เรื่องน่ารู้
Ford Next Level Experience Sa Pa Vietnam
Ford ประเทศไทย เชิญคณะสื่อมวลชนร่วมผจญภัยไปกับทริพ Ford Next Level Experience ระหว่างวันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม ถึงวันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน 2566 ณ เมือง Sa Pa (ซาปา) เมืองในสายหมอกของประเทศเวียดนาม เพื่อทดสอบ Ford เจเนอเรชันใหม่ รุ่นย่อยล่าสุด สัมผัสประสบการณ์การขับขี่อันเหนือชั้นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักผจญภัยสายลุย ด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อน กับ Ford Ranger รุ่น Stormtrak, Ford Everest รุ่น Wildtrak และ Ford Ranger Raptor ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร และเบนซิน 3.0 ลิตร
29 พฤษภาคม 2566
07.45 น. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงสนามบินนานาชาติ Noi Bai (โหน่ยบ่าย) หรือ Noi Bai International Airport เมือง Ha Noi (ฮานอย) ประเทศเวียดนาม เวลา 09.35 น. และระหว่างทางไปเมือง Sa Pa คณะก็แวะเข้าเมือง Phu Tho (ฟูทอ) เพื่อรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม Moung Thanh Luxury Phu Tho (มวง แท็ง ลักชัวรี ฟูทอ)
เมือง Phu Tho ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม เป็นเมืองหลักอยู่ห่างจาก Ha Noi เป็นระยะทาง 80 กม. และห่างจากสนามบินนานาชาติ Noi Bai ประมาณ 50 กม.
Vincom Plaza และ Win Mart ห้างใหญ่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรม Moung Thanh Luxury Phu Tho ในบริเวณ Hung Vuong Square ใจกลางเมือง Phu Tho
อาหารมือแรกที่เวียดนาม ในห้องอาหารโรงแรม Moung Thanh Luxury Phu Tho แนะนำเมนูไข่ม้วน ตัดแบ่งเป็นชิ้น รสชาติคุ้นลิ้น
เมือง Phu Tho ตึกแถวที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย และร้านค้า ไม่คึกคักเหมือนเมืองใหญ่ รถยนต์ที่ใช้ส่วนหนึ่งก็จะเป็น Vin Fast (วิน ฟาสต์) รถของเวียดนามเอง
vua dep lop หรือ king of sandals หรือราชาแห่งรองเท้าแตะ เป็นรองเท้าแตะยางรถในตำนาน เริ่มทำมาตั้งแต่ 1947 หรือ 76 ปี เวียดนามแฮนด์เมดจากยุคสงคราม ผลิตรองเท้าแตะที่เป็นเอกลักษณ์ของเวียดนาม ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ยุคสงคราม เป็นรองเท้ารีไซเคิลจากยางรถบรรทุกของกองทัพ และยางล้อเครื่องบิน กลายเป็นของใช้ และแฟชันที่หลายคนใส่ตามลุงโฮ "โฮจิมินห์" อีกหนึ่งในสินค้าแนะนำ นอกเหนือจากผลไม้สด ผลไม้แปรรูป และสุรา ยาดอง
แยกจากไฮเวย์ถนนสายหลักเข้าถนนสายรองที่เป็นเส้นทางไปยังเมือง Sa Pa ผ่านช่องเขาตลอดเส้นทางจะเป็นทางโค้งสลับซ้าย/ขวาที่ใช้ความเร็วได้ไม่มาก
17.30 น. ถึงเมือง Sapa เชคอินที่ Pao’s Sapa Leisure Hotel (เปาส์ ซาปา เลซูร์ โฮเทล)
Sa Pa เป็นเมืองเล็กๆ ที่รายล้อมด้วยหุบเขา ตั้งอยู่ในเขตจังหวัด Lao Cai (หล่าวกาย) ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ติดกับชายแดนประเทศจีน มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และสวยงามตลอดทั้งปี ในอดีต Sa Pa เป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของชาวยุโรปที่อาศัยอยู่ในเวียดนาม
