ธุรกิจ
Great Wall Motor ร่วมงาน World Chinese Entrepreneurs Convention
Great Wall Motor ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) และผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย (XEV Leader) เข้าร่วมการประชุมกับนักธุร กิจจีนทั่วโลกที่งาน World Chinese Entrepreneurs Convention ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายน 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ ประกาศเดินหน้า และผลักดันสร้างการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และอาเซียน สนับสนุนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขั้นสูงด้านการขับขี่ และการลงทุนในโรงงานอัจฉริยะในจังหวัดระยอง พร้อมร่วมผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของแบรนด์ยานยนต์จีนในอาเซียน
ไมเคิล ฉง ผู้จัดการทั่วไปของ Great Wall Motor (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์ต่างๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีนให้ความสำคัญกับการขยายการดำเนินงานสู่ต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโต และนำเสนอเทคโนโลยีอันล้ำสมัยจากประเทศจีนออกสู่เวทีโลก มีโอกาสมากมายสำหรับผู้ประกอบการจากประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคอาเซียน ภายหลังจากที่มีการฟื้นตัวจากการระบาดของโรค CO VID-19 เราเห็นการเติบโตขึ้นทีละน้อยอย่างมั่นคงของอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาคนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2566 ยอดขายรถยนต์ภายในภูมิภาคอาเซียนจะสูงถึง 3.35 ล้านคัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอาเซียนที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์โลก นอกจากนี้ เรายังคงเห็นถึงกระแสการเปลี่ยนแปลงของความต้องการรถยนต์พลังงานใหม่ และเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงการให้ความสำคัญกับคุณ ภาพของผลิตภัณฑ์ และการบริการ ซึ่งกระแสความต้องการดังกล่าวเป็นจุดแข็งของรถยนต์จากประเทศจีน และเป็นโอกาสอันสดใสในการขยายธุรกิจออกสู่ตลาดโลก
ความพยายามของ Great Wall Motor มีความสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลจีน ไม่ว่าจะเป็นโครงการ One Belt One Road ที่จะครบรอบ 10 ปี หรือสนธิสัญญาไมตรี และความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะครบรอบ 20 ปี ในปี 2566 นี้ รวมไปถึงพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างจีน และอาเซียนที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ประกาศจัดตั้งขึ้นในปี 2564 เช่นเดียวกันกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehen sive Economic Partnership) ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดซึ่งครอบคลุมประชากรจำนวนมากที่สุด และภูมิภาคที่กว้างที่สุดทั่วโลก ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม พศ. 2565 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ Great Wall Mo tor เชื่อว่าตลาดอาเซียนมีทั้งศักยภาพ และโอกาสที่จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนใหม่สำหรับแบรนด์ยานยนต์จีนในการเข้าสู่ตลาดโลก เช่นเดียวกับเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างระดับโลกของ Great Wall Motor อีกด้วย
“การสร้างความแตกต่าง เป็นกลยุทธ์หลักของเราในตลาดอาเซียนที่มุ่งเน้นการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ทั้งด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัย และการบริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ รวมถึงมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร โดยยึดถือจากค่านิยมของแบรนด์ที่ว่า "New Energy New Intelligence New Experience" ส่งผลให้เราได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงแบรนด์ และสร้างระบบแบรนด์ที่สอดคล้องกับยุคสมัย เป็นสากล และมีชีวิตชีวา ด้วยการสื่อสารกับผู้บริโภคด้วยแนวคิดที่เปิดกว้าง และการสร้างสรรค์รูปแบบการขายในตลาดอาเซียนด้วยแนวคิด “One Price Policy” อย่างจริงจัง ผ่านการกำหนดราคาที่โปร่งใส ยุติธรรม และ “Partner Stores” ที่ช่วยส่งเสริมรูปแบบการทำธุรกรรมแบบออนไลน์จนถึงการจัดส่งออฟไลน์ เพื่อเลี่ยงแรงกดดันด้านสินค้าค้างสตอคในร้านค้า พร้อมลดการแข่งขันระ หว่างช่องทางต่างๆ เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด รวมไปถึงยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไปอีกขั้นผ่านการบริการหลังการขาย และการจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ”
