กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียล เมื่อมีคนโพสต์ถึงน้ำมัน แบรนด์ดังต่างชาติ ว่าเติมแล้ววิ่งได้ไกลกว่าแบรนด์บ้านเรา “Autoinfo Online” จะพาไปไขข้อข้องใจนี้ พร้อมกัน...น้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละยี่ห้อที่มีขายอยู่ในประเทศไทย ล้วนต้องผ่านมาตรฐานคุณภาพที่กำหนดโดยกรมธุรกิจพลังงาน ว่ามีความเหมาะสม สำหรับใช้งานกับรถยนต์ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ทั้งรถเก่า และรถใหม่ ซึ่งบริษัทน้ำมันแต่ละยี่ห้อ มีการปรับปรุงคุณภาพเพิ่มเติม ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันออกไปตามสูตรของแต่ละแบรนด์ เช่น การเติมสารต่างๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติพิเศษของน้ำมันแต่ละชนิด นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน รู้จักน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้กับรถยนต์ ก่อนจะเข้าเรื่องเราจะมาทบทวน น้ำมันเชื้อเพลิงที่จำหน่ายในสถานีบริการบ้านเรากันก่อน โดยมีอยู่ 2 ประเภท คือ “น้ำมันเบนซิน” และ “น้ำมันดีเซล” น้ำมันเบนซิน น้ำมันเบนซินส่วนมากมาจากการกลั่นน้ำมันดิบ มักอยู่ในรถยนต์นั่ง มีรอบจัด เน้นความเร็วสูง ประกอบไปด้วย - เบนซิน ออคเทน 95 : เป็นน้ำมันที่มีค่าออคเทนสูงที่สุดในประเทศไทย ใช้กับรถยนต์ได้ทุกประเภท และยังไม่มีส่วนผสมของแกสโซฮอล หรือเอธิลแอลกอฮอล ช่วยให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์ เป็นน้ำมันที่ตอบสนองการขับได้ดีที่สุด - เบนซิน ออคเทน 91 : มีความคล้ายกับเบนซิน ออคเทน 95 แต่เป็นเวอร์ชันที่ลดคุณภาพค่าออคเทนลงมาเล็กน้อย แต่ยังคงไม่มีส่วนผสมของแกสโซฮอล หรือเอธิลแอลกอฮอล เหมาะกับรถยนต์รุ่นเก่า หรือรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตในประเทศไทย ให้การตอบสนองการขับขี่ได้ดี ไม่ต่างกับ ออคเทน 95 น้ำมันแกสโซฮอล น้ำมันแกสโซฮอลเกิดจากแนวคิดพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในการหาสิ่งทดแทนพลังงานของน้ำมัน กับการแก้ปัญหาราคาตกต่ำของพืชผัก โดยแนวทางหลัก คือ ใช้แอลกอฮอลที่สกัดจากพืชผลของเกษตรกรไทย เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด ข้าว และอ้อย ที่เรียกว่า เอธานอล หรือเอธิลแอลกอฮอล มาผสมผสานกับน้ำมันเบนซิน จนกลายมาเป็นพลังงานทดแทน แกสโซฮอล (Gasohol) ในปัจจุบัน จะสังเกตเห็นได้ว่ามี ตัว E และตามด้วยตัวเลข นั่นก็คือ จำนวนเปอร์เซนต์ ที่มีเอธานอลผสมอยู่ - น้ำมันแกสโซฮอล 91 (E10) เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของน้ำมันเบนซิน ออคเทน 91: 9 ส่วน ผสมกับเอธานอล ที่มีความบริสุทธิ์ 99.5 %: 1 ส่วน มีข้อดีคือ ราคาถูก และเป็นที่นิยมอย่างมาก ไม่มีผลกระทบต่อสมรรถนะเครื่องยนต์ - น้ำมันแกสโซฮอล 95 (E10) เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงในกลุ่มของแกสโซลีน ที่ถูกผลิตมาใช้แทนน้ำมันเบนซิน ออคเทน 95 โดยมีส่วนผสมของน้ำมันเบนซิน ออคเทน 95: 9 ส่วน และเอธานอล ที่มีความบริสุทธิ์ 99.5 %: 1 ส่วน ทำให้แกสโซฮอลที่ออกมา มีออคเทนเทียบเท่ากับ เบนซิน 95 - น้ำมันแกสโซฮอล 95 พรีเมียม (E10) เป็นน้ำมันที่ผู้ค้าน้ำมัน ผลิตขึ้นเพื่อเหตุผลทางการตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงในกลุ่มของแกสโซลีน ที่ถูกผลิตมาใช้แทนน้ำมันเบนซิน ออคเทน 95 มีส่วนผสมของน้ำมันเบนซิน ออคเทน 95: 9 ส่วน และเอธานอล ที่มีความบริสุทธิ์ 99.5 %: 1 ส่วน เช่นเดียวกับแกสโซฮอล 95 (E10) แต่แกสโซฮอล 95 พรีเมียม (E10) มีการเพิ่มสารเติมแต่งเครื่องยนต์เข้าไป (ตามสูตรของแต่ละแบรนด์) ทำให้มีประสิทธิภาพสูงกว่าน้ำมันแกสโซฮอล 95 (E10) แบบปกติ - น้ำมันแกสโซฮอล E20 มีส่วนผสมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการนำน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ผสมกับเอธานอล หรือเอธิลแอลกอฮอล ซึ่งเป็นแอลกอฮอลบริสุทธิ์ 99.5 % ในอัตราส่วน เบนซิน 80 % ต่อเอธานอล 20 % พลังงานรวมจะด้อยกว่าแกสโซฮอล 95 และ 91 มักเน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก - น้ำมันแกสโซฮอล E85 เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของน้ำมันเบนซิน ออคเทน 95: 15 % ผสมกับเอธานอล 85 % เป็นน้ำมันที่มีราคาถูกที่สุด เพราะมีปริมาณส่วนผสมของน้ำมันเบนซินค่อนข้างน้อย ทำให้มีการระเหยสูง เพราะมีส่วนผสมของแอลกอฮอลมาก น้ำมันดีเซล เป็นน้ำมันที่มาจากการกลั่นน้ำมันดิบ เช่นเดียวกับน้ำมันเบนซิน มักใช้กับรถบรรทุกหนัก เช่น รถกระบะ รถบรรทุก เป็นต้น โดยเครื่องยนต์ดีเซลเป็นเครื่องยนต์ที่มีแรงอัดสูง สามารถจุดระเบิดได้เอง การจุดระเบิดของเชื้อเพลิงชนิดนี้เกิดขึ้นจากความร้อนของแรงอัดสูงของอากาศในกระบอกสูบ แบ่งตามคุณสมบัติ ดังนี้ - น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว: ใช้กับเครื่องยนต์ที่มีความเร็วรอบสูงเกิน 1,000 รตน. ขึ้นไป เช่น รถยนต์, รถบรรทุก, เรือประมง, เรือโดยสาร, รถทแรคเตอร์ เครื่องยนต์ประเภทนี้ จำเป็นต้องใช้น้ำมันที่มีค่าซีเทนสูง (ค่าที่แสดงถึงคุณภาพการจุดติดไฟ) และมีการระเหยเร็ว - น้ำมันดีเซลหมุนช้า: ใช้กับเครื่องยนต์ที่มีความเร็วรอบต่ำกว่า 1,000 รตน. เช่น เครื่องจักรกล เป็นน้ำมันผสมระหว่างน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันเตา ในอัตราส่วนที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของกระทรวงพาณิชย์ - น้ำมันดีเซล เกรดพรีเมียม: เป็นน้ำมันที่ผู้ค้าน้ำมันปรับปรุงเพื่อการตลาด ซึ่งแต่ละแบรนด์ จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นน้ำมันตัวพิเศษ ที่มีราคาสูงกว่าแบบปกติ ข้อดี คือ มีการเผาไหม้ที่หมดจด ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มที่ ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกภายในเครื่องยนต์ได้ น้ำมันเกรดพรีเมียม และน้ำมันเกรดปกติ ต่างกันไหม ? น้ำมันในกลุ่มเบนซิน-แกสโซฮอล ที่กรมธุรกิจพลังงานกําหนดมาตรฐานคุณภาพทั่วไปแล้ว ยังกําหนดให้มีการเติมแต่งสารประเภททำความสะอาดเครื่องยนต์ ซึ่งจะส่งผลให้น้ำมันเผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น ขณะที่น้ำมันดีเซล ไม่ได้มีการกําหนดให้ต้องเติมแต่งสาร แต่ผู้ค้าน้ำมันบางรายเติมสารเติมแต่งลงในน้ำมันดีเซล เนื่องจากต้องการเป็นหนึ่งในการแข่งขันทางการตลาด โดยการเติมสารเติมแต่งในน้ำมันดีเซล จะต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมธุรกิจพลังงาน เช่นเดียวกับการเติมสารเติมแต่งในน้ำมันเบนซิน-แกสโซฮอล น้ำมันชนิดเดียวกัน แต่สารเติมแต่งแตกต่างกัน ? หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ถึงแม้จะเติมน้ำมันชนิดเดียวกัน แต่ส่วนผสมน้ำมันในแต่ละผู้ขายน้ำมันมีความแตกต่างกันตามแต่ละยี่ห้อ แม้น้ำมันเชื้อเพลิงจะผ่านกระบวนการกลั่นมาจากน้ำมันดิบที่เดียวกัน ก่อนที่จะกลายมาเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ผู้ขายแต่ละยี่ห้อต่างใส่สารเติมแต่งเข้าไป เพื่อให้ได้น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดพิเศษในแบบฉบับของตน จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมน้ำมันชนิดเดียวกัน แต่ราคาน้ำมันของแต่ละปั๊มมีความแตกต่างกัน ส่วนหนึ่งเพราะสารเติมแต่งที่แตกต่างกัน แต่ถึงอย่างนั้น เรายังสามารถเติมน้ำมันชนิดเดียวกันที่มีให้บริการในแต่ละปั๊มน้ำมันได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ เนื่องจากมีการกำหนดมาตรฐานจากกรมธุรกิจพลังงาน สรุป น้ำมันแต่ละยี่ห้อ มีความแตกต่างกันกันจริง ! น้ำมันแต่ละยี่ห้อนั้น มีพื้นฐานเดียวกัน อาจแตกต่างกันบ้างในรายละเอียดของส่วนผสมจากสารเติมแต่ง ซึ่งแต่ละยี่ห้อ จะชูจุดขายของตัวเอง โดยผู้บริโภคจะเห็นได้จากในส่วนของ “ราคา” ส่วนในเรื่องน้ำมันแต่ละยี่ห้อ ที่สามารถวิ่งได้ไกลต่างกัน ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับ ปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมการใช้รถ สภาพเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์ หรือสภาพเส้นทางที่ใช้เป็นประจำ เป็นต้น อ่านต่อ : ย้อนรอยครึ่งศตวรรษ วิกฤตน้ำมันแพงในไทย !! : ถอดโครงสร้างราคาน้ำมันในไทย มีค่าอะไรต้องจ่ายบ้าง ?