ธุรกิจ
Great Wall Motor ร่วมงาน World Chinese Entrepreneurs Convention

ความพยายามของ Great Wall Motor มีความสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลจีน ไม่ว่าจะเป็นโครงการ One Belt One Road ที่จะครบรอบ 10 ปี หรือสนธิสัญญาไมตรี และความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะครบรอบ 20 ปี ในปี 2566 นี้ รวมไปถึงพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างจีน และอาเซียนที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ประกาศจัดตั้งขึ้นในปี 2564 เช่นเดียวกันกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehen sive Economic Partnership) ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดซึ่งครอบคลุมประชากรจำนวนมากที่สุด และภูมิภาคที่กว้างที่สุดทั่วโลก ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม พศ. 2565 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ Great Wall Mo tor เชื่อว่าตลาดอาเซียนมีทั้งศักยภาพ และโอกาสที่จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนใหม่สำหรับแบรนด์ยานยนต์จีนในการเข้าสู่ตลาดโลก เช่นเดียวกับเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างระดับโลกของ Great Wall Motor อีกด้วย
“การสร้างความแตกต่าง เป็นกลยุทธ์หลักของเราในตลาดอาเซียนที่มุ่งเน้นการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ทั้งด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัย และการบริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ รวมถึงมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร โดยยึดถือจากค่านิยมของแบรนด์ที่ว่า "New Energy New Intelligence New Experience" ส่งผลให้เราได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงแบรนด์ และสร้างระบบแบรนด์ที่สอดคล้องกับยุคสมัย เป็นสากล และมีชีวิตชีวา ด้วยการสื่อสารกับผู้บริโภคด้วยแนวคิดที่เปิดกว้าง และการสร้างสรรค์รูปแบบการขายในตลาดอาเซียนด้วยแนวคิด “One Price Policy” อย่างจริงจัง ผ่านการกำหนดราคาที่โปร่งใส ยุติธรรม และ “Partner Stores” ที่ช่วยส่งเสริมรูปแบบการทำธุรกรรมแบบออนไลน์จนถึงการจัดส่งออฟไลน์ เพื่อเลี่ยงแรงกดดันด้านสินค้าค้างสตอคในร้านค้า พร้อมลดการแข่งขันระ หว่างช่องทางต่างๆ เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด รวมไปถึงยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไปอีกขั้นผ่านการบริการหลังการขาย และการจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ”
“Great Wall Motor ยังให้ความสำคัญกับการยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) โดยมุ่งเน้นที่การรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้ และสร้างประสบการณ์ให้แก่ผู้ใช้ใหม่อย่างต่อเนื่อง เป้าหมายของบริษัทฯ คือ การทำ ให้ Great Wall Motor เป็นแบรนด์ที่มีผู้ใช้เป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริงรายแรกในตลาดประเทศไทย ซึ่งการพัฒนานี้ไม่เพียงแต่สอดคล้องกับกลยุทธ์ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาห กรรมยานยนต์ไทยโดยรวมเท่านั้น แต่ยังเป็นทางเลือกที่สำคัญในการสนับสนุนการลดการปล่อยแกสคาร์บอน และบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนในสังคมไทยอีกด้วย”
สำหรับตลาดไทยนั้น Great Wall Motor ได้สร้างโรงงานผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ครั้งแรก ซึ่งเป็นโรงงานอัจฉริยะในประเทศไทย ในเดือนพฤศจิกายน พศ. 2563 และเปิดตัวแบรนด์ "Great Wall Motor" อย่างเป็นทาง การในประเทศไทย ในเดือนกุมภาพันธ์ พศ. 2564 นับตั้งแต่วันแรกที่ Great Wall Motor เข้าสู่ตลาดอาเซียน บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะไม่เพียงแค่อยู่ในระดับสากล แต่ยังมีเป้าหมายที่จะก้าวสู่อันดับสูงสุดของแบรนด์ที่เป็นที่ยอม รับทั่วโลก และกลายเป็นแบรนด์ยานยนต์ระดับโลกที่ปรับตัวเข้ากับตลาดอาเซียนได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ Great Wall Motor ยังเสริมสร้างโอกาสในการจ้างงานในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีพนักงานชาวไทยมากกว่า 1,000 คนทำงานกับบริษัทฯ และบริษัทฯ ในเครือที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของ Great Wall Motor มีการเปิดโอกาสในการทำงานรวมทั้งหมด 3,000 ตำแหน่ง ซึ่งพนักงานในประเทศไทยมีสัดส่วนมากกว่า 86 % สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในด้านการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรากฐานของบริษัทในประเทศไทย ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจของ Great Wall Motor ก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการฝึกอบรม และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในประเทศไทย ทั้งนี้ Great Wall Motor ยังเดินหน้าขยายการดำเนินธุรกิจเพื่อรุกตลาดในภูมิภาคอาเซียน โดยปัจจุบันทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้วใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน และลาว โดยเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Great Wall Motor ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศกัมพูชา และกำลังวางแผนดำเนินธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบในสิงคโปร์ และเวียดนาม ภายในปี 2566
ปัจจุบัน Great Wall Motor นำเสนอรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทยทั้งหมด 4 รุ่น และรถยนต์ไฟฟ้า 100 % ทั้งหมด 2 รุ่น โดยรถยนต์ทุกรุ่นนี้ มาพร้อมกับระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ล้ำสมัยของ Great Wall Motor จนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และสร้างปรากฏการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ในประเทศไทย โดย Haval H6 HEV ได้ครองตำแหน่งรถเอสยูวีขนาดกลาง (C-Segment) ที่ขายดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง และสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าได้นับตั้งแต่ปีแรกที่เข้าสู่ประเทศไทย ในขณะเดียวกัน เจ้าเหมียวไฟฟ้า ORA Good Cat สามารถครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยมากถึง 1 ใน 3 ในปี 2565 ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความนิ ยมในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย สมรรถนะการขับขี่ และเทคโนโลยีการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Great Wall Motor ยังคงมุ่งมั่นเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับองค์กรด้านพลังงาน และพลังงานไฟฟ้าหลักของประเทศไทยทั้ง 3 แห่งจนส่งผลให้มีเกิดสถานีซูเพอร์ชาร์จแบบ "Light-Storage-Charge Integrated" แห่งแรกนอกประเทศจีน ปัจจุบัน แผนที่สถานีชาร์จของ Great Wall Motor ยังได้เชื่อมต่อให้แก่ผู้ประกอบการสถานีชาร์จรถยนต์อีกกว่า 800 สถานี และครอบคลุมมากกว่า 80 % ของเครือข่ายการชาร์จสาธารณะทั้งหมดของประเทศไทย ระบบนิเวศการชาร์จที่ครอบคลุมนี้รองรับความต้องการการชาร์จของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในตลาด ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ของประเทศไทย 

