รูปลักษณ์ภายนอกของ Mercedes-Benz E-Class Estate ได้รับอิทธิพลจาก Mercedes-EQ EQS ตกแต่งด้วยชิ้นส่วนสีดำมัน ทั้งมีแนวหลังคาที่สวยงาม และลู่ลม ด้านหน้าใช้แผงสีดำเชื่อมต่อระหว่างช่องกริลล์หน้ากับชุดโคมไฟ กว้างกว่ารุ่นเดิม 28 มม. มีระยะฐานล้อ 2,961 มม. ซึ่งยาวขึ้น 22 มม. พื้นที่เก็บสัมภาระหลังมีความจุ 615 ลิตร เพื่อความชัดเจนมากขึ้น อาจเทียบกับ 650 ลิตรของ Volvo V90 และ 586 ลิตรของ Audi A6 Avant เมื่อพับพนักเบาะลงจะได้ความจุเพิ่มเป็น 1,830 ลิตร ในรุ่น พลัก-อิน ไฮบริด (PHEV) ติดตั้งแบทเตอรีบริเวณส่วนท้าย ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระลดลงเหลือเพียง 460 ลิตร และ 1,675 ลิตร เมื่อพับพนักเบาะลง
ห้องโดยสารของรุ่นตรวจการณ์ ใช้ระบบอินโฟเทนเมนท์ MBUX เจเนอเรชันที่ 3 พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง และรายการสตรีมเพลงออนไลน์ นอกจากนั้นยังมีแอพพลิเคชัน TikTok, Angry Birds และ Zoom เหนือชั้นด้วยระบบ AI ที่เรียนรู้การขับรถของผู้ขับรถ และเส้นทาง ที่สามารถแนะนำฟังค์ชันการใช้งานที่ผู้ขับรถอาจตัองการ พร้อมเทคโนโลยีไร้คนขับระดับ 4 (ก่อนหน้านี้มีเฉพาะใน S-Class รุ่นพิเศษ) จะมีเฉพาะประเทศที่กฎหมายยอมรับ
Mercedes-Benz E-Class Estate มีขุมพลังให้เลือกทั้ง เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ และ 6 สูบเรียง และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งให้กำลังตั้งแต่ 194 แรงม้า ถึง 375 แรงม้า โดยถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ และทุกรุ่นใช้ระบบ Mild Hybrid 48 โวลท์ ช่วยให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และลดอัตราสิ้นเปลือง ส่วนรุ่น พลัก-อิน ไฮบริด ใช้แบทเตอรีขนาด 24.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง เดินทางด้วยไฟฟ้าล้วนถึง 100 กม. และเพื่อความสบายในการเดินทาง ระบบรองรับด้านหลังจึงใช้ระบบ Air Matic ที่ปรับการดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี และสามารถลากจูงได้ถึง 2.1 ตัน 
