ธุรกิจ
Porsche ไล่ล่าความฝันสู่เทือกเขา Ojos Del Salado

ทีมงาน นำโดยนักแข่งรถ Endurance และนักผจญภัยตัวยง Romain Dumas ได้วางแผนเพื่อไปให้ถึงขีดจำกัดของ Porsche 911 ด้วยการเลือกภูมิภาคที่โหดร้าย และทารุณที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำหรับจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งนี้ นั่นคือ Ojos Del Salado เทือกเขาสูงชันในประเทศชิลี ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในโลก
บททดสอบแรกของทีมงาน และตัวรถเริ่มขึ้นทันที จากการที่ Porsche 911 กลายเป็นยานพาหนะเพียงไม่กี่ชนิดที่ต้องเผชิญหน้ากับระดับความสูงเทียมเมฆ ที่ระดับความสูงกว่า 6,007 ม. (19,708 ฟิต) รถสปอร์ท Porsche 911 ภายใต้การบังคับควบคุมของ Romain Dumas โลดแล่นไปบนลาดเขาที่ลื่นราวกับวิ่งอยู่ในทุ่งน้ำแข็ง นี่คือ การทดสอบศักยภาพของรถ และทีมงานท่ามกลางอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งถึง -30 องศาเซลเซียส รวมทั้งสภาพบรรยากาศที่มีออกซิเจนเพียงครึ่งหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับความสูงที่ระดับน้ำทะเล พร้อมกำแพงขนาดมหึมาที่เกิดขึ้นจากหิมะ และน้ำแข็งตามฤดูกาล ตั้งสูงตระหง่านเทียบเคียงกับยอดเขา เรียกได้ว่าเป็นขีดจำ กัดของการทดสอบ ด้วยเส้นทางที่ท้าทายต่อสมรรถนะ และความสามารถในการบังคับทิศทางของรถให้เป็นไปตามที่ต้องการ ถึงตอนนี้การทดสอบแสนทรหดได้จบลงอย่างสมบูรณ์ โดยทีมงานต่างภูมิใจกับประสบการณ์ที่ได้รับ
Romain Dumas นักขับทดสอบ Porsche 911 และหัวหน้าทีม กล่าวว่า นี่คือ ความทรงจำที่พิเศษสุดอย่างแท้จริง ช่วงเวลาที่เราได้ปฏิบัติงานในสถานอันแสนพิเศษ ทั้งสวยงาม และน่ากังวลไปพร้อมๆ กัน ผมคิดว่าถ้าจะมีเครื่องจักรชนิดใดในโลกนี้ที่ไปได้สูงกว่าเราน่าจะต้องเป็นเครื่องบินเท่านั้น ! สำหรับทีมงาน และตัวรถ มันคือ การเรียนรู้ และการทะลุออกนอกกรอบ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่ารถของเราแข็งแกร่ง และปราดเปรียว อย่างแท้จริง เราทำ งานกันอย่างหนักหน่วง และพยายามผลักดันจนจบการทดสอบแรกได้ประสบความสำเร็จ เราให้ความเคารพต่อผู้ที่เคยไปได้สูงกว่าจุดนี้อย่างมาก ไม่มีใครเคยพบเห็นหิมะ และน้ำแข็งปริมาณมหาศาลในระหว่างทางขึ้นสู่ยอดภูเขาไฟมากเท่านี้ แม้ว่าเราจะไปได้สูงเกิน 6,000 ม. จนถึงที่ตั้งของกำแพงน้ำแข็ง และหิมะ ซึ่งนั่นหมายความว่า เราต้องหยุดอยู่ตรงนี้ เราภาคภูมิใจกับสิ่งที่รถ และทีมงานทำได้ในการพยายามครั้งแรก หวังว่าเราจะได้พบกับการผจญภัยที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต
Dr. Frank-Steffen Walliser รองประธานกรรมการ ผู้กำกับดูแลส่วนงาน Complete Vehicle Architecture and Characteristics ของ Porsche AG มอบหมายหน้าที่ควบคุมโครงการพัฒนา Porsche 911 ให้แก่หัวหน้าวิศวกรของเขา Michael Rosler
Michael Rosler ผู้อำนวยการส่วนงาน Complete Vehicle 911 Model Line กล่าวว่า การสร้างสรรค์รถสปอร์ท Porsche 911 เสมือนมายากล ที่ไม่เคยปรากฏที่ใดในโลก ความเป็นไปได้ต่างๆ เกิดขึ้นโดยความมุ่งมั่น ทุ่มเทของทีมงานวิศวกรเล็กๆ ทีมหนึ่ง และแน่นอนว่า Porsche 911 ได้รับการพิสูจน์สมรรถนะเรียบร้อย ไม่ว่าจะในสนามแข่ง หรือบนท้องถนนสาธารณะ เรายกระดับไปอีกขั้น โดยมุ่งเน้นการทดสอบในสถานที่ซึ่งปราจาคเส้นทางของถนน โดยการทดสอบเชิงทฤษฎีของเรา หมายถึงการค้นหาสภาพแวดล้อมที่หฤโหดที่สุด เพื่อให้เห็นสภาพที่เกิดขึ้นจริงขณะขับขี่ และเราทำสำเร็จกับการพิสูจน์นี้จากเส้นทางสู่ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้