“Great Wall Motor ยังให้ความสำคัญกับการยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) โดยมุ่งเน้นที่การรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้ และสร้างประสบการณ์ให้แก่ผู้ใช้ใหม่อย่างต่อเนื่อง เป้าหมายของบริษัทฯ คือ การทำ ให้ Great Wall Motor เป็นแบรนด์ที่มีผู้ใช้เป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริงรายแรกในตลาดประเทศไทย ซึ่งการพัฒนานี้ไม่เพียงแต่สอดคล้องกับกลยุทธ์ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาห กรรมยานยนต์ไทยโดยรวมเท่านั้น แต่ยังเป็นทางเลือกที่สำคัญในการสนับสนุนการลดการปล่อยแกสคาร์บอน และบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนในสังคมไทยอีกด้วย”
สำหรับตลาดไทยนั้น Great Wall Motor ได้สร้างโรงงานผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ครั้งแรก ซึ่งเป็นโรงงานอัจฉริยะในประเทศไทย ในเดือนพฤศจิกายน พศ. 2563 และเปิดตัวแบรนด์ "Great Wall Motor" อย่างเป็นทาง การในประเทศไทย ในเดือนกุมภาพันธ์ พศ. 2564 นับตั้งแต่วันแรกที่ Great Wall Motor เข้าสู่ตลาดอาเซียน บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะไม่เพียงแค่อยู่ในระดับสากล แต่ยังมีเป้าหมายที่จะก้าวสู่อันดับสูงสุดของแบรนด์ที่เป็นที่ยอม รับทั่วโลก และกลายเป็นแบรนด์ยานยนต์ระดับโลกที่ปรับตัวเข้ากับตลาดอาเซียนได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ Great Wall Motor ยังเสริมสร้างโอกาสในการจ้างงานในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีพนักงานชาวไทยมากกว่า 1,000 คนทำงานกับบริษัทฯ และบริษัทฯ ในเครือที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของ Great Wall Motor มีการเปิดโอกาสในการทำงานรวมทั้งหมด 3,000 ตำแหน่ง ซึ่งพนักงานในประเทศไทยมีสัดส่วนมากกว่า 86 % สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในด้านการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรากฐานของบริษัทในประเทศไทย ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจของ Great Wall Motor ก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการฝึกอบรม และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในประเทศไทย ทั้งนี้ Great Wall Motor ยังเดินหน้าขยายการดำเนินธุรกิจเพื่อรุกตลาดในภูมิภาคอาเซียน โดยปัจจุบันทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้วใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน และลาว โดยเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Great Wall Motor ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศกัมพูชา และกำลังวางแผนดำเนินธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบในสิงคโปร์ และเวียดนาม ภายในปี 2566
ปัจจุบัน Great Wall Motor นำเสนอรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทยทั้งหมด 4 รุ่น และรถยนต์ไฟฟ้า 100 % ทั้งหมด 2 รุ่น โดยรถยนต์ทุกรุ่นนี้ มาพร้อมกับระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ล้ำสมัยของ Great Wall Motor จนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และสร้างปรากฏการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ในประเทศไทย โดย Haval H6 HEV ได้ครองตำแหน่งรถเอสยูวีขนาดกลาง (C-Segment) ที่ขายดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง และสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าได้นับตั้งแต่ปีแรกที่เข้าสู่ประเทศไทย ในขณะเดียวกัน เจ้าเหมียวไฟฟ้า ORA Good Cat สามารถครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยมากถึง 1 ใน 3 ในปี 2565 ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความนิ ยมในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย สมรรถนะการขับขี่ และเทคโนโลยีการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Great Wall Motor ยังคงมุ่งมั่นเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับองค์กรด้านพลังงาน และพลังงานไฟฟ้าหลักของประเทศไทยทั้ง 3 แห่งจนส่งผลให้มีเกิดสถานีซูเพอร์ชาร์จแบบ "Light-Storage-Charge Integrated" แห่งแรกนอกประเทศจีน ปัจจุบัน แผนที่สถานีชาร์จของ Great Wall Motor ยังได้เชื่อมต่อให้แก่ผู้ประกอบการสถานีชาร์จรถยนต์อีกกว่า 800 สถานี และครอบคลุมมากกว่า 80 % ของเครือข่ายการชาร์จสาธารณะทั้งหมดของประเทศไทย ระบบนิเวศการชาร์จที่ครอบคลุมนี้รองรับความต้องการการชาร์จของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในตลาด ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ของประเทศไทย
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/456357