ธุรกิจ
Lamborghini เผยLB744 สู่มาตรฐานใหม่แห่งรถยนต์ไฮบริด
Sant’Agata Bolognese-Lamborghini สุดยอดแบรนด์ Super Sport Car หรูระดับโลกสัญชาติอิตาลี เผยรายละเอียดของรถยนต์ Super Sport ระบบไฮบริด ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง (High Performance Elec trified Vehicle: HPEV) รุ่นแรกของแบรนด์โดยใช้ชื่อรหัส LB744 และมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองครบรอบ 60 ปี Lamborghini อย่างยิ่งใหญ่ โดย Lamborghini ภูมิใจนำเสนอ LB744 ให้เป็นมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านสมรรถนะ และความเพลิดเพลินในการขับขี่ ด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมโครงสร้างใหม่ในทุกรายละเอียด โดดเด่นด้วยระบบส่งกำลังรุ่นใหม่ที่ให้กำลังเครื่องรวมสูงกว่า 1,000 CV ผสานพลังระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายใน 12 สูบ รุ่นใหม่เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยทำงานร่วมกับชุดเกียร์แบบ Double Clutch ดีไซจ์นใหม่ที่จะเปิดตัวครั้งแรกในรถยนต์ Lamborghini 12 สูบรุ่นนี้
LB744 ใช้ Layout การวางตำแหน่งเครื่องยนต์ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยติดตั้งเครื่องยนต์แบบไร้ระบบอัดอากาศรุ่น V12 ขนาด 6.5 ลิตร บริเวณกลางตัวรถ และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ร่วมกับชุดเกียร์ท้าย Double Clutch 8 จัง หวะรุ่นใหม่ โดยติดตั้งแนวขวางซึ่งเป็นการวางตำแหน่งที่ด้านหลังเครื่องยนต์สันดาปเป็นครั้งแรก ส่วนพื้นที่ของท่อส่งกำลังที่มีมาตั้งแต่รุ่น Countach ถูกแทนที่ด้วยแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนมอ เตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถช่วยจ่ายไฟให้แก่เครื่องได้ในขณะทำงานรอบต่ำ และยังสามารถเปลี่ยน LB744 ให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รวมได้ถึง 30 % เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae
สถาปัตยกรรมโครงสร้างอันโดดเด่น
Lamborghini อยู่คู่เครื่องยนต์ V12 มาตั้งแต่ยุคก่อตั้งบริษัท โดยรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีคุณสมบัติพิเศษนี้ คือ รุ่น Iconic อย่าง 350GT ซึ่งเปิดตัวในปี 1963 ส่วนครั้งแรกที่มอเตอร์ไฟฟ้าได้ถูกนำมาผสานเข้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายใน 12 สูบของ Lamborghini คือรุ่น Sian ในปี 2019 โดยใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้า 25 กิโลวัตต์ มาเสริมกำลังของเครื่องยนต์ V12 ผ่านการเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ในตัวเก็บประจุ (Supercapacitor)
LB744 ยังนำเสนอสถาปัตยกรรมโครงสร้างแบบไฮบริดที่ไม่เคยมีมาก่อนรวมถึงเครื่องยนต์ V12 เจนใหม่ โดยจะเป็นการเปิดตัวรถยนต์ Super Sport ระบบไฮบริดในรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง (High Performance Electrified Vehicle: HPEV) รุ่นแรกที่ใช้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน กำลังไฟสูงน้ำหนักเบา ติดตั้งในท่อส่งกำลังที่อยู่ส่วนกลางของโครง Chassis ซึ่งถือเป็น Solution ใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการปล่อยไอเสีย เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์ V12 ที่ผ่านมา พร้อมกับการเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ในระดับสูงสุด
เครื่องยนต์ L545 รุ่นใหม่นี้มีความจุ 6.5 ลิตร โดยเป็นเครื่องยนต์ 12 สูบที่เบาที่สุด และให้กำลังเครื่องสูงสุดเท่าที่ Lamborghini เคยผลิตมา โดยมีน้ำหนักรวมเพียง 218 กก. ซึ่งเบากว่าเครื่องรุ่น Aventador ถึง 17 กก. โดย LB744 เปลี่ยนมุมติดตั้งเครื่องยนต์ถึง 180 องศา เมื่อเปรียบเทียบกับ Layout ของ Aventador โดยเครื่องยนต์ Superquadro V12 มอบกำลัง 825 CV ที่ 9,250 รตน. ซึ่งเป็นผลมาจากระบบจ่ายกำลังเครื่องรุ่นใหม่ที่รองรับรอบเครื่องยนต์ได้สูงสุดถึง 9,500 รตน. โดยมีค่ากำลังจำเพาะอยู่ที่ 128 CV/ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นกำลังเครื่องที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของเครื่องยนต์ 12 สูบของ Lamborghini ทั้งยังให้แรงบิดสูงสุดถึง 73.9 กก.-ม. หรือ 725 นิวตัน-เมตร ที่ 6,750 รตน.
