บทความ
MG เปิดตัว Cyberster ครั้งแรกในจีน ที่งานมหกรรมยานยนต์เฉิงตู 2023
SAIC Motor Corporation กลุ่มบริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์รถยนต์ MG นำทัพรถหลากหลายรุ่นเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์เฉิงตู 2023 (Chengdu Auto Show 2023) ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม นำทัพโดย MG Cyberster รถสปอร์ทโรดสเตอร์ขุมพลังไฟฟ้า ที่เผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในทวีปเอเชีย MG4 Electric แฮทช์แบคไฟฟ้าเจ้าของตำแหน่ง “รถยอดฮิท” ที่มียอดส่งออกไปทั่วโลกแล้วกว่า 57,000 คัน ในช่วงปี 2023 พร้อมจุดเปลี่ยน EV ครั้งสำคัญกับการเปิดตัว IM LS6 ที่สร้างสถิติใหม่ กวาดยอดจองล่วงหน้าถึงกว่า 6,000 คัน ภายใน 8 ชม. และอีกหลากหลายรุ่นภายในงาน
MG Cyberster ครั้งแรกกับการเปิดแสดงรถคันจริงอย่างเป็นทางการในจีน
หลังจากการไปปรากฏตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ MG Cyberster ในงานแสดงรถแห่งปี Goodwood Festival of Speed 2023 ที่สหราชอาณาจักร เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ล่าสุด MG Cyberster ได้สร้างปรากฏการณ์ EV ครั้งใหม่ ด้วยการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกบนทวีปเอเชีย และถูกยกให้เป็นยนตรกรรมไฮไลท์ที่คนหลั่งไหลเข้ามาชมแบบไม่ขาดสายภายในส่วนจัดแสดงของ MG ด้วยจุดเด่นของการเป็นรถโรดสเตอร์ไฟฟ้า (Electric Roer) เปิดประทุน 2 ที่นั่ง ของตลาด EV โดดเด่นด้วยดีไซจ์นประตูปีกนกแบบปุ่มสัมผัสเปิด/ปิด และหลังคาผ้าซอฟท์ทอพ มาพร้อมกระจังหน้าเรียวยาว เส้นด้านข้างของตัวรถมีความโค้งมน ให้ความรู้สึกพลิ้วไหว ภายในห้องโดยสารให้ลุคสปอร์ทด้วยการใช้สีแดง Wine-red อัตลักษณ์เหล่านี้ สร้างสรรค์ขึ้นโดย Marco Feinello อดีตวิศวกรผู้ควบคุมการปรับแต่งรถให้แก่ทีม Ferrari F1 และหัวหน้าฝ่ายเทคนิคของ DANISI Engineering เป็นผู้นำทัพในการปรับแต่ง และเสริมสมรรถนะให้แก่ MG Cyberster ภายในงานจัดแสดงครบทั้ง 3 สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีเทา
IM LS6 เปิดตัวแรง ทุบสถิติ 8 ชม. กวาดยอดจองล่วงหน้ากว่า 6,000 คัน
นอกจากนี้ ภายในพื้นที่จัดแสดงยังได้นำเสนออีกแบรนด์ที่น่าจับตามองอย่าง IM Motors ที่เป็นแบรนด์ภายใต้การร่วมทุนของ SAIC Motor กับ Alibaba และ Shanghai Zhangjiang Hi-Tech Park Development ซึ่งก่อนหน้านี้เคยส่งรถรุ่น IM L7 รูปแบบซีดาน และ IM LS7 ในรูปแบบครอสส์โอเวอร์ โดยภายในงานนี้ได้ส่งโมเดลใหม่เข้ามาเขย่าตลาด EV กับ IM LS6 รถคูเปเอสยูวีรุ่นแรก ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบซิลิกอนคาร์ไบด์ ด้วยกำลังชาร์จสูงสุด 900 โวลท์ โดยมีแรงดันไฟฟ้าขณะใช้งานสูงสุดที่ 875 โวลท์ และเซลล์ในชุดแบทเตอรีสามารถชาร์จได้สูงสุด 396 กิโลวัตต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 200 กม. หลังชาร์จไฟเพียง 5 นาที และหากชาร์จ 15 นาที สามารถทำระยะทางได้ไกลถึง 500 กม. ทั้งนี้ IM LS6 ถือเป็นรถที่มาพร้อมกับเทคโนโลยียนตรกรรมที่ล้ำสมัยที่สุดกว่า 100 เทคโนโลยี อาทิ เทคโนโลยีระบบนำทางมาตรฐานโลกอย่าง IM AD เทคโนโลยีระบบการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการออกตัว