เมื่อถึงหน้าฝน หลายคนมีความกังวลว่า รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใช้กันอยู่จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ เมื่อต้องเผชิญกับฝนตกหนัก หรือขับลุยน้ำท่วม วันนี้เรามาไขข้อข้องใจ เกี่ยวกับการใช้งานรถไฟฟ้าหน้าฝนไปพร้อมกัน...
รถยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ตามปกติแม้โดนฝน เพราะมอเตอร์ แบทเตอรี และอุปกรณ์เชื่อมต่อระบบไฟฟ้า ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีด้วยฉนวนไฟฟ้า รวมถึงมีเซนเซอร์ตรวจจับไฟฟ้ารั่ว และระบบป้องกันการลัดวงจรลงดิน (Ground Fault Protection) แบทเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าจะอยู่ด้านล่างตัวรถ ดังนั้น บริษัทรถยนต์จึงออกแบบระบบให้ป้องกันน้ำได้ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งระดับการป้องกันน้ำ บางบริษัทจะระบุเป็นโค้ด “IP” และค่า IP รถยนต์ไฟฟ้า ที่ได้มาตรฐาน จะต้องไม่ต่ำกว่า IP67 และสูงจนถึงระดับ IP69
แท่นชาร์จของทุกบริษัทออกแบบตามมาตรฐาน และมีระบบป้องกันเป็นอย่างดี โดยจะมีช่องที่สามารถระบายน้ำได้ แม้ในช่วงฝนตก ทำให้ไม่มีน้ำขังบริเวณหัวประจุ รวมถึงมีการติดตั้งระบบตัดไฟรั่ว ไฟเกิน (Circuit Breaker) และลงสายดินเอาไว้ทุกตู้ ตัวรถส่วนใหญ่ยังมีซีลกันน้ำที่สามารถกันฝุ่น และกันน้ำสาด ป้องกันน้ำฝนกระเด็นเข้าไปยังขั้วชาร์จไฟฟ้า ซึ่งระบบเซนเซอร์จะตัดกำลังไฟฟ้าทันทีหากพบกระแสไฟรั่วในวงจร แต่ผู้ใช้งานจำเป็นต้องเพิ่มความปลอดภัยด้วยการสำรวจบริเวณแท่นชาร์จ หัวประจุ และสายไฟทุกครั้งก่อนชาร์จว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ รวมถึงเช็ดทำความสะอาดบริเวณจุดที่ชาร์จให้แห้งก่อนปิดฝา เพื่อป้องกันละอองน้ำฝนที่อาจกระเด็นเข้าไปตรงที่ชาร์จไฟ
รถยนต์ไฟฟ้ามีการทดสอบ IP RATING (Ingress Protection) ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานในการป้องกันของแข็ง และของเหลวเข้าภายในตัวรถ โดยค่ามาตรฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปอยู่ที่ IP67 ไปจนถึง IP68 การันตีได้ว่าสามารถป้องกันความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม แต่อย่าลืมเชคเสปครถว่าสามารถจมน้ำได้ในระดับไหน หากจำเป็นต้องขับรถขณะน้ำท่วม ผู้ใช้งานต้องเพิ่มความระมัดระวัง ด้วยการค่อยๆ ขับ ใช้ความเร็วต่ำ คอยระวังสิ่งกีดขวาง เช่น ท่อนไม้ หรือก้อนหิน ที่อาจสร้างความเสียหายให้แก่แบทเตอรี และอย่าจอดรถค้างไว้เป็นเวลานาน
ผู้เชี่ยวชาญรถยนต์ไฟฟ้า บอกว่า “การขับรถยนต์ไฟฟ้าฝ่าน้ำท่วม ไม่ใช่เรื่องอันตราย แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่บ้าง หากน้ำขึ้นมาถึงขอบประตู และหากจะฝ่าเกิน 5 นาที ถือว่ามีความเสี่ยงสูง เพราะมีโอกาสซึมเข้าตัวรถ อีกทั้ง กูรูยานยนต์ไฟฟ้า ยังบอกอีกว่า ระหว่างรถยนต์ไฟฟ้า กับรถยนต์น้ำมัน เมื่อขับรถฝ่าน้ำท่วม รถยนต์น้ำมันอาจจะเกิดผลกระทบมากกว่า เพราะมีการดูดอากาศเข้าเครื่องยนต์ มีโอกาสเสียหายมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้า
ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ได้การันตีว่ามีการทดสอบการกันน้ำในระดับ 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที หรืออย่าให้เกินครึ่งล้อรถ (ขึ้นอยู่กับระดับความสูงของรถ) โดย Great wall Motor รายงานว่า รถยนต์ไฟฟ้า EV สามารถขับได้อย่างปลอดภัยในสภาวะน้ำท่วม ระบบในรถได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี และป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในระบบ เพราะมีการทดสอบ IP Rating ซึ่งค่ามาตรฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยทั่วไปอยู่ที่ IP67 การันตีว่า สามารถป้องกันความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมไม่เกิน 1 เมตรได้ ภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที
โดยผู้เชี่ยวชาญยานยนต์ไฟฟ้า บอกว่า รถ EV ใหม่ๆ น่าจะยังไม่มีปัญหาในตอนนี้ ถ้าหมั่นเข้าศูนย์ตรวจเชคตามรอบ และเชื่อว่า การป้องกันน้ำของแบทเตอรี กว่าจะเสื่อมน่าจะใช้เวลาเป็น 10 ปี เพราะไม่ได้ขับรถลุยน้ำทุกวัน อีกทั้งก่อนที่รถ EV จะถูกนำออกมาจำหน่าย ได้มีการทดสอบเรื่องไฟรั่ว หรือขับรถยนต์ลุยน้ำมาแล้ว
อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ EV Charger เช่น ปลั๊กชาร์จในตัวรถ, พอร์ทชาร์จ หรือสายชาร์จ สามารถกันน้ำได้ 100 % เพราะถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ และน้ำ
ผู้เชี่ยวชาญรถยนต์ไฟฟ้า เชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ขายในเมืองไทย มีความปลอดภัยทั้งหมด และยังไม่เคยเห็นเคสที่รถยนต์ไฟฟ้า ลุยน้ำท่วมแล้วคนถูกไฟชอทตาย ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ โดยมาตรฐาน IP67 จะสามารถป้องกันน้ำ จมน้ำ ได้ประมาณ 30 นาที ดังนั้น รถยนต์ไฟฟ้าไม่ควรลุยน้ำสูงเกิน 30 นาที ไม่เช่นนั้นก็มีโอกาสที่น้ำจะเข้าไปในระบบแบทเตอรี หากน้ำเข้าไปในแบทเตอรี แล้วเกิดการ “ชอท” ก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต เพราะเมื่อไหร่ที่ไฟฟ้าชอท เครื่องยนต์จะดับ
*** มาตรฐาน IP มีตัวเลขแสดงระดับการป้องกันอยู่ 2 หลัก หลักแรกแสดงถึงระดับการป้องกันจาก ของแข็ง รวมไปถึงฝุ่น มีตั้งแต่ระดับ 0-6 หลักที่ 2 แสดงระดับการป้องกันของเหลว ตั้งแต่ 0-8 ซึ่งค่ามาตรฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปอยู่ที่ IP67