Lao Cai เคยตกอยู่ในอำนาจยึดครองของฝรั่งเศส สถาปัตยกรรม และการวางผังเมืองของที่นี่ จึงมีลักษณะแบบอาณานิคมฝรั่งเศส (French Colonial) นอกจากตึกรามบ้านช่องที่มีการออกแบบสวยงามแล้ว เมืองนี้ยังมีทะเลสาบตั้งอยู่ใจกลางเมืองอีกด้วย
คนท้องถิ่น Sa Pa มีหลากหลายชนเผ่า ส่วนใหญ่เป็นชาวม้ง รองลงมา คือ ชาวเย้า และตามด้วยชาวญวน ชาวไต และชาวซั้ย คนส่วนมากสื่อสารด้วยภาษาเวียดนามเป็นหลัก แต่ก็มีบางส่วนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้คล่อง สิ่งที่ทำให้ Sa Pa เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก คือ ภาพของนาข้าวขั้นบันไดสีเหลืองทองที่ลดหลั่นกันลงมาตามภูเขาสูงชัน และยังมีภูเขาน้อยใหญ่รายล้อม คู่กับทะเลหมอก
โรงแรม Pao’s Sapa Leisure Hotel
โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างหุบเขา Muong Hoa และเทือกเขา Hoang Lien Son ที่มีทิวทัศน์อันงดงาม การตกแต่งห้องพักแต่ละห้องผสมผสานเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของ Sapa เข้ากับสิ่งอำนวยความสะดวกที่
ทันสมัย และมีระดับอย่างลงตัว
อาหารเย็นเป็นหม้อไฟ ไก่สดทั้งตัวสับ ผักสด และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หมูผัดผงกระหรี่ กับไข่เจียว สไตล์พื้นถิ่น Sa Pa ที่ร้านอาหาร Red Dzao House
อังคารที่ 30 พฤษภาคม 2566
08.00 น. สื่อมวลชนรับฟังการบรรยายข้อมูลการเดินทาง และกิจกรรม
คณะสื่อมวลชนร่วมเดินทางโดย Ford Ranger Stormtrak, Ford Everest Wildtrak และ Ford Ranger Raptor ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร และเบนซิน 3.0 ลิตร ท่ามกลางทัศนียภาพทางธรรมชาติที่ล้อมรอบด้วยภูเขา และทุ่งนาขั้นบันได
กระเช้าลอยฟ้า Fansipan
Fansipan (ฟานซีปัน) กระเช้าลอยฟ้าแบบ 3 เคเบิลที่ยาวที่สุดในโลก ครองสถิติโลกของกินเนสส์ ด้วยความยาวถึง 6,292 เมตร หรือกว่า 6 กิโลเมตร สู่ยอดเขา Fansipan ที่ตั้งอยู่ในเทือกเขา Hoang Lien และได้รับฉายาว่าเป็น "หลังคาแห่งอินโดจีน" ด้วยความสูงกว่า 3,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล นับว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศเวียดนาม และยังเป็นจุดสูงสุดของ 3 ประเทศในคาบสมุทรอินโดจีน ได้แก่ เวียดนาม ลาว และกัมพูชา
เมื่อกระเช้าออกจากสถานี ผู้โดยสารจะเริ่มลอยขึ้นเหนือนาข้าว และหน้าผาหินด้านล่างทันที หน้าต่างบานใหญ่ช่วยให้มองเห็นทิวทัศน์ได้โดยรอบ
เมื่อถึงปลายทาง นักเดินทางต้องค่อยๆ ไต่ขึ้นไปยังปลายยอดเขาสูงตระหง่านเหนือเมฆ ด้วยการเดินผ่านทางเดินหิน และสวนที่เงียบสงบ พบกับต้นอาซาเลียโบราณ และรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ 18 ชิ้น ที่แกะสลักอย่างบรรจง ประติมากรรมเหล่านี้นำไปสู่พระพุทธรูปสูงเสียดฟ้า 20 เมตร ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขา เป็นรูปปั้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม
