ธุรกิจ
Michelin เปิดตัว Pilot Sport EV
Michelin (มิเชอแลง) ผู้นำด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยียางรถยนต์ระดับโลก เปิดตัว Michelin Pilot Sport EV (มิเชอแลง ไพลอท สปอร์ท อีวี) ยางรุ่นแรกในตระกูล Michelin Pilot Sport (มิเชอแลง ไพลอท สปอร์ท) ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรถยนต์สปอร์ทไฟฟ้าโดยเฉพาะ การเปิดตัวนวัตกรรมยางครั้งนี้มุ่งรองรับแนวโน้มการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Michelin ที่มีต่อการสัญจรอย่างยั่งยืน
นันทิยา พิทักษ์วงษ์ดีงาม ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2563 จำนวนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกพุ่งสูงถึงกว่า 10 ล้านคัน เป็นที่ชัดเจนว่ายานยนต์ไฟฟ้า คือ แนวโน้มสู่อนาคตปี 2573 แต่ที่ Michelin ต้องการสร้างอนาคตเรื่องการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้เกิดขึ้นเสียตั้งแต่วันนี้ ด้วยเหตุนี้ จึงขอเสนอยาง Michelin Pilot Sport EV ซึ่งรังสรรค์ขึ้นจากประสบการณ์กว่า 6 ปี ของ Michelin ในการแข่งขัน Formula E (ฟอร์มูลา อี) ส่งผลให้ยางรุ่นนี้มีคุณสมบัติโดดเด่นในการส่งเสริมสมรรถนะของรถสปอร์ทไฟฟ้าให้ถึงขีดสุด ทั้งยังให้ความเพลิดเพลิน และความปลอดภัยที่เหนือกว่าขณะขับขี่
Michelin Pilot Sport EV ให้คุณสมบัติที่โดดเด่น อาทิ
▪ศักยภาพในการยึดเกาะที่ดีเยี่ยมทั้งบนถนนเปียก และถนนแห้ง 3, 4 ไม่ว่ายางจะสึกอยู่ที่ระดับใดก็ตาม โดยคำนึงถึงน้ำหนักตัวรถและการกระจายน้ำหนักที่มากกว่าของรถสปอร์ทไฟฟ้า 6
▪ความสามารถในการต้านทานการสึกหรอที่โดดเด่น สามารถรองรับแรงเร่ง และแรงบิดสูงอันเป็นลักษณะเฉพาะของรถสปอร์ทไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5
▪แรงต้านทานการหมุนที่ต่ำมากของยาง Michelin Pilot Sport EV ส่งผลให้มีระยะทางวิ่งเพิ่มขึ้นถึง 60 กม. ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้งาน รถสปอร์ทไฟฟ้าได้เต็มสมรรถนะถึงขีดสุด 7
▪ประสิทธิภาพในการลดระดับเสียงรบกวนลงได้ถึง 20 % ด้วยเทคโนโลยี Michelin Acoustic TM ซึ่งอยู่ในรูปโฟมโพลียูรีเธนที่พัฒ นาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร จึงให้ความเพลิดเพลินในการขับขี่รถสปอร์ทไฟฟ้าที่เหนือกว่า 1
ยาง Michelin Pilot Sport EV ให้ประสบการณ์ที่เหนือกว่าซึ่งถ่ายทอดมาจากการแข่งรถ Formula E
Michelin ในฐานะพันธมิตรผู้ก่อตั้งการแข่งรถ Formula E มุ่งมั่นนำเสนอโซลูชันสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าประเภทที่นั่งเดี่ยวซึ่งใช้ในการแข่งขัน Formula E โดยยาง Michelin สำหรับการแข่งรถ รายการดังกล่าวมีลักษณะเหมือนกับยางสำหรับวิ่งบนถนนทางเรียบ แต่มีประสิทธิภาพสำหรับการแข่งขันประลองความเร็วในทุกสภาพอากาศ ทั้งนี้ ขนาดยางซึ่งอยู่ที่ 19 นิ้ว เป็นไปตามมาตรฐานยางสำหรับรถยนต์ทางเรียบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
ยาง Michelin Pilot Sport EV เป็นพัฒนาการจากความสำเร็จของ Michelin ในการแข่งรถ Formula E กว่า 6 ฤดูกาล โดยมาพร้อมเทคโนโลยี Electric Grip Compound TM ซึ่งใช้เนื้อยางที่มีความแข็งแกร่งสูงบริเวณตอนกลางของหน้ายาง จึงให้การยึดเกาะที่รองรับแรงบิดสูงของรถสปอร์ทไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันแก้มยางยังมีลวดลายและลักษณะพื้นผิวคล้ายกำมะหยี่เช่นเดียวกับยาง Michelin ที่ใช้ในการแข่งรถ Formula E ด้วย
ยางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็น 0 ในกระบวนการก่อนการขาย ณ จุดขาย
เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตลอดอายุการใช้งานยาง รวมทั้งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับ ขี่รถสปอร์ทไฟฟ้า Michelin ได้ให้คำมั่นที่จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็น 0 ในกิจกรรมการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิต และการขนส่งผลิตภัณฑ์ยางไปยังจุดจำหน่าย กระบวนการนี้ครอบคลุมการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการต่างๆ ที่มุ่งชดเชย และดูดซับแกสคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยาง และตกค้างอยู่ ผ่านกองทุนคาร์บอน Livelihoods Carbon Fund (LCF) จนกว่าจะสามารถขจัดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหลือ 0