การเข้าจอด และการติดตามตำแหน่งที่สามารถทำได้เพียงกดปุ่มเดียว ผ่านการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ ไม่ว่าจะเป็นการจอด หรือการถอยรถ ฟีเจอร์ “ที่นั่งคนขับอัจฉริยะ” ยังมาพร้อม “หน้าจอดิจิทอลแบบ Full Frame” ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ IM LS6 อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "Scene Labels+Fusion Perception+MR Enhanced Display+Image Algorithms" เพื่อลดจุดบอด และเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย IM LS6 ถือเป็นรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบมอเตอร์คู่ มี 2 รูปแบบ คือ แบบ Low-power ที่มีกำลังสูงสุดของมอเตอร์ด้านหน้าที่ 170 กิโลวัตต์ มอเตอร์ด้านหลังที่ 304 กิโลวัตต์ และแบบ High-power ที่มีกำลังสูงสุดของมอเตอร์ด้านหน้าที่ 200 กิโลวัตต์ มอเตอร์ด้านหลังที่ 379 กิโลวัตต์ ด้วยสมรรถนะ รูปลักษณ์ และเทคโนโลยีอันโดดเด่น ทำให้ IM LS6 สามารถสร้างสถิติยอดจองล่วงหน้ากว่า 6,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 8 ชม. เท่านั้น โดย SAIC Motor มีแผนจะทำรถรุ่นนี้เป็นโกลบอลโมเดลต่อจาก MG4 ที่เปิดตัวในปี 2022
MG7 โมเดลที่โดดเด่นในทุกด้าน เน้นตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่
ไม่ใช่แค่เพียงรถไฟฟ้า แต่ MG ยังได้นำ MG7 เจ้าของสถิติ Guinness World Records มาจัดแสดง เพื่อถ่ายทอดการเป็นรถสปอร์ทซีดานสุดหรูสายทรหด ที่สามารถไปถึงเส้นทางที่ระดับความสูง 5,978.17 เมตร ซึ่งเป็นระดับความสูงที่สูงที่สุดที่รถยนต์ซึ่งขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงเคยไปถึง นอกจากเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถแบบ Fastback ท้ายสั้น และบานประตูแบบไร้กรอบ เฉกเช่นซูเพอร์คาร์ ที่มาพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจแล้ว MG7 ยังพร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำสมัย ด้วยการอัพเดทข้อมูลผ่านสัญญาณดาวเทียมอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่จะได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่า
MG4 Electric โกลบอล EV กับผลงานที่ทำได้ดีในทั่วโลก
MG4 Electric ถือเป็นโกลบอล EV ที่ MG ใช้เป็น “หัวหอก” ในการบุกตลาดทั่วโลก โดยถือเป็น “EV สายพันธุ์แท้” ที่พัฒนาขึ้นบนพแลทฟอร์ม Nebula Pure Electric ออกแบบมาสำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ เปิดตัว และทำตลาดอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนกันยายน 2565 โดยวางตำแหน่งให้เป็น “แฮทช์แบคไฟฟ้าที่มีระบบขับเคลื่อนล้อหลัง” กับจุดเด่นในการเป็นรถไฟฟ้าที่ขับสนุก จนได้รับการยกย่องจากสื่อหลายสำนักทั่วโลกให้เป็น “รถไฟฟ้าที่มีความโดดเด่นในเรื่องการขับขี่ และคุ้มค่าที่สุดในตลาด” ด้วยจำนวนยอดส่งออกกว่า 57,000 คันแล้วทั่วโลกในปี 2023 (ยอดเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566) ถือเป็นโมเดลที่ผลักดันให้วงการ EV ของ MG ไปสู่อีกขั้นในตลาดโลก
เรื่องโดย : ลิขิต น้าประเสริฐ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : บทความ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/465743