ระเบียงรถใหม่
Ford Ranger Raptor สัตว์ร้ายรุ่นใหม่ ! ดุดัน และแข็งแกร่งกว่าเดิม
Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์) รุ่นใหม่ ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ภายนอกดุดัน สมกับสมรรถนะที่ได้รับการยกระดับไปอีกขั้น ทั้งซุ้มล้อที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มความกว้างของรถ ไฟหน้าใหม่รูปตัว C อันเป็นดีเอนเอของรถกระบะจาก Ford ตัวอักษร F-O-R-D ขนาดใหญ่บนกระจังหน้า และกันชนที่เป็นอิสระจากกระจังหน้า
ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Day-time running lights) แบบแอลอีดี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่องสว่างขึ้นอีกระดับ โดดเด่นด้วยไฟเลี้ยวแบบไดนามิค ไฟสูงแบบตัดแสง และการปรับระดับแสงแบบอัตโนมัติเพื่อให้แสงสว่างที่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ รวมถึงผู้สัญจรที่ขับสวนทาง
ล้อแมกลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยาง All Terrain ยี่ห้อ BFGoodrich รุ่น KO2 ให้ความเท่ และดุดัน ภายใต้ซุ้มล้อที่สะดุดตา ช่องลมข้างบังโคลน นอกจากความสวยงามแล้วยังมีประโยชน์ด้านอากาศพลศาสตร์ เช่นเดียวกับการออกแบบพื้นผิวทั้งหมด บันไดข้างดีไซจ์นใหม่ทำจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง ช่วยเสริมรูปลักษณ์ และฟังค์ชันการใช้งานให้กับรถ ส่วนด้านหลังใช้ไฟท้ายแบบแอลอีดีกลมกลืนกับไฟหน้า กันชนหลังสีเทาเข้มมีบันไดเหยียบเพื่อขึ้นกระบะท้าย และชุดลากในตัวที่ติดตั้งในตำแหน่งสูงเพื่อเพิ่มมุมจาก โดยรายละเอียดของอุปกรณ์แตกต่างกันไปในแต่ละตลาด
การออกแบบภายในยังคงสื่อถึงพลัง และความดุดันของการเป็นตัวลุยสมรรถนะสูง เช่นเดียวกับการออกแบบตัวถังภายนอก ห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยใช้เบาะที่นั่งแบบสปอร์ท ทั้งเบาะหน้า และหลัง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินรบ มอบทั้งความสบาย และกระชับ แม้รถวิ่งด้วยความเร็วบนทางโค้ง
การตกแต่งรายละเอียดด้วยสีส้มบนแผงหน้าปัด การตัดขอบชิ้นส่วนหลักๆ ในห้องโดยสาร รวมถึงบนเบาะที่นั่งแบบสปอร์ท ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นอีกเมื่อเปิดไฟส่องสว่างสีอำพันอบอุ่นภายในห้องโดยสาร เสริมความหรูหราอีกขั้นด้วยพวงมาลัยหนังเกรดพรีเมียมจับกระชับมือ พร้อมแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย หรือ on- centre mark และแป้นแพดเดิล ชิฟท์เคลือบแมกนีเซียม
ห้องโดยสารของ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ ทำงานด้วยระบบดิจิทอลทั้งหมด ด้วยแผงหน้าปัดความชัดเจนสูงขนาด 12.4 นิ้ว และหน้าจอแบบสัมผัสตรงกลางขนาด 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อ และระบบความบันเทิงผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ระบบเสียง Bang & Olufsen 8 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์เสียงเหนือระดับระหว่างการผจญภัยครั้งใหม่
Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร วี 6 สูบ กำลังสูงสุดถึง 397 แรงม้า ที่ 5,650 รตน. และแรงบิดสูงสุด 59.5 กก.-ม. ที่ 3,500 รตน. โดยสเปคดังกล่าวคาดว่าจะเป็นรุ่นที่เตรียมทำตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนในภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยอาจจะยังเป็นเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร กับ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ที่จะวางจำหน่ายในปี 2566 รายละเอียดรถสำหรับแต่ละประเทศจะแจ้งเมื่อใกล้ถึงกำหนดการเปิดตัว
เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร วี 6 สูบ EcoBoost ใช้เสื้อสูบกราไฟท์ที่มีขนาดกะทัดรัด เมื่อเทียบกับเสื้อสูบเหล็กหล่อทั่วไปจะมีความแข็งแรงมากกว่าถึง 75 % และทนทานกว่าถึง 75 % โดยทีม Ford Performance ได้ออกแบบเพื่อให้เครื่องยนต์ตอบสนองกับการเร่งความเร็วได้อย่างฉับไว พร้อมระบบป้องกันการรอรอบแบบที่ใช้ในรถแข่งเพื่อมอบอัตราเร่งทันใจ
ระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System-ALS) เป็นส่วนหนึ่งของโหมด Baja II ใน Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ จะรักษาการหมุนของเทอร์โบชาร์เจอร์ที่ความเร็วสูงต่อไปอีกถึง 3 วินาที หลังจากผู้ขับขี่ปล่อยคันเร่ง รถจึงคืนความเร็วได้ทันใจขณะเร่งออกจากทางโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์
เครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่จะทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ซึ่งเกียร์แต่ละจังหวะได้รับการตั้งค่าเฉพาะตัวแตกต่างกัน ทำให้ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ พร้อมเอาชนะทุกเส้นทางหฤโหด ไม่ว่าจะเป็นกรวด ดินลูกรัง โคลน หรือทราย และด้วยระบบท่อไอเสียควบคุมไฟฟ้าพร้อมโหมดปรับเสียงให้เลือกได้ถึง 4 โหมด (โหมดเงียบ โหมดปกติ โหมดสปอร์ท และโหมด Baja) ผู้ขับขี่จึงปรับระดับความดังเสียงท่อไอเสียของ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ ให้มีความนุ่มนวลไปจนถึงเสียงกระหึ่มเร้าอารมณ์ได้ตามต้องการ
Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ ถูกเสริมความแข็งแกร่งให้แก่โครงสร้างตัวถังด้วยการประกอบ และอุปกรณ์เสริมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสา ซี กระบะท้าย ล้ออะไหล่ ไปจนถึงโครงรถแบบพิเศษที่พร้อมรองรับแรงกระแทกจากกันชน ขายึดชอคอับ และฐานยึดชอคอับด้านหลัง พร้อมตะลุยเส้นทางสมบุกสมบันสุดแสนหฤโหด และยังมาพร้อมช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยปีกนกบน และล่างใหม่ที่ทำจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา รวมถึงระบบกันสั่นสะเทือนที่มีระยะยืด/ยุบสูง พร้อมวัตต์ลิงค์ด้านหลังที่พัฒนามาเพื่อให้เจ้าของรถขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนขรุขระได้อย่างมั่นใจ
องค์ประกอบสำคัญของรถที่ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกจากลูกกระโดด และหลุมบ่อ คือ ระบบกันสะเทือน FOX แบบ ไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ช่วยลดการสะเทือนตามการเคลื่อนไหวของรถ นับว่าได้ว่าระบบกันสะเทือนนี้ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยใช้ใน Ford Ranger Raptor นอกจากนี้ ยังเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นผสม Teflon ที่ลดการเสียดสีลงได้ถึง 50 % เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้
ขณะที่ส่วนฮาร์ดแวร์ผลิตโดย FOX แต่ทีม Ford Performance คือ ผู้รับหน้าที่ปรับทูน และพัฒนาชอคอับรุ่นนี้ โดยผสมผสานการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในงานด้านวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering หรือ CAE) และการทดสอบรถในสถานการณ์จริง ตั้งแต่การปรับการทำงานของสปริงไปจนถึงการกำหนดความสูง การปรับแต่งวาล์ว และการออกแบบระดับการยืด/หดของชอคอับ เพื่อสร้างความสมดุลที่สมบูรณ์แบบที่สุด มอบทั้งความสะดวกสบาย การควบคุมรถ ความมั่นคง และการยึดเกาะถนนทั้งบนทางเรียบ และเส้นทางสมบุกสมบัน
ระบบช่วงล่างแบบ ไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ยังได้รับการปรับแต่งให้มอบความสบายบนทางเรียบ และประสิทธิภาพการขับขี่ทางลุยแบบความเร็วสูง และความเร็วต่ำได้ โดยทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ใหม่ ที่ผู้ขับขี่เลือกได้เอง