ท่อดักอากาศได้รับการออกแบบโครงสร้างใหม่เพื่อเพิ่มปริมาณอากาศ และเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนอากาศสู่ห้องเผาไหม้ให้ดียิ่งขึ้น การเผาไหม้ในห้องเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงสุดยังมาจากระบบควบคุมการแตกตัวของประจุในห้องเครื่องผ่านหน่วยควบคุม 2 Unit ซึ่งเป็น Solution ที่เคยใช้ในรุ่น Aventador และวันนี้ได้ถูกส่งต่อมายังรถยนต์รุ่นนี้ ระบบการสันดาปใหม่ยังมีอัตราส่วนกำลังอัดเพิ่มขึ้น (12.6:1 เมื่อเปรียบเทียบกับ 11.8:1 ในรุ่น Aventador Ultimae) ท่อไอเสียก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อการไหลเวียนของไอเสียเมื่อเครื่องมีกำลังรอบสูงได้ดีขึ้น และเพิ่มกำลังเครื่องจำเพาะให้สูงขึ้น
Lamborghini มีชื่อเสียงเลื่องลือมาตั้งแต่ยุคก่อตั้งในด้านพลังเสียงอันกระหึ่มสุดเร้าใจที่ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ซึ่งพลังเสียงนี้ก็ได้ถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ในเครื่องรุ่น L545 นี้เช่นกัน เพื่อเน้นย้ำถึงพลังเครื่องยนต์ซึ่งจะให้เสียงที่กลมกล่อมในขณะรอบเครื่องต่ำ และค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปอย่างเป็นธรรมชาติในยามที่รถยนต์พุ่งทะยานไป
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบไฟฟ้า
LB744 ยังคงรักษาหนึ่งในมาตรฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของ Lamborghini นั่นคือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งในขณะที่เครื่องยนต์สันดาปภายในมอบกำลังให้แก่ล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ก็จะมอบกำลังให้กับเพลาหน้า โดยมอ เตอร์แต่ละตัวจะสร้างแรงดึงกับล้อหน้าแต่ละข้าง นอกจากนี้ยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่ 3 ที่วางอยู่เหนือชุดเกียร์ Double Clutch 8 จังหวะ ที่ช่วยส่งแรงให้ล้อหลัง โดยขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ที่เลือก และสภาพของพื้นถนน
แรงบิดรวมจากเครื่องยนต์สันดาป และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว มอบสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่นเหนือใครแม้ในหมู่รถยนต์ Super Sport ด้วยแรงบิดสูงสุดถึง 73.9 กก.-ม. หรือ 725 นิวตัน-เมตร จากเครื่องยนต์สันดาปภายใน และอีก 35.7 กก.-ม. หรือ 350 นิวตัน-เมตร จากมอเตอร์หน้าแต่ละตัว ซึ่งเมื่อรวมแล้ว จะสามารถมอบกำลังรวมสูงสุดได้ถึง 1,015 CV เลยทีเดียว
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวด้านหน้าเป็นมอเตอร์แกนฟลักซ์แบบน้ำมันหล่อเย็น และให้อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าดีเยี่ยมที่ 18.5 กก. จากมอเตอร์ 110 กิโลวัตต์แต่ละตัว นอกจากการส่งกำลังแก่ล้อหน้าแต่ละข้าง ยังมีฟังค์ชัน Torque Vectoring เพื่อยกระดับพลศาสตร์การขับขี่ และกู้พลังงานจากการเบรค โดยเมื่อเลือกโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้า LB744 จะขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าเท่านั้นเพื่อลดอัตราการใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ซึ่งในขณะขับด้วยระบบไฟฟ้า เพลาหลังจะทำงานเฉพาะเมื่อถูกสั่งการในสถานการณ์ที่จำเป็นเท่านั้น
ประสิทธิภาพการปล่อยไอเสียเป็น 0
