ปัญหาที่มาพร้อมกับฤดูฝน ตอนอยู่บนท้องถนน คือ ความอันตราย และความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ช่วงนี้ “autoinfo.co.th ” มี 5 ข้อห้ามที่อย่าหาทำ ขณะขับรถสู้ฝนมาฝาก...1. ห้ามขับเร็ว เมื่อเจอถนนเปียก ลื่น มีน้ำขัง น้ำฝนจะเข้าไปอยู่ระหว่างยางรถยนต์กับพื้นผิวถนน อาจเกิดอาการรถเหินน้ำ ซึ่งมาจากการขับรถด้วยความเร็วสูงผ่านบริเวณที่มีแอ่งน้ำท่วมขัง ทำให้ยางไม่สามารถรีดน้ำออกจากหน้าสัมผัสได้ทัน ส่งผลให้ล้อหมุนลอยอยู่บนน้ำ ไม่สัมผัสกับพื้นถนน และเกิดการลื่นไถลจนไม่สามารถควบคุมรถได้ ดังนั้น ต้องขับช้าๆ อย่ารีบร้อน 2. ห้ามแตะเบรคกะทันหัน เวลาฝนตก น้ำบนถนนจะทำให้หน้ายางสัมผัสกับถนนน้อยลง อย่าแตะเบรคกะทันหัน และเบรคโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้รถเสียการทรงตัวจนไม่สามารถควบคุมได้ โดยต้องแตะเบรคแต่เนิ่นๆ และไม่ขับชิดคันหน้ามากเกินไป เว้นระยะห่างสัก 10-15 ม. 3. ห้ามเปิดไฟฉุกเฉิน สิ่งที่ต้องย้ำกันทุกหน้าฝน คือ ห้ามเปิดไฟฉุกเฉินวิ่งขณะฝนตก หลายคนอาจคิดว่า การเปิดไฟฉุกเฉินจะช่วยให้คันอื่นเห็นรถตัวเองง่ายขึ้น แต่ในความเป็นจริง การเปิดไฟฉุกเฉินวิ่งท่ามกลางสายฝน จะทำให้รถคันอื่นไม่สามารถรู้ได้เลยว่า รถของคุณจะเปลี่ยนเลน หรือจะเลี้ยวตอนไหน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้น แค่เปิดไฟหน้าเพื่อเพิ่มทัศนวิสัย และให้รถคันอื่นมองเห็นรถคุณง่ายขึ้นก็เพียงพอแล้ว 4. ห้ามเปิดไฟสูง หลายคนมีความเชื่อว่าเมื่อฝนตกหนักต้องใช้ไฟสูง แต่ลำแสงของไฟสูงจะไปแยงตารถคันที่สวนมาจนเกิดอุบัติเหตุได้ ให้เปิดเพียงไฟต่ำก็พอสำหรับการมองเห็นในขณะฝนตก หรือหากฝนตกหนักจนไม่สามารถมองเห็นหน้า เห็นหลัง และพื้นถนน ควรจอดในบริเวณที่ปลอดภัย และรอจนฝนเบาลงก่อนจึงค่อยเดินทางต่อ 5. ห้ามขับรถลุยน้ำ บางพื้นที่เมื่อฝนตกหนักจะเกิดน้ำท่วมขังบริเวณถนน ซึ่งความจริงแล้วคุณคาดเดาไม่ได้เลยว่าระดับน้ำที่รออยู่ข้างหน้าจะตื้น หรือลึกระดับไหน ถ้าดันทุรังลุยน้ำเกินกว่าระดับที่ท้องรถรับได้ จะส่งผลต่อห้องเครื่อง ทำให้เครื่องยนต์ดับ หรือนอคกลางน้ำทันที อุปกรณ์ติดรถหน้าฝน : ร่ม เสื้อกันฝน และหมวก เผื่อต้องออกไปนอกรถ สเปรย์ไล่ความชื้น กระดาษทิชชู ไฟฉาย ผ้าพลาสติค สายพ่วงแบทเตอรี สายลากรถ สำหรับช่วยตัวเอง หากรถเกิดปัญหากลางทาง อ่านเพิ่มเติม >>> "อาการเหินน้ำ" ภัยอันตราย ที่อย่ามองข้าม ! >>> "เตรียมรถให้พร้อม" ก่อนลุยฝน >>> หลังลุยน้ำลึก ต้องทำอย่างไร ?