ระบบป้องกันการหดตัวค้าง (Bottom-Out Control) ของ FOX ที่ได้รับการพิสูจน์จากสนามแข่ง ช่วยสร้างแรงหน่วงสูงสุดในระยะ 25 % สุดท้ายของการหดตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ชอคอับค้าง ในทำนองเดียวกัน ระบบดังกล่าวยังช่วยชะลอการหดตัวของชอคอับด้านหลัง เพื่อไม่ให้รถกระแทกแรงเกินไปขณะเร่งความเร็ว เพิ่มความมั่นคงในการขับขี่มากขึ้น เมื่อระบบกันสะเทือนสร้างแรงหน่วงในปริมาณที่พอเหมาะในทุกการเคลื่อนไหวของรถ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ จึงยึดเกาะพื้นผิวได้ดีทั้งบนถนน และเส้นทางสมบุกสมบัน
สมรรถนะในการฟันฝ่าเส้นทางที่ท้าทายของ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ ยังมาจากการติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถที่มีขนาดใหญ่เกือบ 2 เท่าของขนาดปกติ อีกทั้งยังทำขึ้นจากเหล็กเหล็กที่มีความแข็งแรงหนา 2.3 มม. เมื่อประกอบเข้ากับแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์ และชุดเกียร์ จึงช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญ อาทิ หม้อน้ำ ระบบบังคับเลี้ยว คานด้านหน้า อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองได้ดีเยี่ยม
ตะขอลากจูงคู่หน้า และหลัง ทำให้รถพร้อมลุยในเส้นทางสมบุกสมบันทุกสถานการณ์ ให้ผู้ขับขี่เลือกใช้ตะขอใดตะขอหนึ่งเป็นจุดยึดสายลากจูงได้ ในกรณีที่ตะขออีกด้านเข้าถึงได้ยาก ขณะเดียวกันก็เพิ่มความสมดุลด้วยการใช้สายลากจูง 2 เส้น เพื่อดึงรถขึ้นจากหลุมทรายลึก หรือหล่มโคลนได้
นับเป็นครั้งแรกที่ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบการขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบตลอดเวลา โดยใช้ระบบเกียร์ไฟฟ้าใหม่ที่ปรับได้ 2 ระดับ และยังมาพร้อมระบบควบคุมเฟืองท้ายคู่หน้า และหลัง แบบ Locking Differentials ครั้งแรก นับเป็นคุณสมบัติที่ตอบโจทย์สายลุยตัวจริง
สิ่งที่ช่วยให้ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ พร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ เส้นทางโคลน หรือทางลูกรัง คือ โหมดการขับขี่เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย รวมไปถึงโหมดขับขี่ความเร็วสูงบนทางลุยอย่าง โหมด Baja ซึ่งระบบไฟฟ้าทั้งหมดปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด
โหมดการขับขี่ทางเรียบ
โหมดปกติ - ออกแบบมาเพื่อความสบาย ประหยัดเชื้อเพลิง และขับขี่สะดวก
โหมดสปอร์ท - ออกแบบมาให้ตอบสนองไวขึ้นสำหรับการขับขี่บนถนนอย่างสนุกสนาน
โหมดทางลื่น - ออกแบบมาให้ผู้ขับมีความมั่นใจในการขับขี่บนถนนลื่น หรือพื้นถนนที่ไม่สม่ำเสมอ
โหมดการขับขี่ทางสมบุกสมบัน
โหมดหิน - มอบการยึดเกาะและการทรงตัวที่เหนือชั้นบนพื้นผิวที่ลื่นไถลได้ง่าย
โหมดทราย - สำหรับใช้ขับบนพื้นทราย หรือหิมะ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลัง และการเปลี่ยนเกียร์
โหมดโคลน - เพิ่มศักยภาพในการยึดเกาะขณะออกตัว และรักษาการทรงตัวของรถ
โหมด Baja - เปลี่ยนเข้าสู่การขับขี่ด้วยความเร็วสูงเต็มสมรรถนะ โดยปรับทุกระบบให้พร้อมสำหรับการลุย
Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ ยังมาพร้อมระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ทางลุยพิเศษ (Trail Control) ทำหน้าที่เสมือนระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติสำหรับการขับขี่ทางลุย ผู้ขับขี่สามารถเลือกความเร็ว (ไม่เกิน 32 กม./ชม.) รถจะควบคุมการเร่งความเร็ว และการเบรค ผู้ขับขี่เพียงจดจ่อกับการบังคับควบคุมพวงมาลัยเพื่อฝ่าเส้นทางสุดท้าทายได้ง่ายขึ้น

















ABOUT THE AUTHOR

ภูเขม หน่อสวรรค์
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่ (บก. ออนไลน์)