สิริรัตน์ วีรวิศาล รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ณ ปัจจุบัน ปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย เพราะไม่เพียงส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน แต่ยังส่งผล กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สังคม และเศรษฐกิจอีกด้วย ทั้งนี้ ปัญหาฝุ่น PM2.5 ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้รถที่มีเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดการปล่อยไอเสีย และเกิดสารละอองที่เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่ประกอบด้วยเขม่าเป็นส่วนใหญ่ (PM2.5) รถพลังงานไฟฟ้า หรือรถ EV (Electric Vehicle) จึงเป็นรถทางเลือกในการลดมลพิษทางอากาศเพราะด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนของมอเตอร์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมัน 100 % ทำให้ไม่มีการปล่อยไอเสีย และการเผาไหม้ใดๆ ที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศได้ กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการออกมาตรการในการสนับสนุนการพัฒนาอุต สาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และมีนโนบายต่างๆ ในการสนับสนุนประชาชนให้มาใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เช่น การลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงาน และนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตั้งแต่วันนี้-10 พย. 2568 โดยให้ลดภาษีลงร้อยละ 80 จากอัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เช่น รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กก. ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 320 บาท รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กก. ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 160 บาท ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 10 บาท เป็นต้น โดยการลดภาษีประจำปีเป็นระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียน
สถิติการจดทะเบียนของรถพลังงานไฟฟ้าทั่วประเทศตั้งแต่เดือน มค.-พค. 66 มีรถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ทั้งสิ้น 32,450 คัน โดยในปี 2566 มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ในช่วงเวลาเดียวกันถึง 474.43 % แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก ขอเชิญชวนประชาชนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงประหยัดภาษีประจำปีให้แก่เจ้าของรถได้อีกทาง
บทความแนะนำ