รูปทรงภายนอกของ E-Tourneo Courier แตกต่างไปจาก E-Transit Courier จากหลังคาคนละสีกับตัวรถ, ซุ้มล้อติดคิ้วพลาสติค, ราวหลังคา และเบาะนั่งหุ้มผ้าที่มีเฉพาะรุ่น ทั้งติดตั้งแผ่นกันกระแทกทั้งด้านหน้า และหลังตัวรถ
ขุมพลังจะเหมือนกับ E-Transit Courier คือ มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน และรุ่นไฟฟ้าล้วน โดยเวอร์ชันรถไฟฟ้ามีสไตล์ภายนอกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ ด้านหน้าจะมีไฟราวเหนือกระจังหน้า และใช้กระจังหน้าลายสี่เหลี่อมข้าวหลามตัดสีเงิน ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของค่าย
ภายในของ E-Tourneo Courier มีแดชบอร์ดเหมือนกับ E-Transit Courier โดยมี "Digiboard" แผงอุปกรณ์ดิจิทอล, จอสัมผัสระบบอินโฟเทนเมนท์ SYNC 4 ขนาด 12 นิ้ว, ระบบ Android Auto แบบไร้สาย และ Apple Car Play มีชาร์จแพดสำหรับสมาร์ทโฟน และสามารถอัพเดทซอฟท์แวร์ของรถผ่านระบบ OTA
ในรุ่นไฟฟ้า พนักพิงเบาะหลัง สามารถพับแบบ 60:40 ได้ ทำให้ขนสัมภาระได้มากกว่ารุ่นเครื่องยนต์ถึง 44 % ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยเพดานห้องโดยสารมีระยะห่างเหนือศีรษะ และความกว้างระดับไหล่มากขึ้น ทั้งมีช่องเก็บสัมภาระที่คอนโซลกลาง, ช่องเก็บของด้านหลัง และใต้ฝากระโปรงหน้า ที่มีเนื้อที่ถึง 44 ลิตร
Ford E-Tourneo Courier ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ให้กำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์ (134 แรงม้า) ขับเคลื่อนล้อหน้า ควบคุมการขับขี่ด้วยแป้นเหยียบเดี่ยว (One-Pedal Driving Mode) และมีโหมดการขับเคลื่อนให้เลือก ทั้ง Normal (ปกติ), Eco (ประหยัด) และ Slippery (พื้นผิวลื่น)
ขนาดของแบทเตอรี ยังไม่เปิดเผยแต่รองรับการชาร์จกระแสสลับ 11 กิโลวัตต์ และกระแสไฟตรง 100 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จด้วยกระแสไฟสลับจาก 10-80 % ภายใน 5.7 ชั่วโมง และชาร์จด้วยกระแสไฟตรงจาก 10-80 % ภายในเวลา 35 นาที หากชาร์จ 10 นาที จะสามารถเดินทางได้ถึง 87 กม.
Ford Tourneo Courier รุ่นเครื่องยนต์พร้อมรับจองแล้ว และจะส่งมอบรถได้ภายในปลายปีนี้ ส่วน E-Tourneo Courier จะเข้าสู่สายพานการผลิตตั้งแต่กลางปี 2567 เป็นต้นไป และส่งมอบได้ในปลายปีเดียวกัน
ทั้ง 2 รุ่น จะใช้ฐานการผลิตของ Ford ที่โรมาเนีย ซึ่งเป็นโรงงานเดียวกันกับที่ผลิตรถไฟฟ้า Ford Puma สำหรับ E-Tourneo Courier เป็น 1 ใน 10 รุ่น ของ Ford ที่จะผลิตภายในปี 2567
Ford E-Tourneo Courier เป็น เอมพีวี ขนาดเล็กที่สุดของค่าย โดยมีความยาวเพียง 4.3 ม. เท่านั้น และอาจไม่ได้ถูกส่งไปขายในสหรัฐอเมริกา บทความแนะนำ

