ธุรกิจ
Bentley คืนชีพ T-Series
ครูว์-Bentley T-Series คันแรกถูกนำกลับมาฟื้นฟูใหม่อีกครั้ง หลังจากเก็บรักษามานานหลายทศวรรษ เครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 6¼ ลิตร ได้รับการสตาร์ทเป็นครั้งแรกในรอบอย่างน้อย 15 ปี โดยเครื่องยนต์ และกระปุกเกียร์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ายังอยู่ในสภาพดี แม้จะถูกเก็บรักษาเป็นเวลานาน หลังจากโครงการฟื้นฟูนี้ซึ่งมีกำหนดเวลาอย่างน้อย 18 เดือนในการซ่อมแซมรถยนต์ให้กลับมามีสภาพพร้อมใช้งานอีกครั้ง รุ่น T-Series จะถูกเพิ่มเข้าไปในคอลเลคชันอัครยนตรกรรมคลาสสิค (Heritage Collection) ของ Bentley ซึ่งเป็นคอลเลคชันที่ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ของแบรนด์อันยาวนานกว่า 103 ปี
อัครยนตรกรรมรุ่น T-Series ที่เก่าแก่ที่สุดคันนี้ ถูกประกอบขึ้นเมื่อวันที่ 28 กันยายน ปี 2508 โดยเป็นกรรมสิทธิ์ของทาง Bentley Motors และถูกกำหนดให้ทดลองขับทั่วโลก อัครยนตรกรรมคันนี้เสร็จสิ้นการทำเฉดสีภายนอกด้วยเฉดสีเทา Shell Grey และการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุหนังสีน้ำเงิน
รถยนต์ได้รับการเปิดตัว และจัดแสดงเป็นครั้งแรกที่งานมหกรรมยานยนต์ปารีส เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ปี 2508 ซึ่งแตกต่างอย่างมากจากรุ่นก่อนหน้าอย่างรุ่น S-Type และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอัครยนตรกรรมรุ่น T-Series คือ อัครยนตรกรรม Bentley คันแรกที่ใช้วิธีการประกอบแบบรวม โดยการใช้ตัวถังแบบไร้โครง แทนโครงรถแบบแชสซีส์ และเทคนิคการประกอบตัวถังที่แตกต่างจากทุกรุ่นก่อนหน้านั้น
เครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 6¼ ลิตร ผลิตพละกำลังกว่า 225 แรงม้า ได้รับการออกแบบ และเปิดตัวครั้งแรกในปี 2502 กับอัครยนตรกรรม Bentley รุ่น S2 ในขณะนั้น เครื่องยนต์มอบสมรรถนะสูงสุดตามน้ำหนักของรถยนต์ที่ 2.7 ปอนด์/แรงม้า (1.2 กก./แรงม้า) เครื่องยนต์ได้รับการวิจารณ์ในแง่ลบในขณะนั้น แต่ด้วยจุดแข็ง ความน่าเชื่อถือ และศักยภาพในการพัฒนา ทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้กลายเป็นเครื่องยนต์หลักของ Bentley ในอีก 50 ปีต่อมา โดยก่อนหน้าที่เครื่องยนต์รุ่นนี้ได้ถูกเลิกพัฒนาไปในปี 2562 ตัวเครื่องยนต์สามารถผลิตพละกำลังได้มากกว่า 2 เท่า และ 3 เท่าของแรงบิด ในขณะที่ปล่อยไอเสียน้อยลงกว่า 99 %
ในเดือนตุลาคม ปี 2559 Bentley Motors เริ่มกระบวนการฟื้นฟูอัครยนตรกรรม Bentley รุ่น T-Series หมายเลข VIN 001 โดยเริ่มต้นด้วยการถอดขอบ และการปรับสภาพตัวถังในเฉดสีขาว ซึ่งหลังจากการเตรียมการเบื้องต้นได้ไม่นาน โครงการฟื้นฟูก็มีอันต้องถูกระงับไป เนื่องจากการเปิดตัวของอัครยนตรกรรมรุ่นใหม่ และอัครยนตรกรรมที่ใช้พลังงานไฟฟ้า แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาอัครยนตรกรรมคลาสสิค ตอนนี้อัครยนตรกรรมรุ่น T-Series ก็ได้กลับมาอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูอีกครั้ง
เรื่องราวของอัครยนตรกรรมรุ่น T-Series
ในปี 2501 Bentley Motors เริ่มงานออกแบบโครงสร้างตัวถังแบบไร้โครงเป็นครั้งแรก ซึ่ง Bentley เป็นที่รู้จักจากงานออกแบบตัวถังซึ่งเป็นโครงสร้างแชสซีส์แบบแยกจากกัน แต่จากความคาดหวัง และความต้องการของลูกค้าที่ได้เปลี่ยนไป และการออกแบบตัวถังเชิงพาณิชย์ที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง ทำให้ Bentley ต้องออกแบบอัครยนตรกรรมให้มีขนาดเล็กลง แต่ยังคงพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ความหรูหรา และความสะดวกสบายไว้เหมือนเดิมตามความคาดหวังของลูกค้า