รับประทานอาหารเย็นสุดหรูที่ร้าน Chic Restaurant ณ Hotel De La Coupole M gallery
Chic Restaurant ณ Hotel De La Coupole M gallery ร้านอาหารที่ผสานกลิ่นอายฝรั่งเศส มีระเบียงกว้างด้านนอกพร้อมวิวหุบเขาแห่ง Sa Pa มุมถ่ายรูปแนะนำ (ภาพจาก Instagram @hoteldelacoupole)
พุธที่ 31 พฤษภาคม 2566
09.00 น. ออกเดินทางสู่อ่างเก็บน้ำ Seo My Ty (เซียวมีที) ด้วย Ford เจเนอเรชันใหม่รุ่นล่าสุด
เริ่มต้นกิจกรรมด้วยการทดสอบขับบนถนนที่คดเคี้ยว และเล็กแคบของเมือง Sa Pa ความกว้างของ Ford Ranger Raptor ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่า Ford Ranger Stormtrak และ Ford Everest Wildtrak แต่เมื่อได้สัมผัสความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร และใช้กล้องมองรอบคัน 360 องศา ช่วยให้มองเห็นอุปสรรคได้รอบตัว เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ขับในการมุ่งหน้าสู่อ่างเก็บน้ำ Seo My Ty
Seo My Ty อ่างเก็บน้ำที่อยู่สูงที่สุดจากระดับน้ำทะเลของเวียดนามที่ 1,600 เมตร ท่ามกลางทัศนียภาพทางธรรมชาติที่ล้อมรอบด้วยภูเขา และทุ่งนาขั้นบันไดเขียวขจี
จากนั้น ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจึงได้แบ่งกลุ่มทดสอบสมรรถนะ และการใช้งาน Ford เจเนอเรชันใหม่ ใน 3 สถานี ได้แก่
สถานีที่ 1 Ford Ranger รุ่น Stormtrak ที่มาพร้อมราวหลังคา และสปอร์ทบาร์แบบปรับได้ (Flexible Rack System) เพื่อให้ผู้ขับขี่เลือกปรับรูปแบบสปอร์ทบาร์ได้อย่างสะดวกสบายกับความสามารถในการเลื่อนจุดลอคได้ถึง 5 ตำแหน่งด้วยมือเดียว ทั้งยังรองรับน้ำหนักได้สูงสุด 80 กก. (ขณะขับ) และ 250 กก. (ขณะจอด) สื่อมวลชนได้ทดสอบการบรรทุกเรือคายัค และซัพบอร์ด และร่วมเล่นกีฬาทางน้ำ เพื่อจำลองการใช้งานจริงของผู้ใช้งาน Ford Ranger รุ่น Stormtrak ที่มองหาการใช้งานรถกระบะที่เน้นความอเนกประสงค์มากกว่าที่เคย
ทั้งนี้ Ford Ranger รุ่น Stormtrak ถือเป็นสุดยอดรถกระบะสมรรถนะสมบุกสมบัน ที่ได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดท้าทายไปอีกขั้น ด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถกระบะทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ มอบพละกำลังสูงสุด 210 แรงม้า และแรงบิด 51.0 กก.-ม. หรือ 500 นิวตันเมตร พร้อมตัวเลือกระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 และ 4x2 มาพร้อมเทคโนโลยีระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Fully Automated Park Assist) เป็นครั้งแรกในตลาดรถกระบะ นอกเหนือจาก Ford Ranger Raptor รถกระบะในตระกูล Performance
