FIA องค์กรจัดการด้านมอเตอร์สปอร์ทระดับโลก เป็นเจ้าภาพเปิดตัวรถแข่ง Formula E เจเนอเรชันที่ 3 ที่โมนาโค ด้วยรูปทรงที่แตกต่างจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด จะประเดิมสนามแรกรายการ Formula E World Championship ช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นการแข่งขันฤดูกาลที่ 9ข่าวจากประเทศอังกฤษ ระบุว่า Formula E เจเนอเรชันที่ 3 เปิดตัวด้วยรูปลักษณ์ใหม่ อัพเกรดด้านอากาศพลศาสตร์ พร้อมจัดการด้านพลังงานที่มีประสิทธิภาพ แรง และเร็ว ทำความเร็วสูงสุดได้ระดับ 320 กม./ชม. ตัวรถผ่านการปรับแต่งให้เหมาะสมสำหรับสนามแข่งขันรูปแบบสตรีทเซอร์กิท ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ ทั้งด้านสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และการรักษาสิ่งแวดล้อม อัพเกรดจากเจเนอเรชันที่ 2 หลายส่วน ทั้งเซทมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ ให้กำลังสูงสุด 470 แรงม้า นับว่าเป็นรถแข่งประเภทล้อเปิดแบบแรก ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถชาร์จพลังงานกลับคืนถึง 600 กิโลวัตต์ ซึ่งมากกว่าเดิม 2 เท่าของรถแข่งปัจจุบัน และการเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าในด้านหน้าจะเป็นการช่วยลดภาระของเบรค สำหรับแบทเตอรีสามารถนำไปเข้ากระบวนการรีไซเคิล และนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ ในส่วนของตัวรถ ที่ขึ้นรูปจากลินินและคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งช่วยลดกระบวนการผลิตที่ก่อให้เกิดคาร์บอนได้ 10 และ 26 % โดยใช้ยางที่ผลิตจากยางธรรมชาติ และเส้นใยรีไซเคิล Formula E เจเนอเรชันที่ 3 นับเป็นผลงานจากการทุ่มเทอย่างมากของทั้งส่วน Formula E และ ABB FIA Formula E World Championship ที่มี Alejandro Agag เป็นผู้ก่อตั้ง และประธานจัดการแข่งขัน ได้กล่าวว่า ทางองค์กรได้ทุ่มเทพัฒนาการด้านเทคโนโลยีให้ถึงขีดสุด ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดของรถพลังงานไฟฟ้าที่เป็นไปได้ในปัจจุบัน ผู้ติดตามทั่วโลกต่างก็จับจ้องการเปิดตัวรถแข่งรุ่นใหม่ ที่ผู้ผลิตได้ใช้เวลาในการพัฒนาถึง 2 ปี นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างสูง ในการเปิดตัวรถแข่งในการแข่งขัน Formula E สนามแรกที่โมนาโค ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์อันยาวนานของมอเตอร์สปอร์ท ทางผู้จัดได้กล่าวขอบคุณคณะทำงานทั้ง Formula E และ FIA ที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนารถแข่งพลังงานไฟฟ้า รวมไปถึงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ 7 ค่าย ที่ร่วมการแข่งขัน Formula E ฤดูกาลที่ 9 ได้แก่ DS, Jaguar, Mahindra, Maserati, Nio, Nissan และ Porsche รวมไปถึงชุดแข่งจาก Andretti, Envision และ Techeetah ด้วยความร่วมมือทั้ง Formula E และ FIA ทำให้การแข่งขันรายการนี้ได้รับความนิยมทั่วโลก จากรถแข่งสมรรถนะสูง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นับว่าเป็นความสำเร็จอย่างสูงสุดของ ABB FIA Formula E World Championship