ปัจจุบัน Michelin เป็นผู้ผลิตยางรถยนต์เพียงรายเดียวที่มีบทบาทในตลาดยางรถสปอร์ทไฟฟ้า ทั้งประเภทยางมาตรฐานติดรถ และยางเปลี่ยนทดแทน ทั้งนี้ ยาง Michelin Pilot Sport EV จะเริ่มทยอยออกวางจำหน่ายในปี 2564 โดยมีให้เลือก 16 ขนาด (ยางมาตรฐานติดรถ 11 ขนาด และยางสำหรับเปลี่ยนทดแทน 5 ขนาด) สำหรับล้อขอบ 18-22 นิ้ว
อนึ่ง ยาง Michelin Pilot Sport EVขนาด 20 นิ้ว ได้รับการรับรองให้ใช้งานกับรถยนต์ "Tesla Model Y" (เทสลา โมเดล วาย) ซึ่งทำตลาดในประเทศจีน ทั้งยังจะเป็นยางที่ทำตลาดทั่วโลก ครอบคลุมการใช้งานกับยานยนต์ในตลาดยุโรป และอเมริกาเหนือในปลายปี 2564 นอกจากนี้ Michelin ยังตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายในตลาดที่มีการเติบโตสูงให้ได้เป็น 8 เท่า ภายในปี 2567
ในประเทศไทย ยาง Michelin Pilot Sport EV มีวางจำหน่ายผ่านการสั่งจองล่วงหน้า 7 ขนาด (ขอบ 19-22 นิ้ว) ณ เครือข่ายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร Tire Plus และร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Michelin ทั่วประเทศ
1 ผลการวัดระดับเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (ช่วงความถี่ 170-230 เฮิร์ทซ์) ซึ่งดำเนินการเมื่อปี 2559 โดยใช้รถ KIA Cadenza (เกีย คาเดนซา) ที่ติดตั้งยางขนาด 245/45 R19 ทั้งนี้ เป็นการวัดระดับเสียงรบกวนที่ช่วงความถี่ 170-230 เฮิร์ทซ์ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับรถยนต์ที่ใช้ ขนาด และระยะวิ่งของยาง ความเร็วในการขับขี่ ตลอดจนสภาพถนน
2 Michelin สามารถลดปริมาณการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์จากพื้นที่โรงงานลงได้ถึงร้อยละ 25 มาตั้งแต่ปี 2553 และตั้งเป้าที่จะปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็น 0 ภายในปี 2593 ทั้งนี้ Michelinได้สนับสนุนเงินทุนให้แก่โครงการต่างๆ ที่มุ่งดูดซับหรือหลีกเลี่ยงการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้ได้รับคาร์บอนเครดิทจากโครงการเหล่านี้เทียบเท่ากับระดับการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ตกค้างในกระบวนการผลิตยาง Michelin Pilot Sport EV (ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบไปจนถึงการจัดส่งผลิต ภัณฑ์ยางให้แก่ลูกค้า) อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Livelihoods Carbon Fund ได้ที่: https://www.michelin.com/en/ sustainable-development-mobility/environment/
3 Michelin ได้ทำการศึกษาเรื่องความหนึบในการเข้าโค้งเมื่อเดือนตุลาคม 2563 โดยนำยาง Michelin Pilot Sport EV และยาง Michelin Pilot Sport 4 SUV (มิเชอแลง ไพลอท สปอร์ท 4 เอสยูวี) ขนาด 255/45 R19 มาทดสอบเปรียบเทียบสมรรถนะด้วยเครื่องจักรกล
4 ยาง Michelin Pilot Sport EVได้รับฉลาก EU ระดับ B ในเรื่องประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเปียก
5 ยางMichelin Pilot Sport EV ขนาด 255/45 R19 ที่นำมาทดสอบ ทั้งยางใหม่ และยางใกล้หมดดอก “ใกล้หมดดอก” ในที่นี้หมายถึงถูกทำให้สึกหรอด้วยเครื่องจักรจนลึกถึงสะพานยาง ตามระเบียบข้อบังคับของยุโรปเรื่องสะพานยาง (ECE R30R03F) ล้วนมีคุณสมบัติเหนือกว่ามาตรฐานข้อกำหนดเรื่องประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเปียกตามระเบียบข้อบังคับของยุโรปที่ R117
6 โครงสร้าง Max Touch Construction ช่วยเพิ่มหน้าสัมผัสระหว่างยางล้อกับพื้นผิวถนน ทั้งยังช่วยกระจายแรงกดให้สม่ำเสมอตลอดหน้ายางขณะเร่งความเร็ว เบรค และเข้าโค้ง ส่งผลให้หน้ายางมีอายุใช้งานยาวนานขึ้น ทั้งยังให้สมรรถนะดีดังเดิม
7 Michelin ได้ทำการศึกษาเรื่องแรงต้านทานการหมุนของล้อเมื่อเดือนตุลาคม 2563 โดยเปรียบเทียบระหว่างยาง Michelin Pilot Sport EV (แรงต้านทานการหมุน 6.7 กก./ตัน) และยาง Michelin Pilot Sport 4 SUV (แรงต้านทานการหมุน 8.8 กก./ตัน) ที่ขนาด 255/45 R19 เท่ากัน โดยใช้รถพลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 2,151 กก. ซึ่งจะวิ่งได้ระยะทาง 540 กม./การชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง แรงต้านทานการหมุนของล้อที่ต่างกัน 2.1 กก./ตัน ส่งผลให้ระยะทางวิ่งของยาง Michelin Pilot Sport EV เพิ่มขึ้นอีกกว่า 60 กม. หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 10 ของระยะทางประเมินเบื้องต้น
ABOUT THE AUTHOR
นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตคอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)