รถทดสอบ Porsche 911 (รุ่นตัวถัง 992) Carrera 4S ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์เทอร์โบ 6 สูบนอน มาตรฐานโรงงาน 443 แรงม้า ภายใต้สภาวการณ์ทำงานปกติร่วมกับระบบเกียร์ธรรมดา 7 จังหวะลูกเดิม โดย Porsche 911 สามารถพิสูจน์สมรรถนะออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านการขับขี่ที่ราบรื่น ตลอดจนโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา ระยะฐานล้อที่กะทัดรัด พละกำลังมหาศาล และประสิทธิภาพที่สามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ความสูงระดับเสียดฟ้าได้อย่างไม่ยากเย็น นับตั้งแต่เริ่มงาน เหล่าวิศวกรจากศูนย์วิจัย และพัฒนาของ Weissach ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Stuttgart เท่าไรนัก ได้ปฏิบัติงานกันอย่างใกล้ชิดกับ Romain Dumas Motorsport โดยพวกเขาได้รับอิสระในการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเตรียมพร้อมไปเผชิญกับขุนเขาสูงชันที่ต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษ
รถทดสอบ 2 คันแรก ได้รับการติดตั้งโครงสร้างนิรภัย Roll Cages เบาะนั่ง Carbon Fiber และอุปกรณ์เสริมความแข็งแกร่งเพื่อให้เกิดความปลอดภัยตามกฎเกณฑ์ของโครงการ พร้อมกับการติดตั้ง Portal Axles สำหรับยกระดับพื้นตัวถังรถ Ground Clearance ให้สูงขึ้น (อยู่ที่ 350 มม.) ปรับเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ใหม่ ให้การควบคุมคันเร่งในรอบเครื่องยนต์ต่ำได้อย่างแม่นยำ และเบาแรง รวมทั้งผสานการทำงานกับยาง Off-Road ขนาดใหญ่ได้อย่างเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ตัวรถยังได้รับการติดตั้งอุปกรณ์น้ำหนักเบาพิเศษ แต่ให้ความแข็งแกร่งสูงสุด นั่นคือ แผ่นปิดใต้ท้องรถ Aramid Fiber Underbody Protection ปกป้องรถได้อย่างเต็มพิกัด ขณะพุ่งทยานเข้าสู่เส้นทางทุรกันดาร
Porsche Warp-Connecter คือ อีกอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งเพิ่ม ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อใช้สำหรับการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ท จากลักษณะการทำงานของ Mechanical Link เชื่อมต่อระหว่างล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 ทำหน้าที่ปรับแรงกระแทกกที่เกิดขึ้นกับล้อแต่ละล้อให้คงที่ แม้ขณะที่ช่วงล่างมีการขยับตัวถึงระดับสูงสุด ส่งผลให้เกิดกำลังขับเคลื่อนเต็มที่ตลอดเวลา ระบบเฟืองท้าย Differential Locks สามารถเปิดปิดการทำงานแบบ Manual ถูกนำมาใช้พร้อมกับสุดยอดระบบบังคับเลี้ยวAadvanced Steer-by-Wire ท้ายสุด คือ วินช์ลากรถซึ่งติดตั้งบริเวณด้านหน้า รวมทั้งปรับชิ้นส่วนตัวถัง เพื่อรองรับล้อ และยาง Off-Road หน้ากว้าง 310 มม. ระบบระบายความร้อนเป็นอีกองค์ประกอบที่จำเป็นต้องผ่านการยกระดับศักยภาพ ให้ตัวรถสามารถฟันฝ่าอุปสรรคบนเส้นทาง Off-Road โดยไม่เกิดความเสียหาย ในส่วนของการตกแต่งตัวถัง รถคันนี้มีการทำสีที่แตกต่างกัน 2 รูปแบบ คือ สีที่ใช้ใน Porsche Motorsport เช่นเดียวกับที่คุ้นตาในรถแข่ง Porsche 963 LMDH แบบดั้งเดิม และสำหรับแบบที่ 2 คือ 911-Themed Livery ซึ่งได้รับการดีไซจ์นโดยทีมงาน Styling ใน Weissach
“มากกว่า 30 ปี ที่ทีมงานวิศวกรของ Porsche ได้ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 Wheel Drive ให้แก่ Porsche 911 เพื่อลองดูว่า "มันจะเกิดอะไรขึ้น ?" และผมมีความภูมิใจกับธรรมชาติของความอยากรู้อยากเห็น และแรงผลักดันที่เกิดขึ้นกับบรรดาวิศวกรของเราในการไขว่คว้าไปให้ถึงขีดจำกัด มุ่งมั่นทดลองแนวคิดใหม่ๆ และก้าวข้ามผ่านทุกแรงบันดาลใจ สิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความประทับใจอย่างมาก และโครงการแบบนี้มีถือว่ามีความสำคัญกับทีมงาน Porsche ในฐานะจุดเริ่มต้นของการเดินทาง ฝันให้ไกล และไปให้ถึง และสิ่งแรกที่ผมคาดหวัง คือ เราจะมีการผจญภัยเกิดขึ้นอีกมากมายในอนคต” Dr. Frank-Steffen Walliser กล่าว 

