100 % และภายในปี 2030 รถยนต์ทุกรุ่นที่ Volvo จำหน่ายจะต้องเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้า 100 % เท่านั้น“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คนอย่างมาก ทำให้เราตระหนักว่า การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกวันนี้ กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานสู่ระบบดิจิทอลของ Volvo จึงเป็นอีกก้าวของการพัฒนาครั้งสำคัญ เพื่อให้แบรนด์ Volvo สามารถเชื่อมโยง และเข้าถึงลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เฉพาะเพื่อรองรับการจำหน่ายเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการมอบความสะดวกสบาย และดูแลความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ Volvo ตลอด 24 ชม. กล่าวได้ว่าทิศทางของ Volvo ในปีนี้ คือ การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม และบริการบนเครือข่ายดิจิทอล เพื่อให้เราเข้าใกล้ และเข้าใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น สมกับปรัชญาหลักในการทำงานของเรา People Are The Core of Everything We Do”
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/377977