สถานีที่ 2 Ford Everest รุ่น Wildtrak รถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัวที่ผสานสมรรถนะเพื่อการผจญภัยเข้ากับความสะดวกสบาย ต่อยอดสมรรถนะ และเทคโนโลยีที่เหนือชั้นด้วยดีไซจ์นที่เป็นเอกลักษณ์ รุ่น Wildtrak และครบครันทั้งความเท่ แข็งแกร่ง และขับสนุกในทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกสัมภาระบนราวหลังคาแบบยกสูง ซึ่งเป็นแบบใหม่เฉพาะ Ford Everest รุ่น Wildtrak อีกทั้งยังได้สัมผัสความพร้อมลุยทุกสถานการณ์กับการขับรถลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มม. รวมถึงระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 ที่มีตัวเลือกโหมดการขับขี่มากถึง 6 โหมด Normal, Eco, Tow/Haul, Mud/Ruts และ Sand เพื่อสมรรถนะสูงสุดสำหรับการเดินทางบนทุกสภาพพื้นผิว และยังได้สนุกสนานไปกับกิจกรรมรอบทะเลสาบ ไม่ว่าจะเป็น ดริพกาแฟ แคมพิง ปั่นจักรยานชมนาขั้นบันได เป็นต้น
สำหรับ Ford Everest รุ่น Wildtrak อัดแน่นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ แบบ E-Shifter พละกำลังสูงสุด 210 แรงม้า แรงบิด 51.0 กก.-ม. (500 นิวตันเมตร) พร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 ที่มีตัวเลือกโหมดการขับขี่มากถึง 6 โหมด ได้แก่ Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery, Mud/Ruts และ Sand เพื่อสมรรถนะสูงสุดสำหรับการเดินทางบนทุกสภาพพื้นผิว และ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร และเบนซิน 3.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก Ford Ranger Raptor รุ่นก่อนหน้า ด้วยรูปลักษณ์ที่ดุดัน เสริมเทคโนโลยี และฟีเจอร์ความปลอดภัยในการขับขี่ให้สายออฟโรดลุยได้ถึงใจกว่าที่เคย
ต่อด้วย Ford Ranger Raptor รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร สัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโรดด้วยโหมดการขับขี่ที่มีมากถึง 7 โหมด ประกอบด้วย โหมดปกติ โหมดสปอร์ท โหมดถนนลื่น สำหรับทางเรียบ และโหมดการขับขี่แบบออฟโรดอย่าง โหมดหิน โหมดทราย โหมดโคลน และโหมดบาฮา รวมถึงการใช้ฟังค์ชัน Trail Control ทำให้ผู้ขับขี่ผ่านอุปสรรคที่ยากลำบากไปได้อย่างง่ายดาย
สถานีที่ 3 Ford Ranger Raptor รุ่นเบนซิน 3.0 ลิตร ก้าวข้ามความท้าทายไปอีกระดับกับบททดสอบสำหรับรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง อัดแน่นด้วย DNA ของ Ford Performance ที่ออกแบบมาเพื่อเอาชนะทุกสภาพถนน โดยสื่อมวลชนได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโรดบนเส้นทางบริเวณอ่างเก็บน้ำ Seo My Ty อันเต็มไปด้วยเนินหิน บ่อโคลน และทราย ด้วยโหมดการขับขี่ใน Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ที่มีมากถึง 7 โหมด และการใช้ฟังค์ชัน Trail Control ซึ่งเปรียบเสมือนระบบควบคุมความเร็วแบบอัตโนมัติสำหรับเส้นทางออฟโรด ใช้ในการไต่ขึ้น และลงทางลาดชัน และยังสามารถเพิ่ม หรือลดความเร็วด้วยสวิทช์บนพวงมาลัยอีกด้วย
Ford Ranger Raptor ทั้ง 2 รุ่น ติดตั้งเทคโนโลยีการขับขี่ขั้นสูงตามมาตรฐานของ Ford ทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program-ESP) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control พร้อม Electric Brake Booster ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation-ROM) กล้องมองรอบคัน 360 องศา และฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย
“กิจกรรมทดสอบรถในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อพิสูจน์สมรรถนะของรถ Ford เจเนอเรชันใหม่ รุ่นย่อยล่าสุด ที่ทีมวิศวกรของ Ford ออกแบบ และพัฒนาขึ้นมาเพื่อมอบตัวเลือกใหม่ๆ ในการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ตอบโจทย์แต่ละวัตถุประสงค์การใช้งานได้เหนือกว่าที่เคยมีมา กิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นการเปิดประสบการณ์การขับขี่รถยนต์เต็มสมรรถนะ พร้อมพิสูจน์ระบบส่งกำลัง และช่วงล่าง ความสะดวกสบายของอุปกรณ์ทั้งภายใน และภายนอก รวมทั้งฟีเจอร์ช่วยในการขับขี่อัจฉริยะที่ครบครัน เพื่อเพิ่มความอุ่นใจ และความปลอดภัยสำหรับทุกการเดินทาง แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของ Ford” กมลชนก ประเสริฐสม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร Ford ประเทศไทย และตลาดอาเซียน กล่าว
รับประทานอาหารกลางวัน (อาหารเวียดนามท้องถิ่นในสไตล์บาร์บีคิว) ที่ Homestay Seo My Ty
Sa Pa Lake
เป็นทะเลสาบซึ่งตั้งอยู่กลางเมือง Sa Pa กว้างใหญ่ และน้ำนิ่งสงบ มีจุดที่สามารถจอดรถเพื่อชมวิว และถ่ายภาพ/วีดีโอได้
Moana Sapa
Moana Sapa จุดเชคอินแห่งใหม่ของเมือง Sa Pa คล้ายกับประตูสวรรค์ที่บาหลี ให้ถ่ายรูปเก๋ๆ กับมุมน่ารักๆ เช่น บันไดมือ มุมเล่นชิงช้า มุมเล่นเปียโน หรือโซนนั่งพักบนต้นไม้ที่มองวิวได้จากมุมสูง เมื่อมองออกไปจะเห็นวิวภูเขาสวยงาม
พฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน 2566
07.00 น. ออกเดินทางจาก Sa Pa กลับมายังเมือง Ha Noi รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Quan An Ngon Restaurant
Quan An Ngon Restaurant
Quan An Ngon Restaurant ร้านอาหารสไตล์เวียดนามชื่อดังแห่งเมือง Ha Noi อาหารที่นี่มีความหลากหลาย แยกออกเป็นซุ้มๆ รายล้อมอยู่ภายนอกอาคาร สำหรับอาหารมีทั้งที่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่าง ขนมเบื้องญวน
Den Ngoc Son
Den Ngoc Son (วัดหงอกเซิน) เป็นวัดเก่าแก่บนทะเลสาบ Hoan Kiem Lake (ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม) ในบริเวณสวนสาธารณะของเมือง Ha Noi ที่ต้องข้ามสะพานสีแดง ใกล้ๆ กับโรงละครหุ่นกระบอกน้ำ Thang Long Water Puppet Theatre เสียดายที่ทางการเวียดนามไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพด้านในของวัด
ก่อนจะออกเดินทางไปสนามบินนานาชาติ Noi Bai International Airport เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมกับกล่าวภาษาเวียดนามง่ายๆ ว่า "ตาม เบียด" (ลาก่อน) และบอกกับทีมงาน Ford Next Level Experience ว่า "ก่าม เอิน" (ขอบคุณ)
ABOUT THE AUTHOR
Thanasan Saowamol
ลุงหนึ่ง ฟอร์มูลา ศึกษาวิชาตำรารถมานานกว่า 30 ปี ผ่านร้อนหนาว ตั้งแต่ ยุคเครื่องยนต์ มาถึงยุคมอเตอร์ จะว่าเวอร์ ก็เจอมาหมด
ภาพโดย : Thanasan Saowamol,Fordคอลัมน์ Online : เรื่องน่ารู้