Lamborghini LB744 ติดตั้งชุดแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนกำลังสูง (4,500 วัตต์/กก.) ไว้บริเวณท่อแกนกลาง ทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงได้ต่ำสุด และมั่นใจได้ถึงการกระจายน้ำหนักที่ดีเยี่ยม ตัวแบทเตอรีได้รับการปกป้องโดยชั้นโครงสร้างส่วนล่าง และเชื่อมต่อไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าตัวหน้า มอเตอร์ไฟฟ้าตัวหลัง และหน่วยชาร์จไฟที่รวมไว้ในระบบ
แบทเตอรีมีความยาว 1,550 มม. สูง 301 มม. และกว้าง 240 มม. บรรจุเซลล์พลังงานรวมความจุ 3.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อประจุลดลงเหลือ 0 สามารถชาร์จใหม่ได้ทั้งการใช้กระแสสลับ และแบบชาร์จในบ้านที่มีกระแสสูงสุด 7 กิโลวัตต์ โดยชาร์จเต็มในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จไฟจากการเบรกของล้อหน้าที่ช่วยประจุไฟได้ หรือชาร์จโดยตรงจากเครื่องยนต์ V12 ในเวลาเพียง 6 นาที
ระบบเกียร์ที่ล้ำหน้า
การประยุกต์ใช้ Platform ใหม่ยังครอบคลุมถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญทางเทคนิคอย่างเรื่องชุดเกียร์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางประสาทของรถยนต์แบบ Plug-in Hybrid โดยในครั้งนี้ Lamborghini ได้พัฒนาหน่วยส่งกำลังขนาดเล็กรุ่นใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ข้อกำหนดเรื่องพลังงานไฟฟ้าแรงสูงได้ ซึ่งพัฒนา และออกแบบโดยทีมงานภายในบริษัท Lamborghini ทั้งหมด และหลังจากติดตั้งใช้งานใน LB744 อุปกรณ์นี้จะถูกใช้ในรถยนต์ Super Sport รุ่นต่อไปที่ผลิตใน Sant’Agata Bolognese แห่งนี้
แผนกวิจัย และพัฒนาของ Lamborghini ได้ออกแบบระบบ Clutch คู่แบบเปียกให้เป็น Solution ประสิทธิภาพสูงสุด และเน้นด้านการเสริมสมรรถนะเครื่องยนต์เป็นหลัก เพื่อให้สามารถสร้างแรงบิดสูงสุดถึง 73.9 กก.-ม. หรือ 725 นิวตัน-เมตร ที่ 6,750 รตน. จากเครื่องยนต์สันดาปภายใน
ชุดเกียร์ 8 จังหวะรุ่นใหม่ถูกวางตำแหน่งตามขวางด้านหลังเครื่องยนต์ V12 ที่วางตามแนวยาว เพื่อเว้นเนื้อที่ในท่อระบบส่งกำลังสำหรับการติดตั้งแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนที่จะเป็นตัวให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้า ถือเป็น Solution ทางเทคนิคอันยอดเยี่ยมในโลกยานยนต์สมรรถนะสูง และยกระดับให้ Lamborghini ขึ้นแท่นผู้นำด้านวิศวกรรมยานยนต์อีกครั้ง การวาง Layout ลักษณะนี้ยังช่วยรักษาตำแหน่งของฐานล้อ และเสริมการกระจายน้ำหนักให้ดีขึ้นเพื่อเสริมระบบพลศาสตร์การขับขี่ให้ดีที่สุด
ตลอดประวัติศาสตร์กว่า 60 ปีของ Lamborghini มีรถยนต์เครื่อง V12 เพียง 2 รุ่นที่ติดตั้งชุดเกียร์ตามแนวขวาง นั่นคือ รุ่นปฏิวัติวงการอย่าง Miura ที่เปิดตัวในปี 1966 ซึ่งใช้ Layout เครื่องยนต์แนวขวางบริเวณกลางค่อนมาทางท้ายรถ และรุ่น Essenza SCV12 รถยนต์ Hyper Car ที่เน้นการขับขี่ในสนามแข่งซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์แนวยาว และชุดเกียร์รับน้ำหนักแนวขวาง
โครงสร้างภายในของชุดเกียร์รุ่นใหม่นี้มี Shaft พิเศษ 2 ชิ้น ซึ่งตรงข้ามกับตามปกติที่มี 3 ชิ้น ชิ้นหนึ่งทำหน้าที่ควบคุมเกียร์เลขคู่ อีกชิ้นควบคุมเกียร์เลขคี่ โดยทั้ง 2 ชิ้นทำงานกับโรเตอร์ตัวเดียวกัน การวาง Layout ลักษ ณะนี้ยังช่วยลดน้ำหนักรวม และประหยัดพื้นที่ได้อย่างมาก