ในปี 2505 John Blatchley ผู้มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบอัครยนตรกรรม Bentley รุ่น R-Type Continental ได้เสร็จสิ้นการออกแบบภายนอกสำหรับตัวถังแบบไร้โครงแบบใหม่ที่ทำจากเหล็ก และอลูมิเนียม การออกแบบได้ปรับปรุงพื้นที่ภายในห้องโดยสารจากรุ่น S3 รุ่นก่อน ซึ่งมีขนาดตัวถังที่เล็กลง 7 นิ้ว เพดานห้องโดยสารต่ำลง 5 นิ้ว และความกว้างลดลง 3 นิ้วครึ่ง โดยรวมห้องโดยสารมีขนาดพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น และมีช่องเก็บสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มความจุในการเก็บกระเป๋าเดินทาง
สำหรับเครื่องยนต์รุ่น V8 รถยนต์ต้นแบบทั้งหมด 7 คัน ได้ทำการทดสอบการใช้เครื่องยนต์รุ่น V8 ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยการวิ่งระยะไกลกว่า 100,000 ไมล์ ซึ่งนวัตกรรมการออกแบบได้รวมถึงการติดตั้งซับเฟรมที่แยกจากกันเพื่อการติดตั้งเครื่องยนต์ และเกียร์ ระบบกันสะเทือน พวงมาลัย และเพลาหลัง พร้อมฐานรองยาง "Vibrashock" ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแยกเสียงรบกวนภายนอก และการสั่นสะเทือนบนท้องถนน
T-Series ประกอบจากโครงรถนวัตกรรมชั้นสูง พร้อมระบบกันสะเทือนแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบควบคุมความสูงอัตโนมัติตามน้ำหนักบรรทุก แรงกดสำหรับระบบกันสะเทือนแบบปรับระดับอัตโนมัติมาจากระบบเบรคแบบไฮดรอลิค ซึ่งประกอบด้วยดิสค์เบรคทั้ง 4 ล้อ ระบบกันสะเทือนของช่วงล่าง และคอยล์สปริงบริเวณด้านหน้า และด้านหลัง
อัครยนตรกรรมรุ่นนี้ คือ ตัวอย่างที่ชัดเจนของการปฏิวัติทางวิศวกรรมยานยนต์ เนื่องจากเป็นอัครยนตรกรรม Bentley คันแรกที่เป็นการประกอบจากตัวถังแบบไร้โครง และน้ำหนักเบา มอบสมรรถนะที่น่าประทับใจในประเภทของรถยนต์แบบซีดานในปี 2508 ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 115 ไมล์/ชั่วโมง และสามารถทำความเร็ว 0-62 ไมล์/ชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 10.9 วินาที
Bentley T-Series รุ่นแรกถูกประกอบขึ้นจำนวนกว่า 1,868 คัน โดยมีราคาขายก่อนภาษีอยู่ที่ 5,425 ปอนด์ โดยส่วนใหญ่เป็นรถเก๋งซีดานแบบ 4 ประตู สำหรับรุ่น 2 ประตูถูกประกอบขึ้นในปี 2509 และอีก 1 ปีต่อมาได้มีการเปิดตัวรุ่นเปิดประทุน อย่างไรก็ตาม จำนวนการผลิตของ 2 รุ่นนี้มีอยู่เพียงแค่ 41 คันเท่านั้น โดยมีอัครยนตรกรรมรุ่นที่ 2 หรือที่รู้จักกันในนามว่ารุ่น T2 เปิดตัวในปี 2520 และผลิตต่อมาจนถึงปี 2523
เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิสฯ มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดในการครอบครอง New Bentayga Hybrid กับราคาเริ่มต้นที่ 13.2 ล้านบาท และ New Flying Spur Hybrid กับราคาเริ่มต้นที่ 14.2 ล้านบาท พร้อมการรับประกันแบทเตอรีไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันจากโรงงานผู้ผลิตฯ พร้อมตัวเลือกสำหรับแผนต่อระยะเวลาการรับประกันจากโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี และผู้ช่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/408865