การพัฒนาระบบส่งกำลัง Double Clutch (Double Clutch Transmission: DCT) 8 จังหวะ เกิดจากแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์อุปกรณ์ที่สามารถมอบทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการขับขี่แนว Sport อย่างการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็ว ในขณะที่การทำงานร่วมกันของทั้ง 8 จังหวะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง และความสามารถในการขับขี่ในขณะโลดแล่น โดยมีฟีเจอร์พิเศษอย่าง “การลดเกียร์ต่อเนื่อง” ซึ่งสามารถลดเกียร์ทีละหลาย Step เมื่อทำการเบรคได้อย่างง่ายดายเพียงกดค้างที่แป้นด้านซ้าย ซึ่งทำให้ผู้ขับรู้สึกถึงการควบคุมที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อไม่นับรวมชิ้นส่วนระบบไฟฟ้า ชุดเกียร์ DCT รุ่นใหม่นี้จะมีน้ำหนักเบากว่า และเร็วกว่าในการเปลี่ยนเกียร์ เมื่อเปรียบเทียบกับระบบ Double Clutch 7 จังหวะ ที่ใช้ในตระกูล Huracan โดยการวาง Layout แนวขวางนี้ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารให้กว้างขวางกว่า จึงมีเนื้อที่ด้านหลังคนขับ และผู้โดยสารที่โปร่งตา และผ่อนคลายมากขึ้น
ชุดเกียร์ Double Clutch มีขนาดกะทัดรัดมาก โดยยาวเพียง 560 มม. กว้าง 750 มม. และสูง 580 มม. เท่านั้น น้ำหนักรวมเพียง 193 กก. ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนพื้นฐานใหม่ในโครงสร้างรถยนต์ไฮบริดด้วย นั่นคือ มอเตอร์ไฟฟ้าส่วนหลังซึ่งมีกำลังไฟ 10 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 15.3 กก.-ม. หรือ 150 นิวตัน-เมตร
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งด้านบนชุดเกียร์ทำหน้าที่ 2 อย่าง ทั้งเป็น Motor Start และ Generator รวมถึงจ่ายพลังงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าส่วนหน้าผ่านทางแบทเตอรีในท่อระบบส่งกำลัง เมื่อเปลี่ยนมาใช้โหมดไฟฟ้าทั้ง หมด มอเตอร์นี้ยังส่งกำลังให้แก่ล้อหลัง ซึ่งนอกจากเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้า ยังทำให้การขับเคลื่อน 4 ล้อมีอัตราการปล่อยไอเสียเป็น 0 การปรับฟังค์ชันการทำงานให้สอดคล้องตามโหมดการขับขี่นี้เกิดจากการกล ไกแบบแยกส่วนที่ควบคุมผ่านตัวประสานที่ออกแบบมาโดยเฉพาะซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนชุดเกียร์ Double Clutch โดยในขณะส่งกำลังเสริมให้แก่เครื่องยนต์สันดาปภายใน V12 มอเตอร์ไฟฟ้านี้จะอยู่ในตำแหน่ง P3 โดยแยกตัวจากชุดเกียร์ และจะเคลื่อนไปอยู่ตำแหน่ง P2 เพื่อชาร์จไฟแก่แบทเตอรีในขณะวิ่งด้วยความเร็วต่ำ และจอดนิ่ง จึงทำหน้าที่เป็น Motor Start ด้วยเช่นกัน
เมื่ออยู่ในตำแหน่ง P3 รถยนต์ LB744 จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อในทันที โดยขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ที่เลือก จึงเป็นเสมือนการสานต่อมาตรฐานการขับเคลื่อน 4 ล้อของ Lamborghini โดยมีอัตราการปล่อยไอเสียเป็น 0 ไปได้พร้อมกัน
เกียร์ถอยหลังจะทำงานผ่านมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวหน้า ซึ่งหากจำเป็นต้องการแรงเสริม มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังก็จะเข้ามาช่วยเสริมแรงโดยส่งกำลังให้เพลา และล้อหลัง ผลลัพธ์ก็คือ รถยนต์ LB744 รุ่นใหม่นี้สามารถขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมีอัตราการปล่อยไอเสียเป็น 0 แม้ในขณะถอยหลังบนพื้นถนนที่มีแรงยึดเกาะต่ำก็ตาม
ABOUT THE AUTHOR
นุสรา เงินเจริญ
บรรณาธิการข่าวธุรกิจและสังคม รักการอ่าน ขอบงานเขียน ชอบพบปะผู้คน ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารในวงการยานยนต์ไทย ท่องเที่ยว เป็นประสบการณ์ที่ดี พร้อมได้ เปิดโลก ได้พัฒนาตัวในแวดวงสื่อสารมวลชน
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตคอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
คำค้นหา